เมืองฉอด

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เมืองฉอด

image
image
image
image
image
image
image
image
ไม่ทราบ–พุทธศตวรรษที่ 18
สถานะนครรัฐ
เมืองหลวงเมืองฉอด
การปกครองราชาธิปไตย
กษัตริย์ (ขุน) 
• ไม่ทราบปี – พ.ศ. 1800
ขุนสามชน
ประวัติศาสตร์ 
• ก่อตั้ง
ไม่ทราบ
• ถูกผนวกเข้ากับสุโขทัย
พุทธศตวรรษที่ 18
ก่อนหน้า
ถัดไป
image อาณาจักรสุโขทัย
อาณาจักรสุโขทัย image
ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ

เมืองฉอด หรือ รัฐฉอด เป็นรัฐหรืออาจเป็นนครรัฐอิสระของชนชาติไทแห่งหนึ่ง อยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 เมืองฉอดมีกษัตริย์ปกครองตนเอง เรียกว่า "ขุน" ซึ่งคำไทยในยุคแรก หมายถึง กษัตริย์ อาจแปลว่า ผู้นำหรือเจ้าเมืองขนาดเล็ก มีข้อมูลว่าเมืองฉอดเป็นรัฐที่ได้รับศิลปวัฒนธรรมจากอาณาจักรสุโขทัย และจารึกวัดศรีชุม ระบุว่า เมืองแห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของสุโขทัยมาก่อน ในศิลาจารึกหลักที่ 1 ระบุว่า เมืองฉอดนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองสุโขทัย ทว่าในศิลาจารึกหลักเดียวกันนั้น ได้กล่าวถึงศึกยุทธหัตถีระหว่างขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด กับพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระราชโอรสกษัตริย์สุโขทัย สุดท้ายขุนสามชนพ่ายแพ้ไป ไม่ปรากฏเรื่องราวของขุนสามชนในหลักฐานหรือเอกสารอื่นใดอีก และศิลาจารึกหลักที่ 1 ซึ่งถูกสร้างขึ้นหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ระบุว่าเมืองฉอดได้ตกเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสุโขทัยไปแล้ว

ปัจจุบันมีความพยายามของนักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดี ในการตามหาที่ตั้งของเมืองฉอด ส่วนใหญ่มักเชื่อมโยงเมืองฉอดกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งยังไม่พบหลักฐานที่จะสามารถพิสูจน์ความเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองเมืองได้จนถึงบัดนี้

ปริศนาโบราณคดี

]

ที่ตั้ง

]

ที่ตั้งของเมืองฉอดยังเป็นปริศนา ในศิลาจากรึกหลักที่ 1 ระบุถึงที่ตั้งของเมืองฉอด ว่าอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองสุโขทัย ความว่า "...เบื้องตะวันตกรอดเมืองฉอด เมือง...น หงสาวดีสมุทรหาเป็นแดน..." บางคนก็ว่าเมืองฉอด คือเทศบาลนครแม่สอด บ้างก็ว่าคือด่านแม่ละเมา บ้างก็ว่าโบราณสถานคอกช้างเผือกในตำบลท่าสายลวด หรืออาจเป็นเมืองตากเก่าในอำเภอบ้านตาก ซากเมืองโบราณในตำบลแม่ตื่นและตำบลสามหมื่น อำเภอแม่ระมาด และยังมีเมืองโบราณบ้านแม่ต้าน อำเภอท่าสองยาง ที่เข้าเค้าว่าอาจเป็นเมืองฉอดอีกแห่ง ซึ่งทั้งหมดล้วนตั้งอยู่ในเขตจังหวัดตาก

ศาสตราจารย์ ดร. ประเสริฐ ณ นคร เคยแสดงความเห็นว่าเมืองนี้อยู่ริมแม่น้ำฉอด แต่ต่อมาท่านได้แก้ไขด้วยลายมือใน สารนิพนธ์ประเสริฐ ณ นคร ระบุว่า ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเมย และอธิบายต่อว่า เมืองนี้มีผังเมืองเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่มีขนาดเล็กเกินที่จะรวบรวมคนไปตีเมืองตากได้ ด้วยเหตุนี้ ประเสริฐจึงอ้างความเห็นของนักโบราณคดีว่าเมืองฉอดอาจตั้งอยู่ริมแม่น้ำเมยในฝั่งประเทศพม่า ในปาฐกถาเรื่องประวัติศาสตร์สุโขทัยในจารึก ประเสริฐให้ข้อมูลอีกว่า "...เมืองฉอดนี้เชื่อกันว่าอยู่ในประเทศพม่า แต่ตอนนี้วางไว้ที่แม่สอดชั่วคราว เพราะคนภาคเหนือออกเสียง ฉ ไม่ได้ ต้องออกเสียงเป็น ส ไป ฉอดจึงกลายเป็นสอด..." และรองศาสตราจารย์ ศรีศักร วัลลิโภดม เสนอว่า เมืองฉอดคือเมืองเมียวดี ปัจจุบันขึ้นอยู่กับประเทศพม่า ซึ่งพบหลักฐานทางโบราณคดี ได้แก่ ร่องรอยคูน้ำคันดินและกำแพงเมืองรูปสี่เหลี่ยม อีกทั้งยังพบเศษเครื่องถ้วยยุคสุโขทัยด้วย

ขณะที่จิตร ภูมิศักดิ์ ให้ทัศนะว่า ที่ตั้งของเมืองฉอด อาจจะเป็นเมืองโบราณบ้านแม่ต้าน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า เมืองเก่าห้วยลึก ที่จังหวัดตาก ความว่า "…รัฐฉอดหรือเมืองฮอดนั้นประมาณกันว่าอยู่ที่บริเวณอำเภอแม่สอด ทางตะวันตกเฉียงใต้ของตัวเมืองจังหวัดตากเดี๋ยวนี้; ที่ประมาณอย่างนั้นเพราะชื่อแม่สอดยังเป็นชื่อเดียวกับฉอดอยู่ (ภาษาไทยพายัพออกเสียง ฉ เป็น ส หมด). แต่มาในระยะราว พ.ศ. 2500 นี้ ได้พบเมืองโบราณขนาดใหญ่มากเมืองหนึ่งในป่าทึบริมแม่น้ำเมย ที่บ้านแม่ต้านทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองตาก มีทรากโบราณวัตถุและพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยเป็นอันมากแสดงว่าเป็นเมืองใหญ่ในยุคสุโขทัย, จึงทำให้นักโบราณคดีตั้งข้อสงสัยว่าที่นั่นอาจจะเป็นเมืองฉอดของพ่อขุนสามชน…. อย่างไรก็ดี เมืองร้างที่พบใหม่ที่ตำบลแม่ต้านนั้นอาจจะเป็นเมืองอื่นที่มิใช่ฉอดก็ได้ เพราะยังมีเมืองในแถบนี้อีกหลายเมืองที่ปรากฏชื่อในศิลาจารึกสุโขทัย แต่เรายังค้นไม่พบว่าอยู่ที่ใดแน่…"

แต่จากการพิสูจน์หลักฐานทางโบราณคดี พบว่า เมืองโบราณบ้านแม่ต้านเป็นเมืองในวัฒนธรรมล้านนา มิใช่สุโขทัย และการสำรวจหลักฐานโบราณคดีเมืองโบราณหลายแห่งในเขตแอ่งแม่สอด ก็พบว่าทั้งหมดไม่ได้อยู่ร่วมสมัยอาณาจักรสุโขทัยเลย

เจดีย์ยุทธหัตถี

]

เมื่อคราวที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จไปเมืองเชียงใหม่เมื่อ พ.ศ. 2464 ทรงแวะชมเมืองตากเก่า แล้วทรงพบกับเจดีย์เก่ายุคสุโขทัย "...มีของสำคัญอยู่ที่เมืองตากเก่าอย่าง ๑ คือมีพระเจดีย์เหมือนอย่างแบบสุโขทัยสร้างไว้บนยอดดอยองค์ ๑ สูงสัก ๑๐ วา ยังอยู่บริบูรณ์ดี พวกชาวเมืองไม่รู้จักเรียกกันว่าพระปรางค์ และไม่มีใครรู้ว่าใครสร้าง..." แล้วพระองค์สันนิษฐานว่าคงเป็นเจดีย์ที่นับเนื่องจากการกระทำยุทธหัตถีของพ่อขุนรามคำแหงที่ชนะขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด ปรากฏความตอนหนึ่งว่า "...ได้รูปและสัณฐานเหมือนพระเจดีย์องค์กลาง ซึ่งพ่อขุนรามคำแหงสร้างไว้ในวัดเจดีย์เจ็ดยอดแถวเมืองศรีสัชนาลัย และพระเจดีย์ที่วัดตระพังเงินเมืองสุโขทัยไม่มีผิด ลายปั้นหน้าราหูยังอยู่ดีบริบูรณ์ดี สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพระเจดีย์สร้างเฉลิมพระเกียรติพ่อขุนรามคำแหงที่ชนช้างชนะขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดที่เมืองตาก แต่จะสร้างในรัชกาลไหนข้อนี้สงสัยอยู่ แต่คงในราชวงศ์พระร่วงสร้าง..." ซึ่งจากข้อสันนิษฐานของพระองค์ได้กลายเป็นข้อเท็จจริงที่ผู้คนเชื่อถือ และเข้าใจว่าเป็นสิ่งก่อสร้างในยุคพ่อขุนรามคำแหงจริง

รองศาสตราจารย์ ศรีศักร วัลลิโภดม อธิบายว่า ศิลปะของเจดีย์เป็นแบบสุโขทัยในรัชสมัยของพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลือไทย) ซึ่งเป็นยุคหลังจากรัชกาลพ่อขุนรามคำแหง ส่วนธีรวัฒน์ แสนคำ เสนอว่า เจดีย์ดังกล่าว น่าจะเป็นมหาธาตุเจดีย์ประจำเมืองตาก เพราะในรัชกาลของพระมหาธรรมราชาที่ 1 ทรงมีพระราชประสงค์สร้างมหาธาตุเจดีย์ขึ้นในหลายเมือง ซึ่งเป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์เช่นกัน

ขณะที่ศาสตราจารย์ นิธิ เอียวศรีวงศ์ อธิบายว่า สมัยรัฐจารีตไทยไม่เคยมีการสร้างอนุสาวรีย์เลย การสร้างอนุสาวรีย์เพิ่งจะเริ่มมีในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนี้เอง

ประวัติ

]

เมืองฉอดเป็นรัฐขนาดเล็กหรืออาจเป็นนครรัฐก่อร่างสร้างตัวราวช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 แรกเริ่มยังไม่ขึ้นกับเมืองสุโขทัย มีกษัตริย์ปกครองตนเอง เรียกว่า "ขุน" ซึ่งคำเรียกในยุคแรก หมายถึง กษัตริย์ อาจแปลว่า ผู้นำหรือเจ้าเมืองขนาดเล็ก เมืองฉอดมีรูปแบบศิลปวัฒนธรรมแบบสุโขทัย อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าที่เชื่อมไปยังเมืองมอญ ออกทะเลที่อ่าวเมาะตะมะในมหาสมุทรอินเดียจิตร ภูมิศักดิ์ สันนิษฐานว่า เมืองฉอดเป็นรัฐของคนไทยอีกรัฐหนึ่งที่ได้ลุกฮือสลัดอำนาจของอาณาจักรขอมโบราณออกไป โดยเมืองฉอดมีสถานะเป็นรัฐอิสระดังเช่นรัฐสุโขทัยและล้านนา ในจารึกวัดศรีชุม ซึ่งถูกทำขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 19-20 ระบุว่า เมืองฉอดเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสุโขทัยมาตั้งแต่รัชสมัยพ่อขุนศรีนาวนำถุม โดยมีเนื้อหาระบุไว้ดังนี้

“...ในนครสุโขทัยนั้น พ่อขุนศรีนาวนำถุม...ศรีเสชนาไลดังอิงเป็นขุนยี่ขุนนางนักหนาแ...เป็นขุนในเมืองเชลียง...เมืองใต้ออกพ่อขุนนำถุม...เบื้องตะวันออกเถิงเบื้องหัวนอน เถิงขุนลุนตาขุนดาขุนด่าน ๏ ...เบื้องในหรดีเถิงฉอด เวียงเหล็ก เบื้องตะวันตกเถิงละพูน...”

image
ภาพจำลองยุทธหัตถีระหว่างพ่อขุนรามคำแหงมหาราช (ซ้าย) กับขุนสามชน (ขวา) บริเวณฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช

เมืองฉอดปรากฏหลักฐานการดำรงอยู่ครั้งแรกในศิลาจารึกหลักที่ 1 ในรัชสมัยของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชแห่งอาณาจักรสุโขทัย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1826 ซึ่งเนื้อหาบางส่วนเป็นการอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนการสร้างศิลาจารึก อย่างการกระทำยุทธหัตถีของขุนสามชน เจ้าผู้ครองเมืองฉอด ยกทัพไปตีเมืองตาก ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านของอาณาจักรสุโขทัยเมื่อ พ.ศ. 1800 โดยมีพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เสด็จออกมาป้องกันการโจมตี ดังปรากฏความในจารึกด้านที่หนึ่งว่า

“...เมื่อกูขึ้นใหญ่ได้สิบเก้าเข้า ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดมาท่เมืองตาก พ่อกูไปรบ ขุนสามชนหัวซ้าย ขุนสามชนขับมาหัวขวา ขุนสามชนเกลื่อนเข้าไพร่ฟ้าหน้าใส พ่อกูหนีญญ่ายพายจแจ้น กูบ่หนี กูขี่ช้างเบกพล กูขับเข้าก่อนพ่อกู กูต่อช้างด้วยขุนสามชน ตนกูพุ่ง ช้างขุนสามชนตัวชื่อมาสเมืองแพ้ ขุนสามชนพ่ายหนี พ่อกูจึ่งขึ้นชื่อกู ชื่อพระรามคำแหง เพื่อกูพุ่งชนช้างขุนสามชน...”

ในการสู้รบดังกล่าว พ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระราชโอรสของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ กษัตริย์สุโขทัย ขณะนั้นมีพระชนมายุ 19 พรรษา ได้รับชัยชนะจากการรบครั้งนี้ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์พระราชทานพระนามาภิไธยว่า "พระรามคำแหง" ศาสตราจารย์ ดร. ประเสริฐ ณ นคร อธิบายว่า "กูขับเข้าก่อนพ่อกู" ให้ความหมายว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ยังไม่ทันได้เข้าไปชนช้างกับขุนสามชน แต่พ่อขุนรามคำแหงมหาราชไสช้างไปสู้รับกับขุนสามชนเสียก่อน และได้ชัยชนะกลับมา หลังจากนั้นก็ขยายอิทธิพลปราบปรามหัวเมืองต่าง ๆ ให้เข้ามาอ่อนน้อมต่อสุโขทัยเป็นจำนวนมาก โดยในจารึกหลักที่ 1 ให้ข้อมูลหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว คือใน พ.ศ. 1826 ระบุว่าเมืองฉอดได้ตกเป็นส่วนหนึ่งของสุโขทัย

เมืองฉอดปรากฏหลักฐานอีกครั้งในรัชสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลือไทย) จารึกวัดป่ามะม่วง (ภาษาไทย) หลักที่ 1 ด้านที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 1904 ระบุเนื้อหาว่า พระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลือไทย) ทรงอาราธนาพระมหาสามีสังฆราชจากลังกาทวีปให้มาจำพรรษาในกรุงสุโขทัย โดยพระสังฆราชได้เดินทางผ่านเมืองฉอดด้วย และปรากฏอีกครั้งในจารึกวัดบูรพาราม ซึ่งบันทึกในรัชสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลือไทย) โดยกล่าวถึงเมืองฉอดว่าเป็นเมืองในการปกครองด้านทิศตะวันตกของเมืองสุโขทัย มีเนื้อความว่า

“...เข้าศักราชเจ็ดร้อยห้าสิบแปดกลาย ท่านได้ปราบต์ทั้งปกกาว ชาวด้านหนตีนเถิงฝั่งของ...ตะวันออกคุง...เบื้องตะวันตกเท้าเมืองฉอด รอดแดนพัล...”

หลังจากนั้นก็ไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับเมืองฉอดจนสิ้นกรุงสุโขทัย และเอกสารหลักฐานของยุคอาณาจักรอยุธยา ก็มิได้กล่าวถึงหรือปรากฎชื่อเมืองฉอดอีกเลย

การปกครอง

]

เมืองฉอดมีกษัตริย์ปกครองตนเอง เรียกว่า "ขุน" ซึ่งคำเรียกในยุคแรก หมายถึง กษัตริย์ อาจแปลว่า ผู้นำหรือเจ้าเมืองขนาดเล็ก เชื่อว่าประชากรคงเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใช้ภาษาตระกูลภาษาไท และรัฐนี้มีอิสระเป็นของตัวเองมาก่อน ในจารึกวัดศรีชุม ให้ข้อมูลว่าเมืองฉอดเคยตกเป็นส่วนหนึ่งของสุโขทัยเมื่อรัชสมัยของพ่อขุนศรีนาวนำถุม หลังการเสวยราชสมบัติของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เมืองฉอดคงจะกระด้างกระเดื่องไม่ยอมขึ้นตรงต่อสุโขทัย พระนามของกษัตริย์เมืองฉอดเท่าที่ปรากฏหลักฐาน มีเพียงคนเดียว คือขุนสามชน ซึ่งจิตร ภูมิศักดิ์ สันนิษฐานว่า ขุนสามชนเป็นคนไทย เพราะในชื่อมีคำว่า "สาม" ซึ่งเป็นคำบอกลำดับลูกประกอบตามธรรมเนียมภาษาไทยแท้ปรากฏอยู่ด้วย แต่ ดร. พิริยะ ไกรฤกษ์ กล่าวว่าชื่อช้างของขุนสามชน คือ "มาสเมือง" ไม่ใช่ชื่อตามธรรมเนียมไทย เพราะ "มาส" เป็นคำเขมร ภายหลังขุนสามชนได้พ่ายแพ้ในสงครามตีเมืองตากเมื่อ พ.ศ. 1800 และหลังจากนั้นหลักฐานศิลาจารึกของสุโขทัยในยุคหลังต่างระบุว่าเมืองฉอดได้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสุโขทัยเรื่อยมา

ทั้งนี้การที่หัวเมืองต่าง ๆ ยอมเข้ามารวมกับอาณาจักรสุโขทัยแบบหลวม ๆ เพราะเกรงกลัวพระบารมีของพระมหากษัตริย์ที่เข้มแข็งกว่า แต่หากพระมหากษัตริย์สุโขทัยพระองค์ใดไร้พระบารมีและความเข้มแข็ง หัวเมืองเหล่านี้จะแยกตัวออกเป็นอิสระทันที

อ้างอิง

]
  1. ประเสริฐ ณ นคร, ศาสตราจารย์ ดร. (2531). ปาฐกถาชุด "สิรินธร" ครั้งที่ 4 เรื่อง "ประวัติศาสตร์สุโขทัยจากจารึก" (PDF). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. p. 7.
  2. ประวัติศาสตร์ไทย (PDF). p. 41–42. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2024-01-18. สืบค้นเมื่อ 2024-01-18.
  3. จิตร ภูมิศักดิ์. โฉมหน้าศักดินาไทย. กรุงเทพฯ : ศรีปัญญา, 2550, หน้า 115
  4. จิตร ภูมิศักดิ์. โฉมหน้าศักดินาไทย. กรุงเทพฯ : ศรีปัญญา, 2550, หน้า 235
  5. กนกวรรณ โสภณวิจิตร. ประวัติศาสตร์สุโขทัย. กรุงเทพฯ : สารคดี, 2554, หน้า 64
  6. กนกวรรณ โสภณวิจิตร. ประวัติศาสตร์สุโขทัย. กรุงเทพฯ : สารคดี, 2554, หน้า 72
  7. "จารึกวัดศรีชุม". ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์กรมหาชน). 12 มกราคม 2567. สืบค้นเมื่อ 2024-01-18.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  8. ประเสริฐ ณ นคร, ศาสตราจารย์ ดร. (2547). ประมวลข้อมูลเกี่ยวกับจารึกพ่อขุนรามคำแหง (PDF). กรุงเทพฯ: สำนักหอสมุดแห่งชาติ. p. 34.
  9. ประเสริฐ ณ นคร, ศาสตราจารย์ ดร. (2547). ประมวลข้อมูลเกี่ยวกับจารึกพ่อขุนรามคำแหง (PDF). กรุงเทพฯ: สำนักหอสมุดแห่งชาติ. p. 25.
  10. ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์, ผศ. ดร. (26 เมษายน 2565). ""เมืองตาก" ของ "พระเจ้าตาก" ก่อนเป็นกษัตริย์กรุงธนบุรี คือที่ไหนกันแน่?". ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 2024-01-17.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  11. "ประวัติเมืองสุโขทัย". อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย. สืบค้นเมื่อ 2024-01-17.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  12. พิพัฒน์ กระแจะจันทร์, ผศ. (7 มีนาคม 2562). "เมืองโบราณแม่ต้าน คือเมืองฉอดจริงหรือไม่ในทรรศนะของจิตร ภูมิศักดิ์". มติชนออนไลน์. สืบค้นเมื่อ 2024-01-17.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  13. "ประวัติความเป็นมาของอำเภอแม่สอด" (PDF). สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ. สืบค้นเมื่อ 2024-01-19.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)[ลิงก์เสีย]
  14. "นักประวัติศาสตร์ตั้งวงถกหาที่ตั้ง"เมืองฉอด"/นครเก่า 729 ปีก่อน-เชื่อคือแม่สอดวันนี้". ผู้จัดการออนไลน์. 5 กรกฎาคม 2552. สืบค้นเมื่อ 2024-01-17.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  15. "ทีมนักประวัติศาสตร์ลุ้นหาที่ตั้ง "เมืองฉอด" ตามรอยศิลาจารึก 1-โยงสุโขทัย". ผู้จัดการออนไลน์. 28 กุมภาพันธ์ 2553. สืบค้นเมื่อ 2024-01-17.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  16. ผิน ทุ่งคา (11 มกราคม 2567). "เจดีย์ที่ไม่มีใครรู้จัก กลายเป็น "เจดีย์ยุทธหัตถี" เพราะ "รีบสรุป" ก่อนศึกษา". ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 2024-01-18.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  17. วุฒิชัย มูลศิลป์ (2562). "ศาสตราจารย์ ดร. ประเสริฐ ณ นคร กับความก้าวหน้าการศึกษาประวัติศาสตร์สุโขทัย". วารสารประวัติศาสตร์, หน้า 10
  18. ประเสริฐ ณ นคร, ศาสตราจารย์ ดร. (2531). ปาฐกถาชุด "สิรินธร" ครั้งที่ 4 เรื่อง "ประวัติศาสตร์สุโขทัยจากจารึก" (PDF). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. p. 11.
  19. ผิน ทุ่งคา (22 เมษายน 2567). "เจดีย์ที่ไม่มีใครรู้จัก กลายเป็น "เจดีย์ยุทธหัตถี" เพราะ "รีบสรุป" ก่อนศึกษา". ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 21 กันยายน 2568. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  20. กนกวรรณ โสภณวิจิตร. ประวัติศาสตร์สุโขทัย. กรุงเทพฯ : สารคดี, 2554, หน้า 95
  21. อุเทน วงศ์สถิตย์ (มกราคม–มิถุนายน 2562). คำบอกลำดับลูกของไทย (PDF). ดำรงวิชาการ 18(1). p. 69-70.
  22. กนกวรรณ โสภณวิจิตร. ประวัติศาสตร์สุโขทัย. กรุงเทพฯ : สารคดี, 2554, หน้า 159
  23. "พ่อขุนรามคำแหงมหาราช". โครงการสารานุกรมไทยฉบับเยาวชน. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-01-17. สืบค้นเมื่อ 2024-01-17.
  24. วุฒิชัย มูลศิลป์ (2562). "ศาสตราจารย์ ดร. ประเสริฐ ณ นคร กับความก้าวหน้าการศึกษาประวัติศาสตร์สุโขทัย". วารสารประวัติศาสตร์, หน้า 8
  25. "จารึกวัดป่ามะม่วง (ภาษาไทย) หลักที่ 1". ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์กรมหาชน). 15 ธันวาคม 2566. สืบค้นเมื่อ 2024-01-18.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  26. "เมืองบางพาน". กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์. สืบค้นเมื่อ 2024-01-18.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  27. "จารึกวัดบูรพาราม". ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์กรมหาชน). สืบค้นเมื่อ 2024-01-18.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  28. จิตร ภูมิศักดิ์. โฉมหน้าศักดินาไทย. กรุงเทพฯ : ศรีปัญญา, 2550, หน้า 118
  29. ประเสริฐ ณ นคร, ศาสตราจารย์ ดร. (2547). ประมวลข้อมูลเกี่ยวกับจารึกพ่อขุนรามคำแหง (PDF). กรุงเทพฯ: สำนักหอสมุดแห่งชาติ. p. 128.
  30. ประวัติศาสตร์ไทย (PDF). p. 44. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2024-01-18. สืบค้นเมื่อ 2024-01-18.

วิกิพีเดีย, วิกิ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, มือถือ, โทรศัพท์, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, แอปเปิ้ล, สมาร์ทโฟน, พีซี, เว็บ, คอมพิวเตอร์, ข้อมูลเกี่ยวกับ เมืองฉอด, เมืองฉอด คืออะไร? เมืองฉอด หมายความว่าอะไร?

0 ตอบกลับ

ฝากคำตอบ

ต้องการเข้าร่วมการสนทนาหรือไม่?
คุณสามารถร่วมเขียนได้!

เขียนคำตอบ

ช่องที่จำเป็นถูกทำเครื่องหมายด้วยดาว *