สงครามยุทธหัตถี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สงครามยุทธหัตถี
image
ภาพวาดยุทธหัตถีบนผนังพระอุโบสถวัดสุวรรณดาราราม
วันที่เดือนยี่ พ.ศ. 2135
สถานที่
ยังไม่เป็นที่ยุติ มีการสันนิษฐานออก 2 มติใหญ่ ๆ คือ
- ต.หนองสาหร่าย อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี
- ต.ดอนเจดีย์ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี
ผล กรุงศรีอยุธยาได้รับชัยชนะ
คู่สงคราม
กรุงศรีอยุธยา กรุงหงสาวดี
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
สมเด็จพระเอกาทศรถ
พระยาสีหราชเดโชชัย
พระยาเทพอรชุน
พระยาพระคลัง
พระยาท้ายน้ำ
มังกยอชวา  
พระเจ้าแปร
พระเจ้าตองอู
เจ้าเมืองจาปะโร  
นรธาเมงสอ
กำลัง
100,000 คน[ต้องการอ้างอิง] 250,000 คน[ต้องการอ้างอิง]

สงครามยุทธหัตถี เป็นสงครามที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2135 ระหว่างกรุงศรีอยุธยากับกรุงหงสาวดี ผลของสงครามครั้งนั้นปรากฏว่าอยุธยาเป็นฝ่ายชนะถึงแม้จะมีกำลังพลน้อยกว่า สงครามครั้งนี้มีความโดดเด่นในการต่อสู้ระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับพระมหาอุปราชามังกยอชวา สงครามนี้เป็นการปลดปล่อยอยุธยาจากการครอบครองของพม่าต่อไปเป็นระยะเวลา 175 ปีจนถึง พ.ศ. 2310 เมื่อพระเจ้ามังระบุกตีอยุธยาซึ่งส่งผลให้การปกครองอยุธยาสิ้นสุดลง

ประวัติสงคราม

]
image
สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเอกาทศรถทรงช้างนำพลเข้าตีทัพหน้าของพระมหาอุปราชแห่งหงสาวดี ภาพจากงานจิตรกรรมชุดโคลงภาพพระราชพงศาวดาร วาดโดยพระปม ศิลปินชาวไทย เมื่อ พ.ศ. 2430

ในปี พ.ศ. 2135 พระเจ้านันทบุเรงโปรดให้พระมหาอุปราชามังสามเกียดหรือมังกยอชวานำกองทัพทหารสองแสนสี่หมื่นคนมาตีกรุงศรีอยุธยาหมายจะชนะศึกในครั้งนี้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทราบจึงทรงเตรียมไพร่พล มีกำลังหนึ่งแสนคนเดินทางออกจากบ้านป่าโมกไปสุพรรณบุรี ข้ามน้ำตรงท่าท้าวอู่ทอง และตั้งค่ายหลวงบริเวณตำบลหนองสาหร่าย

เช้าของวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง พ.ศ. 2135 ซึ่งตรงกับวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวรและ สมเด็จพระเอกาทศรถทรงเครื่องพิชัยยุทธ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงพระคชาธารนามว่าเจ้าพระยาไชยานุภาพ (พลายภูเขาทอง) ส่วน สมเด็จพระเอกาทศรถทรงพระคชาธารนามว่าเจ้าพระยาปราบไตรจักร (พลายบุญเรือง) ซึ่งช้างทรงของทั้งสองพระองค์นั้นเป็นช้างชนะงา คือช้างมีงาที่ได้รับการฝึกให้รู้จักการต่อสู้มาแล้วหรือเคยผ่านสงครามชนช้างชนะช้างตัวอื่นมาแล้ว และเป็นช้างที่กำลังตกมัน ในระหว่างการรบ ช้างทรงของทั้งสองพระองค์ได้วิ่งฝ่ากองทัพพม่ามาจนหลงเข้าไปในแดนพม่า และเข้าไปจนถึงช่วงกลางของทัพหงสาวดี มีเพียงทหารรักษาพระองค์และจาตุรงค์บาทเท่านั้นที่ติดตามไปทัน

สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชาทรงพระคชสารอยู่ในร่มไม้กับเหล่าท้าวพระยา จึงทราบได้ว่าช้างทรงของสองพระองค์หลงถลำเข้ามาถึงกลางกองทัพพม่า และตกอยู่ในวงล้อมข้าศึกแล้ว แต่ด้วยพระปฏิภาณไหวพริบของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเห็นว่าเป็นการเสียเปรียบข้าศึกจึงไสช้างเข้าไปใกล้ แล้วตรัสถามพระมหาอุปราชาด้วยความคุ้นเคยมาก่อนแต่วัยเยาว์ว่า "พระเจ้าพี่เรา จะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด ภายหน้าไปจะไม่มีพระเจ้าแผ่นดินที่ได้ทำยุทธหัตถีแล้ว"

พระมหาอุปราชาได้ยินดังนั้น จึงไสช้างนามว่า พลายพัทธกอ เข้าทำยุทธหัตถีกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พลายพัทธกอซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าได้เข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพจนเสียท่า พระมหาอุปราชาได้จังหวะจึงทรงฟันสมเด็จพระนเรศวรด้วยพระแสงของ้าวแต่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเบี่ยงหลบทัน จึงฟันถูกพระมาลาหนังขาด จากนั้นเจ้าพระยาไชยานุภาพได้ถูกพลายพัทธกอดันไปจนถึงต้นพุทรา เจ้าพระยาไชยานุภาพได้ใช้เท้าหลังยันโคนต้นพุทราชนพลายพัทธกอจนเสียหลักสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงฟันด้วยพระแสงของ้าวถูกพระมหาอุปราชาเข้าที่พระอังสะขวา สิ้นพระชนม์อยู่บนคอพระคชาธารกลางสนามรบ

ส่วนสมเด็จพระเอกาทศรถได้ทำยุทธหัตถีกับมางจาชโร เจ้าเมืองจาปะโร ซึ่งขี่ช้างนามว่า พลายพัชเนียง สมเด็จพระเอกาทศรถก็ทรงฟันเจ้าเมืองจาปะโรเสียชีวิตเช่นกัน ทหารพม่าเห็นว่าแพ้แน่แล้ว จึงใช้ปืนระดมยิงใส่สมเด็จพระนเรศวรได้รับบาดเจ็บ ทันใดนั้น ทัพหลวงสยามตามมาช่วยทัน จึงรับทั้งสองพระองค์กลับพระนคร พม่าจึงยกทัพกลับกรุงหงสาวดีไป นับแต่นั้นมาก็ไม่มีกองทัพใดกล้ายกมากล้ำกรายกรุงศรีอยุธยาอีกเป็นระยะเวลาอีกยาวนาน

แต่ในมหาราชวงศ์ระบุว่าการยุทธหัตถีครั้งนี้ ช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวรบุกเข้าไปในวงล้อมของฝ่ายพม่า ฝ่ายพม่าก็มีการยืนช้างเรียงเป็นหน้ากระดาน มีทั้งช้างของพระมหาอุปราชา ช้างของเจ้าเมืองชามะโรง ทหารฝ่ายสมเด็จพระนเรศวรก็ระดมยิงปืนใส่ฝ่ายพม่า เจ้าเมืองชามะโรงสั่งเปิดผ้าหน้าราหูช้างของตน เพื่อไสช้างเข้ากระทำยุทธหัตถีกับสมเด็จพระนเรศวรเพื่อป้องกันพระมหาอุปราชา แต่ปรากฏว่าช้างของเจ้าของชามะโรงเกิดวิ่งเข้าใส่ช้างของพระมหาอุปราชาเกิดชุลมุนวุ่นวาย กระสุนปืนลูกหนึ่งของทหารฝ่ายสมเด็จพระนเรศวรก็ยิงถูกพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์

การจัดลำดับทัพ

]
image
จิตรกรรมฝาผนังยุทธหัตถี ณ อนุสรณ์สถานแห่งชาติ
image
ตราประจำจังหวัดสุพรรณบุรีในปัจจุบัน แสดงถึงสงครามยุทธหัตถีระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับ มังกยอชวา

กองทัพพม่า แบ่งออกเป็นสี่กองทัพ คือ

  • กองทัพเมืองแปร อุปราชเมืองแปรเป็นนายทัพ
  • กองทัพเมืองตองอู อุปราชเมืองตองอูเป็นนายทัพ
  • กองทัพหงสาวดี พระมหาอุปราชาเป็นนายทัพ และเป็นทัพหลวง
  • กองทัพเมืองเชียงใหม่

ส่วน กองทัพอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงจัดทัพเป็นขบวนเบญจเสนา 5 ทัพ ดังนี้

  • ทัพที่ 1 เป็นกองหน้า
    • พระยาสีหราชเดโชชัย เป็นนายทัพ
    • พระยาพิชัยรณฤทธิ์ เป็นปีกขวา
    • พระยาวิชิตณรงค์ เป็นปีกซ้าย
  • ทัพที่ 2 เป็นกองเกียกกาย
    • พระยาเทพอรชุน เป็นนายทัพ
    • พระยาพิชัยสงคราม เป็นปีกขวา
    • พระยารามคำแหง เป็นปีกซ้าย
  • ทัพที่ 3 เป็นกองหลวง
    • สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นจอมทัพ
    • สมเด็จพระเอกาทศรถ
    • เจ้าพระยาอัครมหาเสนาธิบดี เป็นปีกขวา
    • เจ้าพระยาจักรี เป็นปีกซ้าย
  • ทัพที่ 4 เป็นกองยกกระบัตร
    • พระยาพระคลัง เป็นนายทัพ
    • พระราชสงคราม เป็นปีกขวา
    • พระรามรณภพ เป็นปีกซ้าย
  • ทัพที่ 5 เป็นกองหลัง
    • พระยาท้ายน้ำ เป็นนายทัพ
    • หลวงหฤทัย เป็นปีกขวา
    • หลวงอภัยสุรินทร์ เป็นปีกซ้าย

ผลกระทบ

]

การตีเมืองทวายและตะนาวศรี

]
image
อนุสรณ์การสู้รบระหว่างนเรศวรกับมังกยอชวา ที่หนองสาหร่าย

ศึกทวายและตะนาวศรีนั้นเป็นการรบในระหว่างคนต้องโทษกับคนต้องโทษด้วยกัน กล่าวคือ ทางกรุงศรีอยุธยพาพวกนายทัพที่ตามเสด็จไม่ทันในวันยุทธหัตถีนั้น มีถึง 6 คนคือ พระยาพิชัยสงคราม พระยารามกำแหง เจ้าพระยาจักรี พระยาพระคลัง และพระยาศรีไสยณรงค์ สมเด็จพระนเรศวรรับสั่งให้ปรึกษาโทษ ลูกขุนปรึกษาโทษให้ประหารชีวิต สมเด็จพระพนรัตน์ป่าแก้วมาถวายพระพรว่าการที่แม่ทัพเหล่านั้นตามเสด็จไม่ทัน ก็เพราะบุญญาภินิหารของพระองค์ ที่จะได้รับเกียรติคุณเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง ด้วยเหตุว่าถ้าพวกนั้นตามไปทันแล้วถึงจะชนะก็ไม่เป็นชื่อเสียงใหญ่หลวง เหมือนที่เสด็จไปโดยลำพัง เมื่อเห็นว่าสมเด็จพระนเรศวรทรงเลื่อมใสในคำบรรยายข้อนี้แล้ว ก็ทูลขอโทษพวกแม่ทัพเหล่านี้ไว้ สมเด็จพระนเรศวรก็โปรดประทานให้ แต่พวกนี้จะต้องไปตีทวายและตะนาวศรีเป็นการแก้ตัว จึงให้เจ้าพระยาจักรีเป็นแม่ทัพคุมพลห้าหมื่นไปตีตะนาวศรี พระยาพระคลังคุมกำลังพลหมื่นเหมือนกันไปตีทวาย ส่วนแม่ทัพอื่นๆ ที่ต้องโทษก็แบ่งกันไปในสองกองทัพนี้คือพระยาพิชัยสงครามกับพระยารามคำแหงไป ตีเมืองทวายกับพระยาพระคลัง และให้พระยาเทพอรชุนกับพระยาศรีไสยณรงค์ไปตีเมืองตะนาวศรีกับเจ้าพระยาจักรี

ส่วนทางหงสาวดีเมื่อพระเจ้านันทบุเรงเสียพระโอรสรัชทายาทแล้วก็โทมนัส ให้ขังแม่ทัพนายกองไว้ทั้งหมด แต่ภายหลังทรงดำริว่าไทยชนะพม่าในครั้งนี้แล้วก็จะต้องมาตีพม่าโดยไม่ต้องสงสัย ก่อนที่ไทยไปรบพม่าก็จะต้องดำเนินการอย่างเดียวกันกับที่พม่ารบกับไทย กล่าวคือ จะต้องเอามอญไว้ในอำนาจเสียก่อนและเป็นการแน่นอนว่าไทยจะต้องเข้ามาตีทวาย และตะนาวศรี ด้วยเหตุนี้จึงให้แม่ทัพนายกองที่ไปแพ้สงครามครั้งนี้ไปทำการแก้ตัวรักษา เมืองตะนาวศรีและเมืองทวาย เป็นอันว่าทั้งผู้รบและผู้รับทั้งสองฝ่าย ตกอยู่ในฐานคนผิดที่จะต้องทำการแก้ตัวทั้งสิ้น

ในการรบทวายและตะนาวศรีครั้ง นี้แม่ทัพทั้งสองคือ เจ้าพระยาจักรีและพระยาคลัง ทำการกลมเกลียวกันเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้สมเด็จพระนเรศวรจะได้แบ่งหน้าที่ให้ตีคนละเมือง ก็ยังมีการติดต่อช่วยเหลือกันและกัน ในที่สุดแม่ทัพทั้งสองก็รบชนะทั้งสองเมืองและบอกเข้ามายังกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรได้โปรดเกล้าฯ ให้พระยาศรีไสยณรงค์อยู่ครองเมืองตะนาวศรี ส่วนทางเมืองทวายนั้นให้เจ้าเมืองทวายคนเก่าครองต่อไป ชัยชนะครั้งนี้เป็นอันทำให้แม่ทัพทั้งหลายพ้นโทษ แต่ทางพม่าแม่ทัพกลับถูกทำโทษประการใดไม่ปรากฏ แต่อย่างไรก็ดี การที่ชัยชนะทวายและตะนาวศรีครั้งนี้ ทำให้อำนาจของไทยแผ่ลงไปทางใต้เท่ากับในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช

การสิ้นพระชนม์ของพระสุพรรณกัลยา

]

มีทฤษฎีที่กล่าวว่า ภายหลังจากสงครามยุทธหัตถี พระเจ้านันทบุเรงได้ปลงพระชนม์พระสุพรรณกัลยาด้วยโทสะ ซึ่งการสิ้นพระชนม์นั้นในพงศาวดารรวมถึงคำให้การต่าง ๆ ทั้งของไทยและพม่าต่างก็ให้ข้อมูลต่างกันออกไป โดยพงศาวดารของไทยทั้งสองฉบับ (คำให้การชาวกรุงเก่าและคำให้การขุนหลวงหาวัด) ระบุว่า "พระเจ้าหงสาวดีก็ทรงพระพิโรธ จึงเสด็จไปสู่ตำหนักพระสุวรรณกัลยา เอาพระแสงฟันพระนางสุวรรณกัลยากับพระราชธิดา (หรือพระราชโอรสในคำให้การขุนหลวงหาวัด) ของพระองค์สิ้นพระชนม์ทั้ง ๒ พระองค์"

แม้การสิ้นพระชนม์ของพระสุพรรณกัลยานั้นจะเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าเกิดจากแรงโทสะของพระเจ้านันทบุเรง ตามหลักฐานประเภทคำให้การของไทย แต่มิกกี้ ฮาร์ท (Myin Hsan Heart) นักประวัติศาสตร์ชาวพม่าได้นำเสนอข้อมูลที่แตกต่างออกไป โดยกล่าวถึงเจ้าภุ้นชิ่หรือเจ้าหญิงพิษณุโลกได้ตามเสด็จพระราชมารดาออกมาประทับนอกพระราชวังกัมโพชธานี โดยเจ้าหญิงเจ้าภุ้นชิ่ได้เสกสมรสกับ เจ้าเกาลัด พระโอรสของเจ้าอสังขยา เจ้าเมืองตะลุป ซึ่งเป็นชาวไทใหญ่ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของพระเจ้ามังรายกะยอชวา โอรสองค์ที่สองของพระเจ้านันทบุเรง และมีพระธิดาด้วยกันคือ เจ้าหญิงจันทร์วดี ซึ่งหมายความว่า ในช่วงสงครามยุทธหัตถี พ.ศ. 2135 พระสุพรรณกัลยามิได้ประทับอยู่ในหงสาวดีแต่ทรงประทับอยู่ในอังวะ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2137 พระเจ้าตองอู พระเจ้านยองยัน และพระเจ้าเชียงใหม่ ต่างแยกตัวเป็นอิสระจากหงสาวดี พระเจ้านยองยันได้เข้าครองกรุงอังวะที่เจ้าหญิงพิษณุโลก และพระมารดาอาศัยอยู่ อีกทั้งยังเป็นผลดีแก่ทั้งสองพระองค์ด้วย เนื่องจากพระเจ้านยองยันนั้นเป็นพระโอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าบุเรงนอง ทั้งยังมีความคุ้นเคยกับเจ้าอสังขยาบิดาของเจ้าเกาลัด จึงคาดได้ว่า ภายใต้การปกครองของพระเจ้านยองยันพระสุพรรณกัลยารวมถึงเจ้าหญิงพิษณุโลกก็ยังทรงประทับในนครอังวะอย่างปกติสุขจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ โดยมิได้ถูกปลงพระชนม์แต่อย่างใด

ดูเพิ่ม

]
  • สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
  • มังกยอชวา
  • เจ้าพระยาปราบหงสาวดี
  • พระเจ้านันทบุเรง
  • ยุทธหัตถี

อ้างอิง

]
  1. "เจดีย์ยุทธหัตถี ตั้งอยู่ที่ไหนกันแน่?". ธนาคารสมอง. 17 June 2008. สืบค้นเมื่อ 22 June 2014.[ลิงก์เสีย]
  2. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 141-142
  3. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 144-145
  4. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 144
  5. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 145-146
  6. "คุณพระช่วย". ช่อง 9. 21 June 2014. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-07-07. สืบค้นเมื่อ 22 June 2014.
  7. สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, หน้า 118-121
  8. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 147
  9. สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, หน้า 121
  10. สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, หน้า 121-123
  11. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล, หน้า 153-155
  12. ตำนานนางกษัตริย์. หน้า 293-295

วิกิพีเดีย, วิกิ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, มือถือ, โทรศัพท์, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, แอปเปิ้ล, สมาร์ทโฟน, พีซี, เว็บ, คอมพิวเตอร์, ข้อมูลเกี่ยวกับ สงครามยุทธหัตถี, สงครามยุทธหัตถี คืออะไร? สงครามยุทธหัตถี หมายความว่าอะไร?

0 ตอบกลับ

ฝากคำตอบ

ต้องการเข้าร่วมการสนทนาหรือไม่?
คุณสามารถร่วมเขียนได้!

เขียนคำตอบ

ช่องที่จำเป็นถูกทำเครื่องหมายด้วยดาว *