การเมืองไทย
ประเทศไทยเป็นรัฐเดี่ยวซึ่งมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย มีกษัตริย์เป็นประมุขใต้รัฐธรรมนูญ โดยที่พระมหากษัตริย์ ซึ่งปัจจุบันคือพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นประมุขแห่งรัฐ ส่วนนายกรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันคือ อนุทิน ชาญวีรกุล เป็นหัวหน้ารัฐบาล รัฐบาลไทยเป็นผู้ใช้อำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติอยู่กับรัฐสภาไทย ซึ่งแบ่งเป็นสองสภาได้แก่ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ฝ่ายตุลาการเป็นอิสระจากฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ โดยมีประธานศาลฎีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานศาลรัฐธรรมนูญเป็นประมุขในส่วนของตน
การเมืองไทย | |
---|---|
![]() ตราแผ่นดิน | |
ประเภทรัฐ | รัฐเดี่ยว ระบบรัฐสภา ประชาธิปไตย มีกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ |
รัฐธรรมนูญ | รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2564 |
ฝ่ายนิติบัญญัติ | |
ชื่อ | รัฐสภา |
ประเภท | สองสภา |
สถานที่ประชุม | สัปปายะสภาสถาน |
สภาสูง | |
ชื่อ | วุฒิสภา |
ประธาน | มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภาและรองประธานรัฐสภา |
ผู้แต่งตั้ง | การเลือกกันเอง |
สภาล่าง | |
ชื่อ | สภาผู้แทนราษฎร |
ประธาน | วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา |
ผู้แต่งตั้ง | การเลือกตั้งระบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุดและบัญชีรายชื่อ |
ฝ่ายบริหาร | |
ประมุขแห่งรัฐ | |
คำเรียก | พระมหากษัตริย์ |
ปัจจุบัน | พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ผู้แต่งตั้ง | การสืบราชสันตติวงศ์ |
หัวหน้ารัฐบาล | |
คำเรียก | นายกรัฐมนตรี |
ปัจจุบัน | อนุทิน ชาญวีรกุล |
ผู้แต่งตั้ง | พระมหากษัตริย์ตามการลงมติเลือกของสภาผู้แทนราษฎร |
คณะรัฐมนตรี | |
คำเรียก | คณะรัฐมนตรีไทย |
ชุดปัจจุบัน | คณะที่ 64 |
หัวหน้า | นายกรัฐมนตรี |
รองหัวหน้า | รองนายกรัฐมนตรี |
ผู้แต่งตั้ง | พระมหากษัตริย์ตามความเห็นชอบของนายกรัฐมนตรี |
สำนักงานใหญ่ | ทำเนียบรัฐบาล |
กระทรวง | 20 |
ฝ่ายตุลาการ | |
ศาล | ศาลไทย |
ศาลฎีกา | |
ประธานศาล | อดิศักดิ์ ตันติวงศ์ |
ที่ตั้งศาล | ที่ทำการศาลฎีกา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร |
ศาลปกครองสูงสุด | |
ประธานศาล | ประสิทธิ์ศักดิ์ มีลาภ |
ที่ตั้งศาล | ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร |
ศาลรัฐธรรมนูญ | |
ประธานศาล | นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ |
ที่ตั้งศาล | ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร |
ระบบการเมืองของไทยส่วนใหญ่อยู่ในระบบหลายพรรคการเมือง ทำให้เกิดรัฐบาลผสมและรัฐบาลฝ่ายข้างน้อยซึ่งเป็นคุณลักษณะที่เกิดได้บางครั้งในการเมืองระบบรัฐสภา ระบบการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุดที่ใช้ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ทำให้เกิดระบบสองพรรคการเมือง ซึ่งพรรคไทยรักไทยและพรรคประชาธิปัตย์เป็นสองพรรคใหญ่ที่ครองที่นั่งในรัฐสภา อย่างไรก็ดี หลังรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 การเมืองไทยกลับเข้าสู่ระบบหลายพรรคการเมืองอีกครั้ง
พัฒนาการการเมืองไทยเต็มไปด้วยเหตุการณ์รัฐประหารและการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ประเทศไทยมีรัฐประหารมากที่สุดในโลกในประวัติศาสตร์ร่วมสมัย พระมหากษัตริย์ยังคงมีพระราชอำนาจเหนือการเมืองในทางพฤตินัย และบทบาทดังกล่าวชัดเจนขึ้นหลังการมีส่วนและสนับสนุนรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549: 378
อีโคโนมิสต์อินเทลลิเจนซ์ยูนิตจัดประเทศไทยเป็น "กึ่งอำนาจนิยม" ใน พ.ศ. 2561"
พระมหากษัตริย์
พระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งปัจจุบันได้แก่ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นประมุขแห่งรัฐของไทย ทรงเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยแทนปวงชนชาวไทยทางอำนาจสามฝ่ายของรัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ อัครศาสนูปถัมภก และจอมทัพไทย พระมหากษัตริย์ทรงมีคณะองคมนตรีทำหน้าที่ถวายความเห็นในพระราชกรณียกิจที่พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษา และมีหน้าที่ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดให้พระมหากษัตริย์มีอำนาจสถาปนาและถอดถอนฐานันดรศักดิ์และพระราชทานและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ แต่งตั้งและให้องคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง แต่งตั้งและให้ข้าราชการในพระองค์พ้นจากตำแหน่ง
ในทางกฎหมายพระมหากษัตริย์ไทยทรงมีพระราชอำนาจจำกัดตามรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ดี การกระทำดังกล่าวไม่ได้ทำลายพระราชอำนาจโดยพฤตินัย ธงทอง จันทรางศุ เขียนถึงพระราชอำนาจนี้ว่า "แม้ว่าพระราชอำนาจดังกล่าวจะมิได้บัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใดก็ตาม แต่ก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เข้าใจตรงกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องว่าเป็นพระราชอำนาจที่มีอยู่จริง และอาจกล่าวได้ว่าเป็นพระราชอำนาจส่วนที่สำคัญที่สุดในทางกฎหมายรัฐธรรมนูญเท่าที่ปรากฏในปัจจุบัน": 461 ทั้งยังทรงมีบทบาททางการเมืองไทยโดยเห็นได้จากการแทรกแซงในวิกฤตการณ์การเมือง และบางทีก็แทรกแซงการเมืองโดยตรงด้วย เช่น ในการรับรองคณะรัฐประหาร ซึ่งก็ปรากฏว่าบางทีพระมหากษัตริย์ก็ไม่รับรองคณะรัฐประหารเหมือนกันดังกบฏยังเติร์กในปี 2524
การสืบราชสันตติวงศ์เป็นไปตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467 การแก้ไขเพิ่มเติมกฎมณเฑียรบาลดังกล่าวเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ การสืบราชสันตติวงศ์มีลักษณะเป็นการโอนจากบิดาสู่บุตรตามหลักบุตรคนหัวปีเฉพาะที่เป็นชาย แต่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรฉบับปัจจุบันเปิดให้เสนอพระนามพระราชธิดาขึ้นสืบราชบัลลังก์ได้ ในกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงตั้งรัชทายาทไว้
สภานิติบัญญัติ
รัฐสภาไทยเป็นผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติ เป็นสภาระบบสองสภา อันประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา รัฐสภามีหน้าที่อนุมัติงบประมาณและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เช่นเดียวกับระบบรัฐสภาส่วนใหญ่ อำนาจนิติบัญญัติส่วนใหญ่เป็นสิทธิของสภาล่างคือสภาผู้แทนราษฎร ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภาโดยตำแหน่ง
สภาผู้แทนราษฎร
ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 สภาผู้แทนราษฎรไทยประกอบด้วยสมาชิก 500 คน ซึ่งได้รับการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม คือ สมาชิก 350 คนได้รับการเลือกตั้งในระบบแบ่งเขตคะแนนสูงสุด และ 150 คนมาจากระบบบัญชีรายชื่อโดยใช้ระบบที่นั่งปรับระดับ (leveling seat) ซึ่งยึดตามระบบการเลือกตั้งของประเทศเยอรมนี สมาชิกมีวาระ 4 ปีหรือจนมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร
สภาผู้แทนราษฎรสามารถริเริ่มร่างพระราชบัญญัติ มีอำนาจให้สัตยาบันหรือปฏิเสธพระราชกฤษฎีกาที่ออกโดยฝ่ายบริหาร ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีมีอำนาจยุบสภาผู้แทนราษฎร และให้จัดการเลือกตั้งใหม่
วุฒิสภา
วุฒิสภาเป็นสภาสูง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มีสมาชิก 250 คนมาจากการแต่งตั้งทั้งหมด โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คณะผู้ยึดอำนาจการปกครองในรัฐประหารเมื่อปี 2557 เป็นผู้แต่งตั้ง 194 คน เป็นโดยตำแหน่ง 6 คน และมาจากการสรรหาจากกลุ่มอาชีพ 50 คน สมาชิกมีวาระ 5 ปี วุฒิสภาไทยที่วาระสั้นที่สุดได้แก่ วุฒิสภาไทย ชุดที่ 11
วุฒิสภามีอำนาจน้อยกว่าสภาผู้แทนราษฎร กล่าวคือ สามารถใช้สิทธิยับยั้งร่างกฎหมายได้ แต่สภาผู้แทนราษฎรสามารถกลับสิทธิยับยั้งดังกล่าว ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญให้อำนาจสมาชิกวุฒิสภาพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญที่ได้รับมติเห็นชอบเมื่อครั้งการลงประชามติในปี 2559 ให้อำนาจสมาชิกวุฒิสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ (วุฒิสภาไทย ชุดที่ 12) ลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับสภาผู้แทนราษฎร ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นการสืบทอดอำนาจของ คสช.
ฝ่ายบริหาร
รัฐธรรมนูญกำหนดให้พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจบริหารผ่านคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลและประมุขฝ่ายบริหาร นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีมาจากการลงมติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 26 (และวุฒิสภาชุดแรกหลังรัฐธรรมนูญปี 2560) โดยใช้คะแนนเสียงข้างมาก ปกติรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองเสนอ ซึ่งบุคคลนั้นไม่จำเป็นต้องได้รับเลือกตั้งและไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมือง
เช่นเดียวกับการปกครองระบบรัฐสภาในประเทศอื่น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่ยึดระบบเวสต์มินสเตอร์ของสหราชอาณาจักร) ฝ่ายบริหารต้องรับผิดชอบต่อรัฐสภา หากรัฐสภาผ่านมติไม่ไว้วางใจ รัฐบาลจะต้องลาออกทั้งคณะหรือมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรแล้วจัดการเลือกตั้งทั่วไปใหม่ อย่างไรก็ดี ในทางปฏิบัติ สมาชิกรัฐสภาถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยผู้คุมเสียงในสภา (whip) ซึ่งพยายามคอยดูให้แน่ใจว่าสมาชิกออกเสียงตามนโยบายของพรรค หากรัฐบาลครองเสียงข้างมากในสภาแล้ว ย่อมมีโอกาสน้อยที่จะแพ้คะแนนเสียงจนไม่สามารถผ่านกฎหมายได้
นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรี พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีประกอบด้วยรัฐมนตรีไม่เกิน 35 คน ปัจจุบันประเทศไทยมีหน่วยงานระดับกระทรวงหรือเทียบเท่าจำนวนทั้งสิ้น 20 กระทรวง สมาชิกคณะรัฐมนตรีมีความรับผิดชอบร่วมกัน หมายความว่า เห็นชอบกับมติคณะรัฐมนตรีทุกมติ
ฝ่ายตุลาการ
ฝ่ายทหาร
ตามตำรารัฐศาสตร์เบื้องต้นอำนาจอธิปไตยแบ่งเป็นสามฝ่ายคือฝ่ายตุลาการ ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดการรั่วไหลของบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างไทย–กัมพูชา นางสาว แพทองธาร ชินวัตร ได้กล่าวถึงคำว่าฝ่ายตรงข้ามซึ่งหมายถึงกองทัพไทย
การปกครองส่วนท้องถิ่น
ณ วันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2563 มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งสิ้น 7,850 แห่ง
พรรคการเมือง
ณ 3 กุมภาพันธ์ 2566 มีพรรคการเมืองจดทะเบียนในประเทศไทยทั้งหมด 86 พรรคและยังมีสถานะเป็นพรรคการเมือง
ระบบพรรคการเมืองของไทยส่วนใหญ่เป็นระบบหลายพรรค กล่าวคือ มักไม่ค่อยมีพรรคการเมืองพรรคเดียวครองเสียงข้างมากในสภาจนสามารถตั้งรัฐบาลเพียงพรรคเดียวได้ การจัดตั้งรัฐบาลจึงต้องอาศัยพรรคการเมืองหลายพรรคที่เรียกว่า รัฐบาลผสมหรือรัฐบาลฝ่ายข้างน้อย
ภายหลังรัฐธรรมนูญปี 2540 ได้สร้างระบบการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งใช้ระบบเลือกตั้งแบบเขตละคน ส่งผลให้พรรคใหญ่ได้เปรียบในการเลือกตั้ง ทำให้ระบบการเมืองมีแนวโน้มเปลี่ยนไปเป็นระบบสองพรรค ซึ่งในช่วงพุทธทศวรรษ 2540 พรรคไทยรักไทย (ต่อมาคือ พรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทย) และพรรคประชาธิปัตย์ เป็นสองพรรคการเมืองใหญ่สุดในสภา
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2564 ฉบับปัจจุบันกำหนดรูปแบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม ทำให้ในปี 2566 ได้พรรคการเมืองจำนวน 18 พรรคได้รับที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร
พัฒนาการการเมืองไทย
พ.ศ. 2475–2516

การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ กองทัพเข้ามามีบทบาททางการเมืองนับแต่นั้น ทั้งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวและรัฐธรรมนูญฉบับแรกในปี 2475 สถาปนาสภาผู้แทนราษฎรโดยโดยกำหนดให้สมาชิกมาจากการเลือกตั้งทั้งหมดหลังพ้น 10 ปีหรือประชากรเกินกึ่งหนึ่งของประเทศสำเร็จการศึกษาชั้นประถม แต่ก่อนหน้านั้นคณะราษฎรจะเป็นผู้แต่งตั้งสมาชิกไปพลางก่อน: 44–5, 59 ปลายปี พ.ศ. 2475 (นับศักราชแบบเก่า) เกิดความขัดแย้งในสภาผู้แทนราษฎรและคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับข้อเสนอการวางแผนเศรษฐกิจ "สมุดปกเหลือง" ของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม ทำให้พระยามโนปกรณนิติธาดา นายกรัฐมนตรีคนแรก สั่งยกเลิกการประชุมสภาผู้แทนราษฎรและปรับคณะรัฐมนตรี
แต่อีกไม่ถึงสองเดือนต่อมา (เข้าปี พ.ศ. 2476) พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) นำคณะทหารยึดอำนาจการปกครอง เขาเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกที่เป็นสมาชิกคณะราษฎร ในปีเดียวกัน มีการเลือกตั้งโดยอ้อมครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ไทย ประเทศไทยเป็นประเทศเอเชียประเทศแรกที่สตรีมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง นับว่ามีก่อนประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือบางประเทศ แต่ในขณะนั้นยังมีคำสั่งห้ามพรรคการเมืองอยู่และผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้สมัครอิสระ ผลทำให้ได้สภาฯ ที่มีสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยอ้อมกึ่งหนึ่งและนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งอีกกึ่งหนึ่ง: 123 ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวในเรื่องอำนาจของรัฐบาลในการแต่งตั้งสมาชิกสภาฯ และอำนาจของสภาฯ ในการลบล้างคำคัดค้านของพระมหากษัตริย์ ทำให้พระองค์ทรงสละราชสมบัติ: 126 พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล สืบราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ต่อตามกฎมณเฑียรบาล แต่เนื่องจากยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงมีการตั้งคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระยาพหลพลพยุหเสนาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรวม 5 ปี รัฐบาลสามารถปราบปรามกบฏบวรเดชในปี พ.ศ. 2476 รวมทั้งผ่านการเลือกตั้งอีกสองครั้ง คือ ในปี พ.ศ. 2480 และปี พ.ศ. 2481
เนื่องจากพระยาพหลพลพยุหเสนาไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีก จอมพล แปลก พิบูลสงคราม จึงสืบตำแหน่งต่อมา ในปี พ.ศ. 2483 มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพื่อขยายระยะเวลาที่สมาชิกสภาฯ มาจากการแต่งตั้งจาก 10 ปีเป็น 20 ปี: 141 เขาปกครองประเทศแบบเด็ดขาด ในปี พ.ศ. 2485 มีการขยายวาระของสภาฯ เนื่องจากบ้านเมืองอยู่ในภาวะสงคราม ทำให้จัดการเลือกตั้งไม่ได้: 143 จอมพล ป. พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงปลายสงครามเพื่อให้บุคคลที่นิยมฝ่ายสัมพันธมิตรที่ใกล้ชนะสงครามดำรงตำแหน่งแทน หลังสงคราม มีการยุบสภาฯ ที่มีอายุถึงแปดปีแล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ในปี พ.ศ. 2489 ในปีเดียวกัน มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หลังสมาชิกสภาฯ เห็นว่าประชาชนได้รับการศึกษามากพอแล้ว: 150, 153 รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวกำหนดให้มีสองสภาและสมาชิกมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด มีรัฐบาลพลเรือนที่ไม่มั่นคงโดยมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีผู้สนับสนุนปรีดี พนมยงค์ หลายคน ต่อมาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลทรงต้องพระแสงปืนเสด็จสวรรคต รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2490 ถอนโคนนักการเมืองสายปรีดี และนับเป็นจุดสิ้นสุดอำนาจของคณะราษฎร จอมพล ป. กลับคืนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยผู้มีอำนาจทางการเมืองสูงสุดในเวลานั้นอีกสองคน ได้แก่ เผ่า ศรียานนท์ และสฤษดิ์ ธนะรัชต์
รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2500 นำโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำให้จอมพล ป. หมดอำนาจ ในช่วงแรกเขาให้ถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่หลังจากรัฐบาลบริหารประเทศไม่ราบรื่นเพราะกลไกรัฐสภา เขาจึงรัฐประหารอีกในปี พ.ศ. 2501 ครั้งนี้เขายกเลิกรัฐสภาและรัฐธรรมนูญ และปกครองประเทศในฐานะรัฏฐาธิปัตย์ ระบอบการปกครองนี้บ้างมีผู้เรียกว่า "ระบบพ่อขุนอุปถัมภ์แบบเผด็จการ": 176 นอกจากนี้ยังฟื้นฟูพระราชอำนาจและบทบาททางสังคมของพระมหากษัตริย์ สฤษดิ์เป็นนายกรัฐมนตรีจนถึงปี พ.ศ. 2506 แล้วถนอมได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2511 หลังจากกระบวนการร่างกว่า 9 ปี และกลับมามีรัฐสภาช่วงสั้น ๆ จนมีรัฐประหารในปี พ.ศ. 2514 ซึ่งยกเลิกรัฐสภาอีก ความไม่พอใจที่เกิดจากความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับการพัฒนาทางการเมืองที่ล่าช้าทำให้เกิดการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล รัฐบาลนำกำลังเข้าปราบปรามจนเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา ในปี พ.ศ. 2516
พ.ศ. 2516–2544
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเข้าแทรกแซงในเหตุการณ์ 14 ตุลา ถนอมถูกกดดันให้ลาออก สัญญา ธรรมศักดิ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีแทน มีการร่างและประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2517 ซึ่งให้มีการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาอีกครั้ง ในช่วงนั้นมีการเปิดเสรีทางการเมืองอย่างมากที่เรียก "ยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน" อย่างไรก็ดี สถานการณ์ในอินโดจีนที่คอมมิวนิสต์มีอิทธิพลในลาว กัมพูชาและเวียดนามมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านฝ่ายซ้าย การเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2518 และ ปี พ.ศ. 2519 ทำให้ได้รัฐบาลผสมที่ไม่มั่นคง หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช และหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช สลับกันครองอำนาจ ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2519 กลุ่มฝ่ายขวากล่าวหาว่านักศึกษาเป็นคอมมิวนิสต์ เหตุการณ์ลงเอยด้วยการสังหารหมู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม
ในวันเดียวกันนั้นยังเกิดรัฐประหารด้วย ผลทำให้ธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งใช้นโยบายขวาจัด เกิดความแตกแยกในประเทศและรัฐบาลเสื่อมความนิยมจนมีรัฐประหารอีกครั้งในปี พ.ศ. 2520 เพื่อเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี รัฐบาลใหม่ของเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ เผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจและผู้ลี้ภัยอินโดจีน เช่นเดียวกับกำลังเวียดนามพยายามโจมตีข้ามชายแดนเข้ามา ทำให้ถูกบีบให้ลาออกก่อนมีรัฐประหาร ในปี พ.ศ. 2523 พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี และในปีเดียวกันเขาออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 เพื่อต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2531 ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี จากความขัดแย้งภายในกองทัพ ทำให้ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับเขารัฐประหารในปี พ.ศ. 2534 นำโดยสุจินดา คราประยูร จากการที่สุจินดาตระบัดสัตย์รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทำให้เกิดการประท้วงใหญ่ในปี พ.ศ. 2535 จนนำไปสู่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ และสุจินดาถูกบีบให้ลาออกจากตำแหน่ง ต่อมาในกลางปี พ.ศ. 2540 เกิด "วิกฤตต้มยำกุ้ง" ซึ่งโค่นรัฐบาลบรรหารและชวลิต ในปีเดียวกันยังมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งร่างโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้ง
พ.ศ. 2544–2557
พ.ศ. 2544 ทักษิณ ชินวัตร นำพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2544 ซึ่งภายหลังมีการยุบรวมพรรคการเมืองหลายพรรคเข้ากับพรรคไทยรักไทย และต่อมาพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในปี พ.ศ. 2548 จนสามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้สำเร็จ แนวนโยบายประชานิยมของเขาทำให้ได้รับเสียงสนับสนุนจำนวนมากในชนบท เนื่องจากรัฐบาลในอดีตนั้นการประกาศนโยบายหาเสียงเลือกตั้งส่วนมาก มักมีนโยบายที่คล้ายกัน หรือถึงจะแตกต่างก็ไม่สำคัญนัก และยังเป็นสิ่งที่ครอบจักรวาลอีกด้วย อาทิ จะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี จะทำให้เศรษฐกิจมีความมั่นคง จะส่งเสริมการศึกษาให้แก่เยาวชน
อย่างไรก็ตาม อภิชน ข้าราชการและชนชั้นกลางในเมืองคัดค้านเขา การประท้วงนำโดยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ในปี พ.ศ. 2549 ตามมาด้วยรัฐประหารในปีเดียวกันโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) นับแต่นั้นการเมืองไทยอยู่ในวิกฤตการเมืองระหว่างผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านทักษิณ
หลังมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2550 ก็มีการจัดการเลือกตั้งทั่วไป ผลปรากฏว่า สมัคร สุนทรเวช นำพรรคพลังประชาชนซึ่งวิวัฒนาการมาจากพรรคไทยรักไทยของทักษิณที่ถูกยุบพรรคไป ชนะการเลือกตั้งได้อีก ในปี พ.ศ. 2551 พธม. ชุมนุมตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงธันวาคม จนเมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชนพร้อมกับอีก 2 พรรค ทำให้มีการรวบรวมเสียงในสภาและทำให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ ในครั้งนั้นพลเอกเปรมและพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก อำนวยความสะดวกหรือสั่งการโดยตรงให้มีการซื้อตัวกลุ่มเพื่อนเนวิน: 87 ระหว่างอภิสิทธิ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ประท้วงรัฐบาลโดยขัดขวางการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออกในปี พ.ศ. 2552 และชุมนุมในกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2553 เพื่อเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งใหม่
อภิสิทธิ์ยุบสภาในปี พ.ศ. 2554 ผลการเลือกตั้งปรากฏว่ายิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของทักษิณ นำพรรคเพื่อไทยที่วิวัฒนาการต่อมาจากพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง สองปีแรกถือว่ารัฐบาลค่อนข้างมีเสถียรภาพ แต่ในปี พ.ศ. 2556 หลังรัฐบาลพยายามผ่านร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมและแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดการประท้วงโดยคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) สุดท้ายมีรัฐประหารในปี พ.ศ. 2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
พ.ศ. 2557–2566
คสช. ได้ตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาร่างและประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นฉบับปัจจุบัน มีการประกาศใช้แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และให้สมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งดูแลการทำงานของรัฐบาลให้เป็นไปตามแผนนี้ หลังเลื่อนมาหลายครั้ง สุดท้ายมีการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 โดยพรรคเพื่อไทยได้ครองเสียงข้างมาก แต่วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2562 รัฐสภาซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาไทย ชุดที่ 12 ที่มาจากการแต่งตั้งโดย คสช. ลงมติเลือกพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 62 เป็นรัฐบาลผสมจำนวน 19 พรรคการเมือง ถือเป็น ครม. ที่มีจำนวนพรรคร่วมรัฐบาลมากที่สุด
ต่อมาในปี พ.ศ. 2564 ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2564 ฉบับปัจจุบัน ส่งผลให้ภายหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 การเมืองไทยถึงจุดที่ถดถอย กล่าวคือ ฝ่ายประชาธิปไตยร่วมมือกับฝ่ายเผด็จการในการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากพรรคเพื่อไทยที่ถูกพลเอกประยุทธ์รัฐประหาร จับมือกับพรรคของทหารที่กระทำการรัฐประหารตนเอง โค่นล้มพรรคก้าวไกลที่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งในการเลือกตั้งครั้งดังกล่าว และผลักดันให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน โดยก่อนหน้านี้ ทักษิณ ชินวัตรแพทองธาร ชินวัตรชลน่าน ศรีแก้ว และเศรษฐา ทวีสิน ได้กล่าวว่าจะไม่นำพรรคของทหารมาร่วมรัฐบาล แต่สุดท้ายก็เอาพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองหัวหน้า คสช. เป็นหัวหน้าพรรค และพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เป็นประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค เข้าร่วมรัฐบาล แม้พลเอกประยุทธ์จะวางมือทางการเมืองไปก่อนหน้าไม่นาน
โดยหลังจากรัฐสภาลงมติครั้งที่ 3 ให้เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว พรรคเพื่อไทยก็ให้ตำแหน่งแก่บุคคลสำคัญของทั้งสองพรรคในคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 63 มากถึงร้อยละ 21 จากคณะรัฐมนตรีทั้งหมด หนึ่งในนั้นคือ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายของพลเอกประวิตร รวมถึงเชิญพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตสมาชิก คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยเข้าร่วมเป็นฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเสรีพิศุทธ์ให้ความเห็นชอบเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 26 เป็นที่รับทราบโดยทั่วไปว่าวุฒิสภาไทย ชุดที่ 12 ซึ่งส่วนมากเป็นทหาร ได้ให้เสียงสนับสนุนเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2567 คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 63 จึงตอบแทนการสนับสนุนดังกล่าวโดยให้แม่ทัพภาคที่ 2 เป็น กรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในขณะที่บุตรชายพลเอก อิสระพงศ์ หนุนภักดี เลขาธิการคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ได้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด
อนึ่ง หลังจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 พรรคที่ได้รับคณะเสียงเลือกตั้งเป็นอันดับสองได้รับการจัดตั้งรัฐบาลมาโดยตลอด โดยพรรคที่ได้คะแนนเสียงเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่งไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
ในปี พ.ศ. 2566 รัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีไทย 3 ชุด คือ คณะที่ 5462 และ 63 เป็นคนเดิมมากถึง 3 รายได้แก่ อนุทิน ชาญวีรกูล สมศักดิ์ เทพสุทิน และ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และหากนับเฉพาะคณะที่ 62 และ 63 ก็เป็นคนเดิมมากถึง 10 ราย แม้จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีในเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 จำนวนรัฐมนตรีที่มาจากรัฐบาลก่อนหน้าก็มีมากถึง 10 ราย ต่อมามีการแต่งตั้งวิษณุ เครืองาม เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมายและระเบียบปฏิบัติราชการ ส่งผลให้มีการใช้บริการของบุคคลเดิมมากขึ้นเป็น 11 ราย
ในปีดังกล่าว พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังได้รับตำแหน่งองคมนตรี นับเป็นคนที่ 6 ที่มีตำแหน่งใน คสช. ที่ได้เป็นองคมนตรี และเป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารคนแรกที่ได้รับตำแหน่งดังกล่าว
แม้ว่าจะมีการประท้วงในประเทศไทย พ.ศ. 2563–2564 แต่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแต่งตั้งคณะองคมนตรีไทยที่มาจากคณะรัฐประหารมากถึง 7 ราย ซึ่งเท่ากับมากกว่าหนึ่งในสามของคณะองคมนตรีไทยมาจาก คปค. และ คสช.
พ.ศ. 2567–2568
หลังจากศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนเศรษฐาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และสภาผู้แทนราษฎรมีมติเลือกแพทองธาร ชินวัตร ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี นำไปสู่การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 64 แล้ว ในเดือนกันยายนถึงธันวาคม พ.ศ. 2567 ได้เกิดหลายเรื่องที่หลายฝ่ายตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อมีการร่วมมือระหว่าง 3 กลุ่มที่เป็นศัตรูซึ่งกันและกันมายาวนานกว่าทศวรรษ กล่าวคือ พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย, จตุพร พรหมพันธุ์ และสนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศร่วมกันจัดตั้งมวลชนขับไล่รัฐบาล และเนวิน ชิดชอบ เข้าพบทักษิณ ชินวัตร
การเมืองไทยช่วงปลายปี พ.ศ. 2567 ถูกกล่าวถึงว่าเป็นยุคของสีน้ำเงิน กล่าวคือยุคที่พรรคภูมิใจไทยมีอำนาจมากที่สุด ผ่านวุฒิสภาไทย ชุดที่ 13 อีกทั้งมีอำนาจในคณะรัฐมนตรี รวมถึงข้าราชการประจำกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากการที่พรรคภูมิใจไทยถอนตัวเป็นฝ่ายค้าน ภายหลังจากความไม่พอใจอย่างยิ่งที่ถูกพรรคเพื่อไทยฟ้องร้องต่อศาลอาญาในความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร จากเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในระหว่างการเลือกสมาชิกวุฒิสภาไทย พ.ศ. 2567 ทำให้อนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับหมายเรียก และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดหากถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง เนวิน ชิดชอบ และอนุทินจะต้องถูกจำคุก ในช่วงเวลาดังกล่าวเกิดวิกฤตตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากรัฐบาลเศรษฐา รวมทั้งพิกัดอัตราศุลกากรในรัฐบาลทรัมป์สมัยที่ 2 และสงครามอิหร่าน–อิสราเอล
ต่อมาในช่วงกลางปรเกิดวิกฤตการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา พ.ศ. 2568 และมีการรั่วไหลของบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างไทย–กัมพูชา ที่แพทองธารโจมตีแม่ทัพภาคที่ 2 นำไปสู่วิกฤตการณ์การเมืองไทย โดยเริ่มจากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวเป็นฝ่ายค้าน (เนื่องจากวิกฤตทั้งหมดข้างต้นรัฐบาลพรรคเพื่อไทยน่าจะอยู่ได้ไม่นาน รวมกับความไม่พอใจเดิมในคดีอั้งยี่) และก่อให้เกิดการชุมนุมเรียกร้องให้แพทองธารลาออกจากนายกรัฐมนตรี โดยผู้ชุมนุมไม่ได้เรียกร้องให้ยุบสภาผู้แทนราษฎรตามข้อเสนอของพรรคประชาชน เนื่องจากคาดว่าพรรคประชาชนจะชนะเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งถัดไป หลายฝ่ายจึงคาดการณ์ว่าหากรัฐบาลถูกตัดสินว่ามีความผิดกรณีโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ปลัดทุกกระทรวงจะต้องรักษาการรัฐมนตรี และอาจนำไปสู่การรัฐประหารในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง (ด้วยวิกฤตการณ์ทั้งหมดข้างต้นทำให้การรัฐประหารในประเทศไทยนั้นเป็นไปได้ โดยมีคนไทยส่วนหนึ่งเรียกร้องให้เกิดรัฐประหารด้วย)
หลังจากศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนแพทองธารออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎรมีมติเลือก อนุทิน ชาญวีรกูล ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี โดยได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคประชาชน แต่ไม่เข้าร่วมรัฐบาล โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ภายใน 4 เดือนนับตั้งแต่เริ่มบริหารรัฐกิจ แล้วยุบสภาผู้แทนราษฎรทันที ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 65 เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
ตระกูลชินวัตร
การเมืองไทยนั้นตระกูลชินวัตร มีบทบาททางการเมืองไทยมากที่สุดกล่าวคือ มีนายกรัฐมนตรีที่มาจากตระกูลชินวัตรมากถึงสี่คน ได้แก่ ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แพทองธาร ชินวัตร สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่สุดแล้วฝ่ายที่ต่อต้านทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกันเนื่องจากมีพระบรมราชโองการอภัยโทษโดยลดโทษจำคุกลงเหลือเพียงหนึ่งปีภายหลังที่ทักษิณ ชินวัตร มาถึง ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองเพียง 10 วันเท่านั้น การเมืองไทยเกิดการชุมนุมหลายครั้งที่อ้างว่าจะกำจัดอิทธิพลของทักษิณ ชินวัตร ที่แต่สุดแล้ว แม้แต่ลูกพรรคของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังให้เสียงสนับสนุนแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ในทางการเมืองตระกูลชินวัตรปกครองประเทศไทยยาวนานกว่า 9 ปี 5 เดือน หากนับนายกรัฐมนตรีที่เป็นที่รับทราบว่าอยู่ภายใต้การสนับสนุนของตระกูลชินวัตรอย่าง เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรักษาการนายกรัฐมนตรี ประเทศไทยอยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลชินวัตรยาวนานกว่าหนึ่งทศวรรษ
รัฐธรรมนูญ

รัฐธรรมนูญแบบลายลักษณ์อักษรมีความจำเป็นในการเมืองไทยหลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 เพื่อกำหนดกติกาหรือรูปแบบการปกครองประเทศ เนื่องจากเป็นวิวัฒนาการแบบเฉียบพลัน: 7–8 กฎหมายธรรมนูญปกครองแผ่นดินชั่วคราว พุทธศักราช 2475 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกของสยามนั้น กำหนดให้ราษฎรเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย กำหนดหลักการแยกใช้อำนาจ กำหนดให้มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการเพื่อให้พระมหากษัตริย์อยู่เหนือการเมือง ในระบอบดังกล่าวสภาผู้แทนราษฎรเป็นองค์การที่มีอำนาจสูงสุด: 40–3 รัฐธรรมนูญฉบับปี 2475 นับเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ใช้กันยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย รัฐสภาเป็นสภาเดียวและสมาชิกมาจากการเลือกตั้งและแต่งตั้งอย่างละกึ่งหนึ่ง จนในรัฐธรรมนูญปี 2489 กำหนดให้มีสองสภา และสมาชิกมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด (แต่สมาชิกพฤฒสภามาจากการเลือกตั้งโดยอ้อม): 194 รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีอายุสั้นเพียงหนึ่งปีก็ถูกยกเลิกไปในรัฐประหารปี 2490 รัฐประหารดังกล่าวส่งผลให้เกิดรัฐธรรมนูญปี 2492 ซึ่งเริ่มมีการบรรจุแนวนโยบายแห่งรัฐด้วย: 197 รัฐธรรมนูญปี 2490 และ 2492 มีการเพิ่มพระราชอำนาจอย่างสำคัญ เช่น พระมหากษัตริย์สามารถแต่งตั้งและถอดถอนนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหารต้องรับผิดชอบต่อพระมหากษัตริย์ ทรงสามารถแต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้กึ่งหนึ่ง: 47
หลังรัฐประหารในปี 2501 โดยสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ประเทศปลอดรัฐธรรมนูญและคำสั่งคณะปฏิวัติถือเป็นกฎหมายสูงสุด: 156 มีการประการใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 2502 ระหว่างรอมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่แท้จริงแล้วใช้บังคับกันประมาณ 10 ปี นับว่านานกว่ารัฐธรรมนูญถาวรหลายฉบับ รัฐธรรมนุญกำหนดให้มีสภาเดียว คือ สภาร่างรัฐธรรมนูญซึ่งทำหน้าที่รัฐสภาไปด้วย โดยสมาชิกมาจากการแต่งตั้งของคณะปฏิวัติทั้งหมด: 161, 171 สฤษดิ์ใช้อำนาจตามมาตรา 17 ของรัฐธรรมนูญสั่งประหารชีวิตคนโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรม: 174 แม้แต่ถนอม กิตติขจรก็ใช้อำนาจดังกล่าวยึดทรัพย์สฤษดิ์ตกเป็นของแผ่นดินด้วย: 177 รัฐธรรมนูญปี 2511 กำหนดให้มีสองสภา โดยวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งมีสมาชิกถึงสามในสี่ของสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภามีอำนาจเปิดอภิปรายทั่วไปและเสนอร่างพระราชบัญญัติได้เฉกเช่นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร: 203–4 แต่ใช้ได้ไม่นานก็ถูกยกเลิกไปในรัฐประหารปี 2514 มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 2515 แทน รัฐธรรมนูญฉบับปี 2515 และ 2519 มีมาตราที่ให้อำนาจเต็มที่แก่นายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญปี 2502: 180–2
รัฐธรรมนูญปี 2517 ได้ชื่อว่าทำให้ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยมากที่สุดฉบับหนึ่ง: 205 โดยมาจากการร่างของสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่มาจากการเลือกตั้ง มีการบัญญัติสิทธิใหม่ เช่น สิทธิไม่ให้ถ้อยคำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อตนเอง เสรีภาพในการพูดและโฆษณา: 207–8 ทั้งมีการอุปถัมภ์พรรคการเมืองโดยให้ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งและสมาชิกภาพผู้แทนราษฎรต้องสังกัดพรรคการเมือง: 211 มีการกำหนดผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรก: 212 รัฐธรรมนูญฉบับปี 2521 มีบทเฉพาะกาลที่ให้สมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งและมีจำนวนสามในเจ็ดของสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดมีสิทธิเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นการสืบทอดอายุของรัฐบาลทหาร: 214–5 อีกทั้งอำนาจของ ส.ว. ก็มีเท่ากับ ส.ส. และรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดให้นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้งหรือเป็น ส.ส.: 217 สำหรับพรรคการเมืองนั้น รัฐธรรมนูญมีวัตถุประสงค์ให้มีพรรคการเมืองน้อยพรรค จึงมีข้อกำหนดต่าง ๆ ซึ่งกีดกันพรรคการเมืองขนาดเล็ก: 219–223
มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 หรือที่เรียกกันว่า "รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน" หลังจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ (พ.ศ. 2535) รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีความโดดเด่นในด้านการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับความเป็นประชาธิปไตยในตัวกฎหมาย นอกจากนี้ยังบัญญัติให้สมาชิกทั้งสองสภามาจากการเลือกตั้งทั้งหมด มีการรับรองสิทธิมนุษยชนจำนวนมากตามกฎหมาย และมีมาตรการต่าง ๆ เพื่อเพิ่มเสถียรภาพของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ขณะที่มีการจัดตั้งองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญขึ้นเพื่อตรวจสอบฝ่ายบริหารเป็นครั้งแรก เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง และสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา รัฐธรรมนูญทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพมากขึ้นและพรรคการเมืองใหญ่สามารถคว้าที่นั่งในการเลือกตั้งได้เป็นจำนวนมากอีกทั้งเป็นรัฐธรรมนูญที่มีจำนวนมาตรามากที่สุดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
อย่างไรก็ตาม หลังจากรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 มีการยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2540 และประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หลังลงประชามติ มีเนื้อหาเน้นการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐผ่านองคกรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และมีสมาชิกวุฒิสภาจากการแต่งตั้ง
ภายหลังความขัดแย้งทางการเมืองช่วงปี 2556-2557 เกิดรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 พร้อมกับการยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ภายใต้การควบคุมอำนาจของ คสช. คณะรัฐประหารประกาศกฎอัยการศึกและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ปัจจุบัน ประเทศไทยใช้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) พุทธศักราช 2564 ซึ่งผ่านการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2559 เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญของคณะผู้ยึดอำนาจการปกครองหลายครั้ง บทเฉพาะกาลเป็นเงื่อนไขกำหนดให้คณะทหารได้เปรียบทางการเมืองและมีความชอบธรรมในการปกครองโดยมีกฎหมายลายลักษณ์อักษรรองรับ: 214
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
นโยบายการต่างประเทศของไทยรวมไปถึงการสนับสนุนอาเซียน เน้นเสถียรภาพในภูมิภาค และให้ความสำคัญกับสัมพันธภาพอันยาวนานกับสหรัฐ
ประเทศไทยเข้าไปมีบทบาทเต็มในองค์กรทั้งระดับภูมิภาคและระดับระหว่างประเทศ โดยได้พัฒนาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งมีการจัดการประชุมรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงเศรษฐกิจทุกปี ความร่วมมือในภูมิภาคกำลังดำเนินการทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า การธนาคาร การเมืองและวัฒนธรรม ประเทศไทยยังได้ส่งทหารเข้าร่วมในกองกำลังนานาชาติในติมอร์ตะวันออก, อัฟกานิสถาน, อิรัก, บุรุนดี และปัจจุบัน ในดาร์ฟูร์ ประเทศซูดาน อีกด้วย
การเข้าร่วมองค์การการเมืองระหว่างประเทศ
ADB, APEC, ARF, ASEAN, BIMSTEC, BIS, CD, CICA, CP, EAS, FAO, G-77, IAEA, IBRD, ICAO, ICC (national committees), ICRM, IDA, IFAD, IFC, IFRCS, IHO, ILO, IMF, IMO, IMSO, Interpol, IOC, IOM, IPU, ISO, ITSO, ITU, ITUC (NGOs), MIGA, NAM, OAS (observer), OIC (observer), OIF (observer), OPCW, OSCE (partner), PCA, PIF (partner), UN, UNAMID, UNCTAD, UNESCO, UNHCR, UNIDO, UNMOGIP, UNOCI, UNWTO, UPU, WCO, WFTU (NGOs), WHO, WIPO, WMO, WTO
ปัญหาการเมืองปัจจุบัน
บทบาทของกองทัพ
ใน พ.ศ. 2567 เกิดกระแสเรียกร้องรัฐประหารในประเทศไทยอีกครั้ง เนื่องจาก ทักษิณ ชินวัตร ถูกอัยการสูงสุดฟ้องร้องว่ากระทำการผิดกฎหมายความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทย รวมทั้งรัฐบาลมีโครงการกู้มาแจก และนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งทนายถุงขนมสองล้าน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ด้านผู้นำเหล่าทัพเลือกที่จะเงียบมากกว่าปฏิเสธว่าจะไม่มีการรัฐประหาร ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปรับตัวลงต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี
ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์
ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ไทยอยู่ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 บัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี" กฎหมายไทยสมัยใหม่บรรจุความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ครั้งแรกในกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2453), มีการเพิ่มให้การ "ดูหมิ่น" เป็นความผิด และเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐในประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499 และมีการเพิ่มโทษครั้งล่าสุดในปี 2519 ในประมวลกฎหมายไม่มีนิยามว่าพฤติการณ์แบบใดเข้าข่าย "หมิ่นประมาท" หรือ "ดูหมิ่น" มีการตีความอย่างกว้างขวางซึ่งสะท้อนสถานะอันล่วงละเมิดมิได้ของพระมหากษัตริย์ เฉกเช่นพระมหากษัตริย์ในสมัยศักดินาหรือสมบูรณาญาสิทธิราช ธานินทร์ กรัยวิเชียร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังตีความว่า กฎหมายห้ามครอบคลุมถึงการวิจารณ์โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สถาบันพระมหากษัตริย์ ราชวงศ์จักรีและพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ มีข้อโต้แย้งว่า ความผิดต่อองคมนตรีเข้าข่ายความผิดนี้หรือไม่ อนึ่ง ในปี 2556 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กฎหมายคุ้มครองพระมหากษัตริย์ในอดีตทุกพระองค์ด้วย
มีการตีความ "ดูหมิ่น" กว้างขวางมากขึ้นนับแต่พุทธทศวรรษ 2520 คณะรัฐประหารมักอ้างกรณีความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์เพื่อรัฐประหาร หลังรัฐประหารเมื่อปี 2549 มีการพิจารณาความผิดดังกล่าวมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หลังรัฐประหารปี 2557 มีการเปลี่ยนให้ศาลทหารพิจารณาคดีดังกล่าว และในปี 2558 ลงโทษจำคุกจำเลยคนหนึ่ง 60 ปี แต่ลดโทษเหลือกึ่งหนึ่งเพราะยอมรับสารภาพ นับเป็นโทษสูงสุดที่เคยมีมา อีกทั้งมีการพิจารณาคดีลับด้วย กฎหมายนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า "โหดร้ายป่าเถื่อน" บ่อนทำลายกฎหมายไทย ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองและทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ บางฝ่ายออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายนี้ ส่วนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชดำรัสว่า สามารถวิจารณ์พระองค์ได้และไม่เคยตรัสให้เอาผู้วิจารณ์เข้าคุก
ในปี พ.ศ. 2567 การเสนอแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายมาตรา 112 ส่งผลให้พรรคก้าวไกลถูกยุบพรรค ศาลรัฐธรรมนูญระบุในคำวินิจฉัยว่าพรรคก้าวไกลเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์หรือทำให้อ่อนแอลง อันนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด
ความไม่สงบในชายแดนภาคใต้
สถานการณ์ความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยกำลังดำเนินอยู่ในสามจังหวัด คือ จังหวัดปัตตานี ยะลาและนราธิวาส และบางอำเภอของจังหวัดสงขลา ระหว่างรัฐไทยกับกลุ่มก่อความไม่สงบหลายกลุ่ม อย่างไรก็ดี บางครั้งมีการลุกลามมาถึงบางอำเภอของจังหวัดสงขลา เหตุการณ์บานปลายหลังปี พ.ศ. 2544 โดยมีการกลับกำเริบในปี 2547 ระหว่างปี 2547–2554 มีผู้เสียชีวิต 4,500 คนและได้รับบาดเจ็บ 9,000 คน ลักษณะการก่อเหตุมีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้แค้นมากขึ้น และเป็นการโจมตีไม่เลือกลดลง กลุ่มก่อความไม่สงบในระยะแรกมีเป้าหมายเพื่อแยกตัวออกเป็นอิสระ เช่น BNPP และ PULO ผู้นำท้องถิ่นเรียกร้องอัตตาณัติระดับหนึ่งแก่ภูมิภาคปัตตานีอย่างต่อเนื่อง และขบวนการผู้ก่อการกำเริบแยกตัวออกบางส่วนเรียกร้องให้มีการเจรจาสันติภาพ อย่างไรก็ดี หลังความรุนแรงรอบใหม่ในปี 2544 แม้ยังไม่ทราบกลุ่มก่อความไม่สงบแน่ชัด แต่มีการชี้ว่า GMIP, BRN-C และ RKK (กลุ่มติดอาวุธของ BRN) เป็นผู้นำการก่อเหตุ ซึ่งบางรายงานระบุว่ากลุ่มเหล่านี้ไม่ได้ต้องการแยกตัวเป็นอิสระ แต่ต้องการทำให้ภูมิภาคปัตตานีปกครองไม่ได้
ภูมิภาคสามจังหวัดภาคใต้ดังกล่าวนั้นเดิมเป็นรัฐสุลต่านปตานีซึ่งปกครองตนเองมาก่อน จนเมื่อมีการกลืนวัฒนธรรมทำให้เกิดความขัดแย้งเริ่มตั้งแต่ปี 2491 เป็นการก่อกำเริบการแยกออกทางเชื้อชาติและศาสนาในภูมิภาคมลายูปัตตานี มีความรุนแรงเพื่อแบ่งแยกดินแดนระดับต่ำในภูมิภาคดังกล่าวแล้วหลายทศวรรษ
เชิงอรรถ
- ในรัฐธรรมนูญเรียก "ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"
- เริ่มใช้เมื่อ 5 สิงหาคม 2562 แม้ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ
ดูเพิ่ม
- ขบวนการนักศึกษาในประเทศไทย
อ้างอิง
- Fisher, Max (December 3, 2013). "Thailand has had more coups than any other country. This is why". Washington Post. สืบค้นเมื่อ August 28, 2018.
- Veerayooth Kanchoochat & Kevin Hewison. (2016). Introduction: Understanding Thailand’s Politics, Journal of Contemporary Asia, 46:3, 371-387, DOI: 10.1080/00472336.2016.1173305
- The Economist Intelligence Unit (8 January 2019). "Democracy Index 2018: Me Too?". The Economist Intelligence Unit. สืบค้นเมื่อ 13 January 2019.
- ชิตบัณฑิตย์, ชนิดา. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ การสถาปนาพระราชอำนาจนำในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (1 ed.). กรุงเทพฯ: มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์. ISBN 9789748278575.
- ชำแหละ 250 สว. – จับตาหนุนสืบอำนาจ
- กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น. กระทรวงมหาดไทย. "สรุปข้อมูล อปท ทั่วประเทศ." [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http://www.dla.go.th/work/abt/index.jsp 2556. สืบค้น 8 กันยายน พ.ศ. 2563.
- [1]
- ข้อมูลพรรคการเมืองที่ยังดำเนินการอยู่
- "บทความ ดร.ปริญญา : การนำระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนมาใช้ในประเทศไทย." Prachatai. N.p., n.d. Web. 07 Jan. 2015.
- "“ทักษิณ” สั่ง “2 เจ๊” คุมปฏิบัติการทวงคืนอำนาจ ชน คมช.แบบมีชั้นเชิง-ชี้ ทรท.ต้องชนะเลือกตั้ง." Manager Online. N.p., n.d. Web. 07 Jan. 2015.[ลิงก์เสีย]
- "สัมภาษณ์พิเศษ “สิริพรรณ นกสวน สวัสดี” - เลือกตั้งแบบเยอรมนีดียังไง? หากใช้จริง ใครได้ ใครเสีย?" Matichon. N.p., n.d. Web. 7 Jan. 2015.[ลิงก์เสีย]
- "นครินทร์เตรียมเสนอสูตรเลือกตั้งแบบเยอรมัน." Posttoday. N.p., n.d. Web. 07 Jan. 2015.[ลิงก์เสีย]
- "11 ตุลาคม พ.ศ. 2540." ฐานข้อมูลการเมืองการปกครองสถาบันพระปกเกล้า. สถาบันพระปกเกล้า, n.d. Web. 7 Jan. 2015.[ลิงก์เสีย]
- เศรษฐบุตร, นรนิติ (2550). รัฐธรรมนูญกับการเมืองไทย. สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. p. 352. ISBN 9789745719996.
- โกวิท วงศ์สุรวัฒน์. การเมืองการปกครองไทย: หลายมิติ. หน้า 161-162.
- Federico Ferrara (2010). Thailand Unhinged: Unraveling the Myth of a Thai-Style Democracy. Singapore: Equinox Publishing.
- "House, Senate elect Prayut Thailand's new prime minister". Bangkok Post. 6 June 2019. สืบค้นเมื่อ 20 June 2019.
- ประกาศแล้ว ยุบสภา ปิดฉากรัฐบาลผสม 19 พรรค ‘เยอะสุดใน ปวศ.’
- https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/190077 "ทักษิณ" สงสัยให้ไปรวมกับพรรคที่ปฏิวัติ ใครคิด ใครจะทำแบบนั้น]
- “แพทองธาร” ประกาศลั่นเมืองปทุม ปิดสวิตช์ ส.ว..ศ. และ 3 ป.
- ชลน่าน ศรีแก้ว ลาออกหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตาม “สัจจะ” แต่ไม่ทิ้งตำแหน่ง สส.-ว่าที่ รมว.สาธารณสุข
- "เสรีพิศุทธ์" เปิดใจ "เสียสละ" ลาออก สส.หลีกทางเบอร์ 2
- พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทสส.
- จากรัฐบาล ‘ประยุทธ์’ ถึงรัฐบาล ‘เศรษฐา’ เปิดโฉม หน้าเก่าใน ครม.ใหม่
- ‘พายัพ’ มั่นใจ ‘สนธิ-จตุพร’ จุดไม่ติด แนะ อย่าดันทุรัง ก่อม็อบไล่รัฐบาล
- พท. ชี้ เนวิน พบ ทักษิณ เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง เย้ย ไพบูลย์ ฝันได้ แต่อย่าทำประเทศเสียโอกาส
- เปิดเบื้องลึกโยกย้าย มท. เด็ก ‘เน’ เข้าวิน สายบ้านใหญ่บุรีรัมย์ตบเท้าผงาดคุมกรมใหญ่
- เร่งเครื่องคดีฮั้ว สว. "ทักษิณ" รอรุกใหญ่ "เนวิน" กบดานกบไต๋ "สว.น้ำเงิน" ระส่ำเจอฟอกเงิน อั้งยี่ซ่องโจร
- ป.ป.ช.รับสอบคดีจัดทำงบฯปี 68 แจกเงินหมื่น ขัดรธน.ม.144 กล่าวหา ‘แพทองธาร-สส.-สว.' ยกคณะ
- บริหารประเทศอย่างไรให้ประชาชนเรียกร้องรัฐประหาร
- "ฉลุย! สภาฯ โหวต "อนุทิน ชาญวีรกูล" นั่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 32". ไทยพีบีเอส. 5 กันยายน 2025. สืบค้นเมื่อ 5 กันยายน 2025.
- "ด่วน!! พรรคประชาชน แถลงหนุนอนุทิน นายกคนที่32 ย้ำเงื่อนไขยุบสภา-แก้รธน". มติชน. 3 กันยายน 2025. สืบค้นเมื่อ 3 กันยายน 2025.
- พระบรมราชโองการที่ ๑/๒๕๖๖ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 140 ตอน 40 ข หน้า 1 วันที่ 1 กันยายน 2566
- ใจจริง, ณัฐพล (2556). ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ: ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ. 2475-2500) (1 ed.). ฟ้าเดียวกัน. ISBN 9786167667188.
- Kittipong Kittayarak, The Thai Constitution of 1997 and its Implication on Criminal Justice Reform เก็บถาวร 2007-06-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ส่องโลก. ปฏิบัติการเปี่ยมมนุษยธรรมในอิรัก[ลิงก์เสีย]. อ้างจาก วารสารกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนเมษายน 2547. สืบค้น 8 พฤษภาคม 2553.
- ทีมข่าวความมั่นคง คม ชัด ลึก. ผ่าภารกิจ"กองทัพไทย"ในดาร์ฟูร์!"รักษาสันติภาพก็เหมือนได้ซ้อมรบ". สืบค้น 8 พฤษภาคม 2553.
- กองบัญชาการกองทัพไทย. บทความประชาสัมพันธ์ กองกำลังกองทัพไทยในภารกิจรักษาสันติภาพผสมสหประชาชาติ-สหภาพแอฟริกาในดาร์ฟูร์[ลิงก์เสีย]. สืบค้น 8 พฤษภาคม 2553.
- กระแสรัฐประหาร 2567
- เปิดที่มาฉายา 'ทนายถุงขนม' ของ 'พิชิต ชื่นบาน'
- ดัชนีต่ำสุดในรอบเกือบ4ปี
- ส.ศิวรักษ์ ชี้ รปห.-112 ล้วนกระทบสถาบันกษัตริย์ ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
- "คำพิพากษาคดีหมิ่นฯ อดีตกษัตริย์ ผิด ม. 112". Prachatai. 2013-11-14. สืบค้นเมื่อ 2013-11-15.
- Amy Sawaitta Lefevre (2013-03-21). "Thai TV Show Draws Army Wrath for Lese-Majeste Debate". Reuters. สืบค้นเมื่อ 2013-03-27.
- Abuza, p. 1
- Zachary Abuza, The Ongoing Insurgency in Southern Thailand, INSS, p. 20
- "Thailand/Malay Muslims (1948-present)". University of Central Arkansas. สืบค้นเมื่อ 30 August 2015.
- International Herald Tribune, "Police say bomb at soccer match in southern Thailand wounds 14 officers", 14 June 2007
แหล่งข้อมูลอื่น

- การเมืองไทย ที่เว็บไซต์ Curlie
- หน้าหลัก เก็บถาวร 2019-09-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า
วิกิพีเดีย, วิกิ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, มือถือ, โทรศัพท์, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, แอปเปิ้ล, สมาร์ทโฟน, พีซี, เว็บ, คอมพิวเตอร์, ข้อมูลเกี่ยวกับ การเมืองไทย, การเมืองไทย คืออะไร? การเมืองไทย หมายความว่าอะไร?
ฝากคำตอบ
ต้องการเข้าร่วมการสนทนาหรือไม่?คุณสามารถร่วมเขียนได้!