เมาะตะมะ
เมาะตะมะ (พม่า: မုတ္တမမြို့, ออกเสียง: [moʊʔtəma̰ mjo̰]; มอญ: မုဟ်တၟံ, เสียงอ่านภาษามอญ: [mùh mɔˀ]) เป็นเมืองเล็ก ๆ ในรัฐมอญ ประเทศพม่า ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสาละวิน อยู่ฝั่งตรงข้ามกับมอละมไยน์ เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรหงสาวดีในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13–14 และเป็นเมืองท่ามีชื่อเสียงในระดับนานาชาติจนถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16
เมาะตะมะ | |
---|---|
เมือง | |
![]() | |
เมาะตะมะ ที่ตั้งเมืองเมาะตะมะในประเทศพม่า | |
พิกัด: 16°31′48″N 97°36′08″E / 16.53000°N 97.60222°E | |
ประเทศ | |
รัฐ | |
จังหวัด | สะเทิม |
อำเภอ | ปอง |
ประชากร | |
• ชาติพันธุ์ | มอญ, พม่า, กะเหรี่ยง |
• ศาสนา | พุทธเถรวาท |
เขตเวลา | UTC+6:30 (เวลามาตรฐานพม่า) |
ศัพทมูลวิทยา
เมาะตะมะ มีหลายชื่อเรียก เช่น ในภาษามอญ เรียกว่า "มุมอ" (มอญ: မုဟ်တၟံ; เสียงอ่านภาษามอญ: [/mùh mɔˀ/]; Mumaw; "ยอดแหลมหิน") หรือ โหมดตะม่ะฮ์ (มอญ: မတ်တမး; "ตาสว่าง") ในเอกสารเก่าของไทยเรียก เมืองพัน หรือในบันทึกชาวยุโรปเรียก มะตะบัน (Martaban)
ประวัติศาสตร์
ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 15

ตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15 เมาะตะมะเป็นท่าเรือการค้าที่สำคัญของเส้นทางสายไหมทางทะเลอันเก่าแก่ เชื่อมโยงโลกตะวันออกกับโลกตะวันตก และไหมะตะบัน (Martaban Jars) ถูกนำเข้ามาผ่านเส้นทางการค้านี้
หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดการมีอยู่ของเมาะตะมะในประวัติศาสตร์พม่าถูกค้นพบในจารึกที่สร้างโดย พระเจ้านรปติสี่ตู่ แห่งอาณาจักรพุกามเมื่อ ค.ศ. 1176
เมืองโบราณนี้เรียกว่า ซามปานาโก (Sampanago) หรือ จัมปานาคะ (Campа̄nа̄ga หมายถึง เมืองแห่งนาคา) หรือ Puñjaluin ในภาษามอญ ซึ่งมีการกล่าวถึงในบริบทของ เมาะตะมะ-ธัญญวดี (Muttama-Dhañyawaddy) หรือ ซามปานะโก-ละกูนบยิน (Sampanago-Lakunbyin) ซึ่งเป็นชุมชนริมแม่น้ำสาละวินยาวประมาณ 45 กิโลเมตร ทอดยาวจากเมืองเมาะตะมะในปัจจุบันไปจนถึงเมืองพะอัน โบราณวัตถุจากแหล่งซามปานาโกบ่งชี้ถึงวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรืองในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 6 ถึง 9 โดยมีการค้าขายกับแหล่งโบราณคดียุคแรก ๆ ทั้งทางบกและทางทะเล เหรียญกษาปณ์และอิทธิพลทางวัฒนธรรมในโบราณวัตถุบ่งชี้ว่าซามปานาโกมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเมืองสะเทิมและแหล่งโบราณคดียุคแรกๆ ในอู่ทองและกาญจนบุรี
ในคริสต์ศตวรรษที่ 13 เมาะตะมะเป็นเมืองหลวงของดินแดนทางใต้ในอาณาจักรพุกาม หลังจากการล่มสลายของพุกามใน ค.ศ. 1287 พระเจ้าฟ้ารั่วได้สถาปนาอาณาจักรเมาะตะมะขึ้นโดยมีฐานที่มั่นอยู่ที่เมาะตะมะ: 205–206 เมืองนี้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรที่พูดภาษามอญตั้งแต่ ค.ศ. 1287 ถึง ค.ศ. 1364 และเป็นรัฐบริวารของอาณาจักรสุโขทัยจนถึง ค.ศ. 1314 ตั้งแต่ ค.ศ. 1369 เป็นต้นมา กษัตริย์ได้ปกครองอาณาจักรจากเมืองพะโค (หงสาวดี) จาก ค.ศ. 1364 ถึง ค.ศ. 1388 เมาะตะมะอยู่ภายใต้การปกครองอิสระโดยพฤตินัยจากสมิงพระตะบะ ในปี ค.ศ. 1388 พระเจ้าราชาธิราชได้ยึดเมืองกลับคืนมา แม้ว่าจะไม่ใช่เมืองหลวงอีกต่อไป แต่เมืองนี้ยังคงเป็นท่าเรือการค้าที่สำคัญตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16

ชื่อเดิมของเมืองคือ มะตะบัน (Martaban) ซึ่งหมายถึง "ไห" หลากหลายต่าง ๆ ในภาษาอาหรับ และในระดับสากลหมายถึงไหเซรามิกขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกของเมือง ส่วนในภาษาอาหรับอียิปต์ คำนี้ได้เปลี่ยนเป็น batraman ซึ่งหมายถึงโถแก้วหรือเซรามิกทุกชนิด
คริสต์ศตวรรษที่ 16–19
ใน ค.ศ. 1541 พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้แห่งตองอูยึดเมืองที่มีป้อมปราการนี้ไว้และทำลายจนหมดสิ้น ส่งผลให้เมืองนี้ตกอยู่ในสภาพที่ล้าหลังไปถาวร ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19 เมาะตะมะเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในสงครามระหว่างพม่ากับสยามหลายครั้ง
สมัยอาณานิคม
เมาะตะมะถูกอังกฤษยึดครองในสงครามอังกฤษ–พม่าครั้งที่หนึ่ง ระหว่าง ค.ศ. 1824–1826 แต่กลับคืนสู่การปกครองของพม่าหลังสงคราม อย่างไรก็ตามเมาะตะมะกลายเป็นเมืองชายแดน เนื่องจากชายฝั่งตะนาวศรีทั้งหมดตั้งแต่มอละมไยน์ลงมากลายเป็นดินแดนของอังกฤษ เมาะตะมะกลายเป็นส่วนหนึ่งของพม่าตอนล่างของอังกฤษหลังสงครามอังกฤษ–พม่าครั้งที่สองใน ค.ศ. 1852
ภูมิศาสตร์
แม่น้ำสาละวินไหลผ่านเมืองลงสู่อ่าวเมาะตะมะ ที่ตั้งของเมืองอยู่ติดกับจุดบรรจบของแม่น้ำห้าสาย ได้แก่ แม่น้ำสาละวิน แม่น้ำอัตตรัน แม่น้ำไจ แม่น้ำโดนตะมิ และแม่น้ำไล่ง์-บแหว่ ขณะที่แม่น้ำเหล่านี้ไหลลงสู่อ่าวเมาะตะมะ เมืองนี้ยังล้อมรอบด้วยเนินเขาที่ยังคงตั้งอยู่ในหุบเขาสาละวิน ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกพืชผลหลากหลายชนิด
การคมนาคม
เมาะตะมะเป็นจุดสิ้นสุดของถนนและทางรถไฟจากย่างกุ้ง ที่ซึ่งแม่น้ำสาละวินไหลลงสู่อ่าวเมาะตะมะในทะเลอันดามัน ปัจจุบันสะพานมอละมไยน์ ซึ่งวางเส้นทางเชื่อมลงใต้จากเมาะตะมะไปยังมอละมไยน์และเย่เมืองอีกแห่งทางตอนใต้
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- Shorto, H.L. (1962). Dictionary of Modern Spoken Mon. Oxford University Press. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 January 2021. สืบค้นเมื่อ 10 October 2018.
- Tun, Than (1988). "Observations on the Translation and Annotation of the Royal Orders of Burma". Crossroads: An Interdisciplinary Journal of Southeast Asian Studies. 4 (1): 91–99. JSTOR 40860260.
- องค์ บรรจุน (9 กรกฎาคม 2561). "จากปรากฏการณ์คืนชื่อหมู่บ้านมลายูชายแดนใต้ ถึงขบวนการเรียกร้องชื่อสะพานสร้างใหม่ในรัฐมอญ". ศิลปวัฒนธรรม. (39:9), หน้า 38–39.
- ไมเคิล ไรท (26 เมษายน 2560). "ภูมิศาสตร์-ประวัติศาสตร์สยาม : เอกสารชั้นต้นสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ที่เปิดเผยใหม่ (๒)". ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 26 เมษายน 2560.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างอยุธยากับเมืองมะริดและเมืองตะนาวศรี พ.ศ. 2133–2310 มหาวิทยาลัยขอนแก่น National Graduate Research Conference
- Aung-Thwin, Michael (2005). The mists of Rāmañña: The Legend that was Lower Burma (illustrated ed.). Honolulu: University of Hawai'i Press. ISBN 9780824828868.
- ศุขสวัสดิ์, ม ล สุรสวัสดิ์ (2016). "วิจารณ์บทความเรื่อง Sampanago: "City of Serpents" and Muttama (Martaban)". Journal of Fine Arts, Chiang Mai University (ภาษาอังกฤษ). 7 (2): 247–285.
- Moore, Elizabeth; San Win (2014). "Sampanago: "City of Serpents" and Muttama (Martaban)". ใน Revire, Nicholas; Murphy, Stephen (บ.ก.). Before Siam was Born: New Insights on the Art and Archaeology of Pre-Modern Thailand and its Neighbouring Regions. River Books. pp. 216–237.
- Coedès, George (1968). Walter F. Vella (บ.ก.). The Indianized States of south-east Asia. trans.Susan Brown Cowing. University of Hawaii Press. ISBN 978-0-8248-0368-1.
- Mukherjee, Rila (2011), Pelagic Passageways: The Northern Bay of Bengal Before Colonialism, Primus Books, p. 212
- Harvey 1925: 368
- Fernquest 2006: 7–8
- Myint-U 2006: 67
- บรรณานุกรม
- Jon Ferquest (Spring 2006). "Rajadhirat's Mask of Command: Military Leadership in Burma (c. 1384–1421)". SBBR. 4 (1): 7–8.
- Harvey, G. E. (1925). History of Burma: From the Earliest Times to 10 March 1824. London: Frank Cass & Co. Ltd.
- Myint-U, Thant (2006). The River of Lost Footsteps—Histories of Burma. Farrar, Straus and Giroux. ISBN 978-0-374-16342-6.
วิกิพีเดีย, วิกิ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, มือถือ, โทรศัพท์, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, แอปเปิ้ล, สมาร์ทโฟน, พีซี, เว็บ, คอมพิวเตอร์, ข้อมูลเกี่ยวกับ เมาะตะมะ, เมาะตะมะ คืออะไร? เมาะตะมะ หมายความว่าอะไร?
ฝากคำตอบ
ต้องการเข้าร่วมการสนทนาหรือไม่?คุณสามารถร่วมเขียนได้!