ขุนวรวงศาธิราช
ขุนวรวงศาธิราช เป็นพระมหากษัตริย์ไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยานักประวัติศาสตร์ไทยบางท่านไม่นับว่าพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์เพราะถือว่าเป็นกบฏสมคบกับแม่หยัวศรีสุดาจันทร์แย่งชิงราชบัลลังก์จากสมเด็จพระยอดฟ้า อย่างไรก็ตาม ในพงศาวดารได้ระบุว่าพระองค์ได้ผ่านพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ประกอบกับเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2549 ในพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จบูรพมหากษัตริยาธิราช ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มีการกล่าวถึงขุนวรวงศาธิราชในบทบวงสรวงบูรพกษัตริยาธิราชเจ้า นับได้ว่าพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งของกรุงศรีอยุธยา[ต้องการอ้างอิง]
ขุนวรวงศาธิราช | |
---|---|
พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา (พิพาท) | |
ครองราชย์ | พ.ศ. 2091 (42 วัน) |
ราชาภิเษก | พ.ศ. 2091 |
ก่อนหน้า | สมเด็จพระยอดฟ้า |
ถัดไป | สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ |
พระมหาอุปราช | มหาอุปราช (จัน) |
พระราชสมภพ | พ.ศ. 2046 |
สวรรคต | พ.ศ. 2091 (45 พรรษา) |
คู่อภิเษก | แม่หยัวศรีสุดาจันทร์ |
พระราชบุตร | พระธิดาไม่ปรากฏพระนาม 1 พระองค์ |
พระราชประวัติ
ขุนวรวงศาธิราชเสด็จพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ ในตระกูลอำมาตย์ (หรือพราหมณ์) พระนามเดิมว่า บุญศรี เดิมมีตำแหน่งเป็น พันบุตรศรีเทพ ผู้เฝ้าหอพระข้างหน้า มีหน้าที่เป็นผู้กระทำพิธีการต่าง ๆ (ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาโดยสังเขปของเยเรเมียส ฟาน ฟลีต ระบุว่าเป็นหมอเวทมนตร์) รวมถึงขับเสภากล่อมสมเด็จพระไชยราชาธิราช ให้บรรทมด้วย จึงสามารถเข้านอกออกในเขตพระราชฐานได้
บางทฤษฎีเชื่อว่าพระองค์เป็นบุตรหรือมีเชื้อสายสืบทอดมาจากเจ้าเมืองศรีเทพอันเป็นเมืองลูกหลวงสมัยราชวงศ์อู่ทองครองกรุงศรีอยุธยา หรือสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์อู่ทอง
การพบกับแม่หยัวศรีสุดาจันทร์
วันหนึ่งในรัชสมัยสมเด็จพระยอดฟ้า แม่หยัวศรีสุดาจันทร์ซึ่งเป็นพระราชชนนีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้เสด็จไปพระที่นั่งพิมานรัถยาหอพระข้างหน้า ทอดพระเนตรเห็นพันบุตรศรีเทพก็เกิดมีความรักใคร่ จึงสั่งให้สาวใช้เอาเมี่ยงหมากห่อผ้าไปพระราชทานให้ พันบุตรศรีเทพก็เข้าใจว่าพระนางมีใจรักจึงเอาดอกจำปาให้สาวใช้นำไปถวายแม่หยัวศรีสุดาจันทร์ก็ยิ่งมีความกำหนัดในตัวพันบุตรศรีเทพ
การเลื่อนบรรดาศักดิ์
ต่อมาแม่หยัวศรีสุดาจันทร์ได้ให้พระยาราชภักดีเลื่อนพันบุตรศรีเทพเป็น ขุนชินราช (ในคำให้การชาวกรุงเก่าเรียกว่า ขุนเชียรราช) ผู้รักษาหอพระข้างใน ส่วนขุนชินราชคนเดิมให้ไปเป็นพันบุตรศรีเทพ จากนั้นขุนชินราชก็ลักลอบเป็นชู้กับแม่หยัวศรีสุดาจันทร์เป็นเวลานาน
แม่หยัวศรีสุดาจันทร์คิดจะแย่งชิงราชบัลลังก์ให้กับขุนชินราช จึงให้พระยาราชภักดีเลื่อนบรรดาศักดิ์ขุนชินราชเป็น ขุนวรวงศาธิราช เพื่อเป็นการเพิ่มอำนาจ นอกจากนั้นยังให้ปลูกจวนอยู่ริมศาลาสารบัญชีกับจวนสำหรับขุนวรวงศาธิราชว่าราชการอยู่ที่ประตูดินริมต้นหมัน ให้พิจารณาเลขสังกัดสมพรรค์ แล้วให้เตียงอันเป็นพระราชอาสน์ให้ขุนวรวงศาธิราชนั่งเพื่อให้ขุนนางทั้งหลายมีความยำเกรง
เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ พระยามหาเสนาได้พูดกับพระยาราชภักดีว่า"เมื่อแผ่นดินเป็นทุรยศฉะนี้ เราจะคิดประการใด" แม่หยัวศรีสุดาจันทร์ทรงทราบจึงให้พระยามหาเสนามาเข้าเฝ้าที่ประตูดิน จนเวลาค่ำพระยามหาเสนากลับออกไป มีผู้มาแทงพระยามหาเสนาตาย ก่อนตายพระยามหาเสนากล่าวว่า "เมื่อเราเป็นดั่งนี้แล้ว ผู้อยู่ภายหลังจะเป็นประการใดเล่า"
การขึ้นครองราชย์
ใน พ.ศ. 2091 แม่หยัวศรีสุดาจันทร์ทรงอ้างว่าสมเด็จพระยอดฟ้ายังทรงพระเยาว์ หัวเมืองฝ่ายเหนือก็ไม่เป็นปกติจึงปรึกษากับขุนนางว่าจะให้ขุนวรวงศาธิราชว่าราชการแผ่นดินจนกว่าสมเด็จพระยอดฟ้าจะทรงเจริญพระชนมายุ จึงทำพิธีราชาภิเษกขุนวรวงศาธิราชเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาและสถาปนานายจัน น้องชายขุนวรวงศาธิราชอยู่บ้านมหาโลก ขึ้นเป็นพระมหาอุปราช
เมื่อขุนวรวงศาธิราชได้ครองราชบัลลังก์ก็สมคบกับแม่หยัวศรีสุดาจันทร์นำสมเด็จพระยอดฟ้าไปสำเร็จโทษที่วัดโคกพระยา เมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 8 ตรงกับวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2091 ปีจอ จ.ศ. 910 (พระราชพงศาวดารฉบับพันจันทนุมาศว่าตรงกับปีฉลู พ.ศ. 2072) ส่วนพระศรีศิลป์ พระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระไชยราชาธิราชที่ประสูติแต่แม่หยัวศรีสุดาจันทร์นั้นไม่ได้นำไปสำเร็จโทษแต่ให้เลี้ยงไว้
การล้มล้างราชบัลลังก์
การครองราชบัลลังก์ของขุนวรวงศาธิราชนั้น ไม่เป็นที่เห็นชอบของขุนนางในราชสำนักและพระญาติวงศ์บางส่วน เพราะขุนวรวงศาธิราชทรงขึ้นครองบัลลังก์โดยไม่ชอบธรรมจึงมีขุนนางบางคนรวมตัวกันเพื่อล้มล้างราชบัลลังก์ ได้แก่ ขุนพิเรนทรเทพ เจ้านายเชื้อสายราชวงศ์พระร่วง ขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา (ในราชการ) และหลวงศรียศบ้านลานตากฟ้า
ทั้งสี่ร่วมกันวางแผนลอบปลงพระชนม์ จนโอกาสมาถึงเมื่อกรมการเมืองลพบุรีกราบทูลขุนวรวงศาธิราชว่า มีช้างเผือกเชือกหนึ่งที่ลพบุรี ขุนวรวงศาธิราชรับสั่งว่าจะไปจับแต่ต่อมาเปลี่ยนพระทัยให้กรมการเมืองลพบุรีไปจับแทน หลังจากนั้น 7 วันช้างเผือกเข้ามาทางวัดแม่นางปลื้มเข้าเพนียดวัดซองพระองค์จึงรับสั่งว่าหนนี้จะเสด็จไปจับเอง
ขุนพิเรนทรเทพสั่งให้หมื่นราชเสน่หา (นอกราชการ) ไปดักยิงอุปราชจันน้องขุนวรวงศาธิราชตายที่ท่าเสื่อระหว่างขี่ช้างไปเพนียด จากนั้น ขุนพิเรนทรเทพได้เรียกพระยาพิชัยกับพระยาสวรรคโลก ข้าราชการเมืองเหนือลงมาร่วมมือในการก่อการครั้งนี้ด้วย
ขุนวรวงศาธิราชประทับนั่งเรือพระที่นั่งไปกับแม่หยัวศรีสุดาจันทร์และพระธิดา (บางตำราว่าถูกสำเร็จโทษ) ที่เกิดด้วยกันและพระศรีศิลป์ ดังนั้น ขุนวรวงศาธิราชจึงทรงถูกลอบปลงพระชนม์ (บ้างก็ว่าถูกสำเร็จโทษ) ที่คลองสระบัว ข้างคลองปลาหมอโดยขุนพิเรนทรเทพกับสมัครพรรคพวก (ในบันทึกของเจอเรมิส วันวลิต บอกว่าถูกลอบยิงด้วยปืนที่ข้างประตูวัง )พร้อมแม่หยัวศรีสุดาจันทร์และพระธิดา พระบรมศพนั้นถูกนำไปเสียบประจานไว้ที่วัดแร้ง โดยในฉบับพระราชหัตถเลขา บอกว่าของขุนวรวงศาธิราช โดนฆ่า และโยนศพให้สุนัขกิน พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศว่าทรงครองราชย์ได้ 5 เดือน แต่คำให้การชาวกรุงเก่าว่า 2 ปี สวรรคตเมื่อพระชนมายุได้ 22 พรรษา
พระราชกรณียกิจ
- ข้าราชการหัวเมืองเหนือทั้ง 7 มีความกระด้างกระเดื่องต่อขุนวรวงศาธิราช จึงให้สมุหนายกมีหมายเรียกข้าราชการหัวเมืองเหนือลงมาที่กรุงศรีอยุธยา
- เมื่อขุนวรวงศาธิราชได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้ว ก็ให้เอาพงศาวดารเก่า ๆ เผาไฟเสียบ้าง ด้วยเหตุนี้พงศาวดารเก่า ๆ จึงขาดเป็นตอน ๆ
ในวัฒนธรรมสมัยนิยม
มีนักแสดงผู้รับบท ขุนวรวงศาธิราช ได้แก่
- ฉลอง สิมะเสถียร จากภาพยนตร์เรื่อง เจ้าแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทร์ (2497)
- วิวัฒน์ ผสมทรัพย์ จากละครโทรทัศน์เรื่อง สมเด็จพระสุริโยทัย (2535)
- จอนนี่ แอนโฟเน่ จากภาพยนตร์เรื่อง สุริโยไท (2544)
- อัครา อมาตยกุล จากภาพยนตร์เรื่อง กบฏท้าวศรีสุดาจัน (2548)
- ธนภัทร กาวิละ จากละครโทรทัศน์เรื่อง แม่หยัว (2567)
อ้างอิง
- เชิงอรรถ
- เทปสนทนาเรื่อง กำเนิดอยุธยาและวาระสุดท้ายสุริโยทัย, "คุยกันจันทร์ถึงศุกร์ กับ วีระ ธีรภัทร" โดย วีระ ธีรภัทร และ ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ ทางตรินิตี้เรดิโอ F.M. 97.00 Mhz
- คำให้การชาวกรุงเก่า, พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น, นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2553, หน้า 492-496
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) , นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2553, หน้า 64-7
- พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับเยเรเมียส ฟาน ฟลีต, หน้า 42
- มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา (2554). นามานุกรมพระมหากษัตริย์ไทย (PDF). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา. p. 98. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-03-04. สืบค้นเมื่อ 2015-07-04.
- บรรณานุกรม
- หม่อมราชวงศ์ศุภวัฒย์ เกษมศรี. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับเยเรเมียส ฟาน ฟลีตและผลงานคัดสรร พลตรี หม่อมราชวงศ์ ศุภวัฒย์ เกษมศรีฯ. กรุงเทพฯ : สมาคมประวัติศาสตร์ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, 2552. 171 หน้า. ISBN 9789746425872
ดูเพิ่ม

- รายพระนามพระมหากษัตริย์ไทย
ก่อนหน้า | ขุนวรวงศาธิราช | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระยอดฟ้า (พ.ศ. 2089 — พ.ศ. 2091) | ![]() | ![]() พระเจ้ากรุงศรีอยุธยา ((พ.ศ. 2091) (บางแห่งไม่นับว่าทรงเป็นกษัตริย์) ) | ![]() | สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พ.ศ. 2091 — พ.ศ. 2111) |
วิกิพีเดีย, วิกิ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, มือถือ, โทรศัพท์, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, แอปเปิ้ล, สมาร์ทโฟน, พีซี, เว็บ, คอมพิวเตอร์, ข้อมูลเกี่ยวกับ ขุนวรวงศาธิราช, ขุนวรวงศาธิราช คืออะไร? ขุนวรวงศาธิราช หมายความว่าอะไร?
ฝากคำตอบ
ต้องการเข้าร่วมการสนทนาหรือไม่?คุณสามารถร่วมเขียนได้!