วิทยาศาสตร์
บทความนี้อาจต้องเขียนใหม่ทั้งหมดเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพของวิกิพีเดีย หรือกำลังดำเนินการอยู่ คุณช่วยเราได้ หน้าอภิปรายอาจมีข้อเสนอแนะ |
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
บทความนี้อาจขยายความได้โดยการแปลบทความที่ตรงกันในภาษาอังกฤษ คลิกที่ [ขยาย] เพื่อศึกษาแนวทางการแปล
|
วิทยาศาสตร์ หมายถึง ความรู้เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต รวมทั้งกระบวนการประมวลความรู้เชิงประจักษ์ ที่เรียกว่ากระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และกลุ่มขององค์ความรู้ที่ได้จากกระบวนการดังกล่าว
การศึกษาในด้านวิทยาศาสตร์ยังถูกแบ่งย่อยออกเป็น วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ และ วิทยาศาสตร์ประยุกต์ คำว่า science ในภาษาอังกฤษ ซึ่งแปลว่า วิทยาศาสตร์นั้น มาจากภาษาลาติน คำว่า scientia ซึ่งหมายความว่า ความรู้ ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ฟรานซิส เบคอนได้พยายามคิดค้นวิธีมาตรฐานในการอุปนัย เพื่อนำมาใช้สร้างทฤษฎีหรือกฎต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์จากข้อมูลที่ทดลองหรือสังเกตได้จากธรรมชาติ เป็นผู้รื้อถอนและปรับปรุงแนวความคิดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สมัยเก่า ที่ยึดติดกับแนวความคิดของอริสโตเติลทิ้งไป. ณ ขณะนั้น กาลิเลโอได้กำหนดลักษณะสำคัญของวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ไว้ดังนี้
- ทำนายสิ่งที่เกิดขึ้นในปรากฏการณ์ธรรมชาติได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายสาเหตุได้ เช่น ในขณะที่ยังไม่มีความรู้เรื่องแรงโน้มถ่วงนั้น กาลิเลโอไม่สนใจที่จะอธิบายว่า "ทำไมวัตถุถึงตกลงสู่พื้นดิน ?" แต่สนใจคำถามที่ว่า "เมื่อมันตกแล้ว มันจะถึงพื้นภายในเวลาเท่าใด ?"
- ใช้คณิตศาสตร์เพื่อเป็นภาษาหลักของวิทยาศาสตร์ (ดูหัวข้อ คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์)
ในเวลาต่อมา ไอแซก นิวตันได้ต่อเติมรากฐานและระบบระเบียบของแนวคิดเหล่านี้ และเป็นต้นแบบสำหรับสาขาด้านอื่น ๆ ของวิทยาศาสตร์
ก่อนหน้านั้น, ในปี ค.ศ. 1619 เรอเน เดส์การตส์ ได้เริ่มเขียนความเรียงเรื่อง Rules for the Direction of the Mind (ซึ่งเขียนไม่เสร็จ). โดยความเรียงชิ้นนี้ถือเป็นความเรียงชิ้นแรกที่เสนอกระบวนการคิดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สมัยใหม่และปรัชญาสมัยใหม่. อย่างไรก็ตามเนื่องจากเดส์การตส์ได้ทราบเรื่องที่กาลิเลโอ ผู้มีความคิดคล้ายกับตนถูกเรียกสอบสวนโดย โป๊ปแห่งกรุงโรม ทำให้เดส์การตส์ไม่ได้ตีพิมพ์ผลงานชิ้นนี้ออกมาในเวลานั้น
การพยายามจะทำให้ระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์เป็นระบบนั้น ต้องพบกับปัญหาของการอุปนัย ที่ชี้ให้เห็นว่าการคิดแบบอุปนัย (ซึ่งเริ่มต้นโดยฟรานซิส เบคอน) นั้น ไม่ถูกต้องตามหลักตรรกศาสตร์. เดวิด ฮูมได้อธิบายปัญหาดังกล่าวออกมาอย่างละเอียด คาร์ล พอพเพอร์ในความคิดลักษณะเดียวกับคนอื่น ๆ ได้พยายามอธิบายว่าสมมติฐานที่จะใช้ได้นั้นจะต้องทำให้เป็นเท็จได้ (falsifiable) นั่นคือจะต้องอยู่ในฐานะที่ถูกปฏิเสธได้ ความยุ่งยากนี้ทำให้เกิดการปฏิเสธความเชื่อพื้นฐานที่ว่ามีระเบียบวิธี 'หนึ่งเดียว' ที่ใช้ได้กับวิทยาศาสตร์ทุกแขนง และจะทำให้สามารถแยกแยะวิทยาศาสตร์ ออกจากสาขาอื่นที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ได้
ศัพทมูลวิทยา
ส่วนนี้ต้องการการขยายความ คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
มาจากคำว่า วิทยา และคำว่า ศาสตร์
ปรัชญาวิทยาศาสตร์
ส่วนนี้ไม่มีการอ้างอิงจากเอกสารอ้างอิงหรือแหล่งข้อมูล โปรดช่วยพัฒนาส่วนนี้โดยเพิ่มแหล่งข้อมูลน่าเชื่อถือ เนื้อหาที่ไม่มีการอ้างอิงอาจถูกคัดค้านหรือนำออก |
ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของวิทยาศาสตร์ในประวัติศาสตร์มนุษย์ ได้สร้างประเด็นคำถามทางปรัชญาไว้มากมาย. โดยนักปรัชญาวิทยาศาสตร์ได้ตั้งคำถามทางปรัชญาที่สำคัญดังนี้
- สิ่งใดเป็นตัวแบ่งแยกความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับความรู้ประเภทอื่น ๆ เช่น โหราศาสตร์
- ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เป็นความจริงหรือไม่
- ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เชื่อถือได้แค่ไหน
- วิทยาศาสตร์มีประโยชน์จริง ๆ หรือไม่
- ศีลธรรมของวิทยาศาสตร์ที่เหมาะสม คือรูปแบบใด
ประเด็นเหล่านี้ยังเป็นที่ถกเถียงในหมู่นักปรัชญาวิทยาศาสตร์อย่างมากในปัจจุบัน และไม่มีความเห็นใดที่ได้รับการยอมรับทั่วไปอีกเลยทีเดียว
ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์แรกเริ่มของวิทยาศาสตร์

วิทยาศาสคร์ไม่ได้มีจุดเริ่มต้นจากที่ใดที่หนึ่งแต่มาจากวิธีการที่ทำอย่างเป็นกิจจะลักษณะและเกิดขึ้นอย่างค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปตลอดเวลาหนึ่งหมื่นปีที่ผ่านมาในทุกมุมโลก รายละเอียดเกี่ยวกับการพัฒนาในยุคนั้นมีน้อยและหาได้ยาก ผู้หญิงอาจจะตัวกลางสำคัญในวิทยาศาสตร์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เช่นจากการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ผู้เชี่ยวชาญบางคนใช้คำว่าต้นแบบวิทยาศาสตร์ (Protoscience) เพื่ออธิบายการกระทำในอดีตที่เหมือนหรือคล้ายกับการศึกษาวิทยาศาสตร์ในสมัยใหม่ในบางส่วนไม่ทั้งจำเป็นว่าต้องเหมือนทั้งหมด อย่างไรก็ตามคำนี้ก็มีการวิจารณ์ว่าไม่ถูกต้องอย่างมาก มีแนวคิดแบบพรีเซ็นทิซึม (Presentism) มองสิ่งที่เกิดขึ้นมาต่างเฉพาะว่าแค่มีความสัมพันธ์กับในปัจจุบัน
หลักฐานเกี่ยวกับการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์มีให้เห็นมากขึ้นจากการพัฒนาระบบการเขียน อารยธรรมยุคสัมฤทธิ์เช่นอียิปต์โบราณและเมโสโปเตเมียมีการบันทึกข้อความเป็นลายลักษณ์อักษรหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาในประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ตั้งแต่ช่วง 3000 ถึง 1200 ปีก่อนคริสตกาล: 12–15 อย่างไรก็ตามแนวคิดของวิทยาศาสตร์และธรรมชาติยังไม่ใช่แนวคิดหลักของการศึกษายุคนั้น ชาวอียิปต์โบราณและชาวเมโสโปเตเมียได้สร้างองค์ความรู้หลายอย่างที่ต่อมาเป็นองค์ความรู้ที่ยังมีการศึกษาในกรีกโบราณและยุคกลางทั้ง คณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ การแพทย์ และ ยารักษาโรค: 12 ภายหลัง 3000 ปีก่อนคริสตกาล อียิปต์โบราณได้พัฒนาเลขฐานสิบ พยายามแก้ปัญหาทางเรขาคณิต และทำปฏิทิน ใช้การรักษาด้วยยาและใช้สิ่งเหนือธรรมชาติเช่น การอธิษฐานขอพร ทำการปลุกเสกและทำพิธีกรรม: 9
ชาวเมโสโปเตเมียใช้ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีที่เจอในธรรมชาติเพื่อผลิตเครื่องปั้นดินเผา เครื่องเคลือบ แก้วกระจก สบู่ โลหะ ปูน อุปกรณ์กันน้ำ ชาวเมโสโปเตเมียยังได้ศึกษา สรีรวิทยาของสัตว์ กายวิภาคศาสตร์ พฤติกรรมวิทยา และ โหราศาสตร์เพื่อการทำนาย ชาวเมโสโปเตเมียโดยเฉพาะในบาบิโลนมีความสนใจในด้านการแพทย์อย่างมาก นอกจากนี้ยังพบใบสั่งยาในยุคแรก ๆ ทีเขียนเป็นภาษาซูเมอร์จากสมัยราชวงค์ที่ 3 แห่งอูร์ นอกจากนี้ยังพบว่าชาวเมโสโปเตเมียศึกษาวิทยาศาสตร์เพื่อใช้ในการศาสนาเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้ทำเพื่อสนองความอยากรู้
ยุคโบราณ

ในสมัยคลาสสิกยังไม่มีวิชาการศึกษาความรู้ใดที่คล้ายกับวิทยาศาสตร์ในสมัยใหม่ ในยุคนี้มีเพียงแต่ผู้มีการศึกษาซึ่งมักมาจากชนชั้นสูงและเกือบทั้งหมดเป็นชายดำเนินการวิเคราะห์สืบเสาะในธรรมชาติเมื่อไรก็ตามที่มีเวลา ก่อนที่จะมีการคิดและค้นพบแนวคิดของไฟซิสหรือธรรมชาติโดยนักปรัชญายุคก่อนโสเครตีส คำนี้ใช้อธิบายวิถีของธรรมชาติที่พืชเติบโต และแนวทางที่เช่นเผ่าเผ่าหนึ่งบูชาพระเจ้าบางพระองค์ด้วยเหตุนี้สามารถยึดถือได้ว่าพวกเขาเหล่านั้นคือนักปรัชญากลุ่มแรกตามความเข้าใจโดยตรงและเป็นคนกลุ่มแรกที่แยกแยะธรรมชาติและธรรมเนียม (สัญนิยม) ออกจากกันอย่างสิ้นเชิง
นักปรัชญากรีกแห่งสายไมเลเซียนซึ่งก่อตั้งโดยทาเลสแห่งมิเลทุสและสืบทอดโดยอานักซีมันโดรสและอานักซีเมแนสแห่งมิเลทุส นับเป็นครั้งแรกที่มีการพยายามอธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติโดยไม่กล่าวถึงสิ่งเหนือธรรมชาติ.นักปรัชญาสายพิทาโกเรียน พัฒนาปรัชญาที่ใช้ตัวเลขที่ซับซ้อน: 467–68 และมีส่วนช่วยในการการพัฒนาวิชาคณิตศาสตร์: 465 แนวคิดปรมาณูนิยมได้ถูกพัฒนาโดยนักปรัชญากรีกเลวกิปโปสและลูกศิษย์ของเขาแดโมกรีโตส. ต่อมาเอพิโครอสได้พัฒนาทฤษฎีจักรวาลวิทยาธรรมชาติจากแนวคิดปรมาณูนิยมและใช้เป็นบทบัญญัติมาตรฐานซึ่งเป็นเกณฑ์ทางกายภาพหรือมาตรฐานของความจริงทางวิทยาศาสตร์ แพทย์ชาวกรีกฮิปโปเครติสได้สร้างแบบแผนของระบบการศึกษาวิทยาศาสตร์การแพทย์และถูกกล่าวถึงว่าเป็นบิดาแห่งการแพทย์
จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของปรัชญาวิทยาศาสตร์ในยุคแรกเริ่มมาจากตัวอย่างของโสกราตีสในการใช้ปรัชญาเพื่อศึกษาความเป็นมนุษย์ เช่นธรรมชาติของมนุษย์ ธรรมชาติของการเมืองและประชาคม และความรู้ของมนุษย์เอง วิธีการของโสกราตีส ตามบันทึกการสนทนากับเพลโตเป็นวิภาษวิธีในการกำจัดข้อสมมุติฐาน ข้อที่ดีกว่าสามารถเจอได้ด้วยการค่อย ๆ จำแนกและตัดข้อที่มีความขัดแย้งกันออก วิธีการของโสกราตีสค้นหาความจริงที่ปรากฏโดยทั่วไปซึ่งก่อตัวเป็นความเชื่อและพิจารณาสิ่งเหล่านั้นอย่างลึกซึ้งเพื่อดูความสม่ำเสมอ โสกราตีสยังได้วิจารณ์การศึกษาฟิสิกส์แบบกรีกในยุคเก่าว่าเน้นการเดาสุ่มมากเกินไปและขาดการวิจารณ์ตัวเอง.
ศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาลอริสโตเติลสร้างแบบแผนอย่างเป็นระบบของอันตวิทยา ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาลนักดาราศาสตร์กรีกอาริสตาร์โคสแห่งซาโมสเป็นคนแรกที่เสนอแนวคิดดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของจักรวาลโดยดวงอาทิตย์อยู่ตรงกลางและมีดวงเคระห์โคจรรอบ ๆ แบบจำลองของอาริสตาร์โคสถูกปฏิเสธอย่างหนักเพราะเชื่อกันว่าละเมิดกฎของฟิสิกส์ในยุคนั้น ส่วนแบบของปโตเลมีในตำรา Almagest ซึ่งเป็นแบบจำลองแนวคิดโลกเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะถูกยอมรับจนกระทั่งถึงต้นยุคเรอเนซองส์ นักประดิษฐ์และนักคณิตศาสตร์อาร์คิมิดีสได้สร้างผลงานสำคัญต่อจุดเริ่มต้นของแคลคูลัสพลินีผู้อาวุโสนักเขียนและโพลิแมทชาวโรมันเขียนผลงานซึ่งต้นแบบของสารานุกรมชื่อว่า Naturalis Historia
ค่าประจำหลัก ที่ใช้ในการเขียนเลขอาจเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงคริสตรศตวรรษที่ 3 ถึง 5 และปรับใช้แพร่หลายตามเส้นทางการค้าของอินเดีย ระบบและสัญลักษณ์ดังกล่าวทำให้การบวกลบคูณหารทำได้ง่ายมีประสิทธิภาพสูงและได้กลายมาเป็นมาตรฐานของวิชาคณิตศาสตร์ทั่วโลก
ยุคกลาง

หลังการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกในศตวรรษที่ 5 จำนวนผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญได้ลดลง ความรู้และปรัชญากรีกได้เลือนรางสูญหายจากยุโรปตะวันตก: 194 อย่างไรก็ตามในยุคนี้อิซิโดโรแห่งเซบิยาได้จัดทำตำราและสารานุกรมเพื่อรักษาองค์ความรู้ทั่วไปที่ได้รวบรวมจากอดีต กลับกันในจักรวรรดิไบแซนไทน์ที่ต้องตั้งรับการรุกรานและสงครามแต่ก็ยังรักษาและต่อยอดความรู้เดิมที่มีได้: 159 จอห์น ฟิโลปอนอสนักปราชญ์จากไบแซนไทน์ ตั้งข้อสงสัยหลักฟิสิกส์ของอริสโตเติล จึงเกิดเป็นทฤษฎีแรงกระตุ้น: 307, 311, 363, 402 และมีอิทธิพลต่อนักปราชญ์รุ่นหลังพันปีต่อมาอย่างกาลิเลโอที่ได้อ้างอิงทฤษฎีนี้หลายครั้งในงานของเขา: 307–308
ปลายสมัยโบราณ และ สมัยกลางตอนต้นปรากฏการณ์ธรรมชาติต่างถูกศึกษาตรวจสอบโดยใช้ปรัชญาของอริสโตเติลเช่น เหตุสี่อย่าง (four causes) วัสดุเหตุ รูปเหตุ สัมฤทธิเหตุ และอันตเหตุ ตำราและหนังสือกรีกโบราณหลายรายการถูกเก็บรักษาในจักรวรรดิไบแซนไทน์โดยชาวนิกายเนสโตเรียนและนิกายไมอาฟิไซทิซึม และมีการแปลเป็นภาษาอาหรับหนังสือแปลเป็นภาษาอาหรับเหล่านี้ถูกปรับปรุงต่อยอดที่นำโดยรัฐเคาะลีฟะฮ์ ถึงช่วงศตวรรษที่ 6 และ 7 จักรวรรดิซาเซเนียนได้ตั้งวิทยาลัยกอนดิชาปุรซึ่งถูกกล่าวขานโดยหมอชาวกรีก ซิริแอก และเปอร์เซียว่าเป็นศูนย์การแพทย์ที่สำคัญที่สุดในยุคนั้น
บัยตุลฮิกมะฮ์ (ห้องสมุดใหญ่แห่งแบกแดด) สร้างในยุครัฐเคาะลีฟะฮ์อับบาซียะฮ์ ที่เมืองแบกแดดในปัจจุบัน ที่แห่งนี้เป็นจุดที่ทำให้ปรัชญาของอริสโตเติลได้เจริญรุ่งเรืองในโลกอิสลาม จนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 13 เมื่อเกิดการมาถึงของการรุกรานของชาวมองโกล อิบน์ อัลฮัยษัมทำการทดลองเกี่ยวกับทัศนศาสตร์ที่การควบคุมปัจจัยตัวแปรอิบน์ ซีนารวบรวมและเขียนอัลกอนูนฟีอัฏฏิบบ์ ตำราสารานุกรมการแพทย์ที่ถือว่าหนังสือการแพทย์ที่สำคัญและมีการใช้และกล่าวถึงจนกระทั่งถึงศตวรรษที่ 18
ในศตวรรษที่ 11 ชาวยุโรปส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์: 204 และในปี 1088 มหาวิทยาลัยโบโลญญาถูกตั้งขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกในยุโรป เช่นนั้นความต้องการหนังสือที่แปลเป็นภาษาลาตินเพิ่มมากขึ้น: 204 ในศตวรรษที่ 12 ลัทธิอัสมาจารย์ได้เจริญรุ่งเรืองอย่างมากในยุโรปตะวันตก มีการทดลองโดย สังเกต บรรยายพรรณนา และจำแนกประเภทสิ่งต่าง ๆ ในธรรมชาติ ในศตวรรษที่ 13 อาจารย์และนักศึกษาแพทย์ที่โบโลญญาเริ่มศึกษาโดยผ่าร่างมนุษย์ ทำให้เกิดตำรากายวิภาคศาสตร์เล่มแรกโดยมอนดิโน ดิ ลุซซี
ยุคเรอเนซองส์

พัฒนาการใหม่ในวิชาทัศนศาสตร์คือตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดการเริ่มต้นใหม่ต่าง ๆ ในการฟื้นฟูศิลปวิทยาการ มีการโต้แย้งความคิดมโนคติของอภิปรัชญาในเรื่องของการรับรู้ รวมทั้งการมีส่วนร่วมในการปรับปรุงและการพัฒนาของเทคโนโลยีใหม่อย่างเช่น กล้องทาบเงา และ กล้องโทรทรรศน์ ช่วงแรกของยุคเรอเนซองส์ โรเจอร์ เบคอน วิเทลโล และ จอห์น เพ็คแคม ต่างสร้างแนวคิดภววิทยาแบบอัสมาจารย์ บนโซ่แห่งเหตุ (Causal chain) เริ่มจากผัสสาการ สัญชาน และสุดท้ายวิสัญชานของปัจเจกบุคคลและสิ่งสากลในทฤษฎีของแบบของอริสโตเติล: Book I ต้นแบบเกี่ยวกับการมองเห็นกลายมาเป็นที่รู้จักในชื่อทัศนพิสัยนิยมถูกศึกษาและในไปใช้โดยศิลปินในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ทฤษฎีดังกล่าวใช้ 3 เหตุจากทั้งหมด 4 เหตุของอริสโตเติลคือ รูปเหตุ วัสดุเหตุ และอันตเหตุ
ในศตวรรษที่ 16 นิโคลัส โคเปอร์นิคัสกำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับแนวคิดดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะจักรวาลเริ่มจากดาวเคราะห์หมุนรอบดวงอาทิตย์แทนที่จะเป็นแนวคิดโลกเป็นศูนย์กลางที่ดาวเคราะห์และดวงอาทิตย์หมุนรอบโลก แนวคิดนี้มีที่มาจากข้อสังเกตุเกี่ยวกับคาบการโคจรของดาวเคราะห๋โดยวงโคจรจะมีคาบการโคจรที่นานขึ้นหากดาวเคราะห์มีระยะห่างจากจุดศูนย์กลางการโคจรไกลมากขึ้น ซึ่งผลการสำรวจที่ได้แย้งกับแนวคิดโลกเป็นศูนย์กลาง
โยฮันเนิส เค็พเพลอร์ รวมถึงนักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ ได้พยายามโต้แย้งแนวคิดที่ว่า ตามีการทำงานเพียงด้านเดียวเท่านั้นคือการรับรู้ และทำให้มีการเบนความสนใจทางด้านทัศนศาสตร์ จากการศึกษาเกี่ยวกับตาไปที่การเดินทางของแสง เค็พเพลอร์มีชื่อเสียงอย่างมาก อย่างไรก็ตามถึงแม้เขาจะต่อยอดแบบจำลองดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของโคเปอร์นิคัสจากการค้นพบกฎของเคปเลอร์ เค็พเพลอร์ก็ไม่ได้ปฏิเสธอภิปรัชญาแบบอริสโตเลียนนอกจากนี้เขากล่าวว่างานของเขาเป็นการคันหาการประสานพ้องแห่งฟากฟ้า (Musica universalis) กาลิเลโอได้สร้างผลงานสำคัญมากมายทั้งด้าน ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์ และวิศวกรรม อย่างไรก็ตามเขาถูกขังจากคำสั่งของพระสันตะปาปาเออร์บานที่ 8 ได้สั่งลงโทษเขาจากงานเขียนเกี่ยวแบบจำลองพระอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง
แท่นพิมพ์ถูกใช้อย่างแพร่หลายเพื่อพิมพ์ข้อวิจารณ์ทางวิชาการ รวมถึงความเห็นแย้งบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดสมัยใหม่เกี่ยวกับธรรมชาติในยุคนั้นฟรานซิส เบคอนและเรอเน เดการ์ต ตีพิมพ์คำอภิปรายทางปรัชญาแบบใหม่ที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์แบบอริสโตเลียน เบคอนได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทดลองมากกว่าการพินิจพิจารณาและตั้งคำถามต่อแนวคิดแบบอริสโตเลียนในเรื่องของรูปเหตุและอันตเหตุ สนับสนุนแนวคิดที่ว่า วิทยาศาสตร์ควรเป็นการศึกษากฎธรรมชาติและพัฒนาความเป็นอยู่และชีวิตของมนุษย์ เดการ์ตได้เน้นย้ำถึงความคิดของปัจเจกบุคคลและเสนอว่าควรใช้คณิตศาสตร์มากว่าเรขาคณิตในการศึกษาธรรมชาติ
ยุคเรืองปัญญา

เมื่อเริ่มต้นเข้าสู่ยุคเรืองปัญญา ไอแซก นิวตันได้วางรากฐานสำคัญให้แก่วิชากลศาสตร์แบบฉบับจากการเผยแพร่งานเขียนเรื่อง Philosophiæ Naturalis Principia Mathematica (แปลตรงตัว 'ปรัชญาธรรมชาติของหลักการทางคณิตศาสตร์') งานเขียนชิ้นนี้ได้ส่งต่อและมีอิทธิพลต่อแนวคิดของนักฟิสิกส์รุ่นหลังอีกหลายคนก็อทฟรีท วิลเฮ็ล์ม ไลบ์นิทซ์ได้รวมแนวคิดหลายอย่างจากปรัชญาธรรมชาติของอาริสโตเติลซึ่งเป็นปรัชญาของอันตวิทยามาใช้ในแบบที่ไม่เกี่ยวข้องกับอันตวิทยาซึ่งมีผลต่อแนวคิดเกี่ยวกับวัตถุกล่าวคือ วัตถุไม่มีเหตุผลหรือเป้าหมายมันยังคงอยู่ ไลบ์นิทซ์ให้เหตุผลว่าสิ่งต่างเป็นไปด้วยกฎธรรมชาติอย่างเดียวไม่มีรูปปัจจัยหรืออันตปัจจัยพิเศษอื่นใดเข้ามาเกี่ยวข้อง
ในยุคนี้เป็นที่ประจักษ์แจ้งแล้วว่าวิทยาศาสตร์ได้สร้างความมั่งคั่งและสิ่งใหม่ ๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ในทางวัตถุนิยมเช่นผลผลิตอาหาร เสื้อผ้า และสิ่งต่าง ๆ ที่มากขึ้น ใน Novum Organum (แปลตรงตัว 'วิธีการใหม่') ฟรานซิส เบคอนได้กล่าวไว้ว่าเป้าหมายที่ถูกต้องจริงของวิทยาศาสตร์คือการเผื่อแผ่สิ่งใหม่ ๆ และความร่ำรวยแก่ชีวิตมนุษย์และไม่เห็นด้วยกับการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นเพียงแนวคิดที่จับต้องไม่ได้
แทนที่จะเป็นมหาวิทยาลัยแบบในอดีตในยุคนี้การค้นคว่าทางวิทยาศาสตร์มักมาจากสมาคมวิชาการและบัณฑิตยสถาน (Academy) สถาบันเหล่านี้ได้ก่อให้เกิดอาชีพวิชาการทางวิทยาศาสตร์ขึ้น รวมถึงความสนใจต่อองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มจำนวนขึ้นของผู้รู้หนังสือ ในยุคนี้นักคิดและนักปรัชญาบางคนได้หันมาเขียนหนังสือด้านวิทยาศาสตร์เช่น 1.กาลิเลโอ กาลิเลอี 2.โยฮันเนิส เค็พเพลอร์ 3.โรเบิร์ต บอยล์ และ 4.ไอแซก นิวตัน
ในยุคนี้โดยเฉพาะศตวรรษที่ 18 ได้เกิดความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์มากมายอาทิเช่นด้านการแพทย์ ฟิสิกส์ ชีววิทยาจากการพัฒนาหลักการอนุกรมวิธานของคาร์ล ลินเนียส ความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับแม่เหล็กและไฟฟ้า การพัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับธาตุและสารจนเกิดเป็นวิชาเคมีขึ้น แนวคิดเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ สังคม และเศรษฐกิจได้พัฒนาในยุคนี้เช่นกัน เดวิด ฮูม นักคิดชาวสก็อตได้เขียนหนังสือ A Treatise of Human Nature (แปลตรงตัว 'ศาสตรนิพนธ์ว่าด้วยธรรมชาติของมนุษย์') ซึ่งได้ถูกนำมาใช้อ้างอิงในงานเขียนของหลายคนได้แก่ เจมส์ เบอร์เน็ต อดัม เฟอร์กูสัน จอห์น มิลลาร์ และ วิลเลียม โรเบิร์ตสัน ซึ่งได้รวมการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ในเรื่องระหว่างความเป็นอยู่ของมนุษย์ยุคโบราณ กับ ความตระหนักรู้ต่อการเปลี่ยนแปลงสู่ความเป็นสมัยใหม่ วิชาสังคมวิทยาล้วนแต่มีจุดเริ่มต้นจากนักคิดชาวสก็อตเหล่านี้ ในปี 1776 อดัม สมิธได้พิมพ์หนังสือความมั่งคั่งของประชาชาติซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของวิชาเศรษฐศาสตร์
ศตวรรษที่ 19

หลายองค์ความรู้ในระหว่างศตวรรษที่ 19 เริ่มเป็นรูปเป็นร่างคล้ายกับสาขาวิชาในปัจจุบัน ในยุตนี้การค้นคว้าทางด้านวิทยาศาสตร์เริ่มเห็นการใช้เครื่องมือวัดที่มีความเที่ยง รวมถึงการเกิดขึ้นของนักชีววิทยา นักฟิสิกส์ และนักวิทยาศาสตร์จากการที่การศึกษาธรรมชาติสามารถเป็นงานได้ในยุคนั้น นักวิทยาศาสตร์ได้กลายเป็นเจ้าหน้าที่ที่สำคัญในสังคม ในยุคนี้หลายประเทศได้พัฒนาการอุตสาหกรรมและความนิยมที่เพิ่มขึ้นของงานเขียนวิทยาศาสตร์ประชานิยม (Popular science) และการถือกำเนิดของวรสารวิทยาศาสตร์ จิตวิทยากลายเป็นสาขาแยกใหม่ของวิชาปรัชญาเมื่อวิลเฮล์ม วุนต์ สร้างห้องทดลองเพื่อใช้ค้นคว้าเกี่ยวกับจิตวิทยาครั้งแรกในปี 1879
ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ชาลส์ ดาร์วิน และ อัลเฟรด รัสเซล วอลเลซต่างคนได้พัฒนาต่างได้เสนอทฤษฎีวิวัฒนาการและนำไปสู่กฎการคัดเลือกโดยธรรมชาติในปี 1858 ซึ่งเป็นการอธิบายว่าพืชและสัตว์แต่ละชนิดมีวิวัฒนาการและการปรับตัวอย่างไร ชาลส์ ดาร์วินได้อธิบายทฤษฎีดังกล่าวโดยละเอียดในหนังสือกำเนิดสปีชีส์ (On the Origin of Species) ซึ่งพิมพ์ครั้งแรกปี 1859 ในอีกฟากหนึ่งเกรกอร์ เมนเดลได้เผยแพร่การทดลองของเขาในหนังสือ Versuche über Pflanzen-Hybriden (แปลตรงตัว 'การทดลองเกี่ยวกับพืชลูกผสม')ในปี 1865 และได้กลายมาเป็นกฎของเมนเดลซึ่งเป็นพื้นฐานและรากฐานสำคัญของการศึกษาพันธุศาสตร์จนถึงในปัจจุบัน
ช่วงศตวรรษที่ 19 ตอนต้นจอห์น ดอลตันได้เสนอแนวคิดทฤษฎีอะตอมยุคใหม่ ซึ่งมีรากฐานมาจากแนวคิดของดีโมครีตุสที่ได้พูดถึงเรื่องอะตอม จากกฎทรงพลังงานซึ่งรวมไปถึงการทรงโมเมนตัมและกฎทรงมวล อาจเป็นไปได้ว่าจักรวาลมีความเสถียรอย่างมากและแถบไม่มีการสูญเสียใด ๆ ในจักรวาล อย่างไรก็ตามหลังจากการมาถึงของเครื่องจักรไอน้ำ และ การปฏิวัติอุตสาหกรรม ได้พบว่าพลังงานแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน ทำให้เกิดการใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนงานทางความร้อนไปเป็นพลังงานชนิดอื่น ความเข้าใจดังกล่าวนำไปสู่กฎของอุณหพลศาสตร์ ในกฎดังกล่าวว่าไว้ว่าพลังงานเสรีของจักรวาลลดลงอย่างต่อเนื่อง เอนโทรปีของจักรวาลปิดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดเวลา
ทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าเริ่มเป็นรูปเป็นร่างในช่วงศตวรรษที่ 19 จากงานเขียนงานทดลองของนักวิทยาศาสตร์หลายคนเช่น 1.ฮันส์ คริสเทียน เออร์สเตด 2.อ็องเดร-มารี อ็องแปร์ 3.ไมเคิล ฟาราเดย์ 4.เจมส์ เคลิร์ก แมกซ์เวลล์ 5.โอลิเวอร์ เฮวิไซด์ และ 6.ไฮน์ริช เฮิร์ตซ์ แนวคิดใหม่ที่ว่าได้สร้างปัญหาให้นักวิทยาศาสตร์ยุคนั้นเนื่องจากไม่สามารถอธิบายได้ด้วยกลศาสตร์แบบนิวตันได้ ในยุคนี้เกิดการค้นพบรังสีเอกซ์ซึ่งนำไปสู่การค้นพบการสลายตัวกัมมันตรังสีโดยอองรี เบ็กเกอเรล และ มารี กูว์รีในปี 1896 จากนั้นมารี กูว์รีได้กลายเป็นคนแรกที่ได้รางวัลโนเบล 2 ครั้ง จากนั้นในปีต่อมา (1897) ได้มีการค้นพบอิเล็กตรอนซึ่งเป็นอนุภาคมูลฐานชนิดแรกที่ถูกค้นพบ
ศตวรรษที่ 20

การค้นพบยาปฏิชีวนะ และ การสังเคราะห์ปุ๋ยเคมีในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 ได้พัฒนาคุณภาพชีวิตมนุษย์ทั่วโลกอย่างมาก ตามมาด้วยปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นเช่น การลดลงของโอโซนในชั้นบรรยากาศ การกลายเป็นกรดของมหาสมุทร ยูโทรฟิเคชัน และ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหาดังกล่าวเริ่มมีการตระนักรู้ในวงกว้างและนำมาสู่วิชาการศึกษาสิ่งแวดล้อม
งานวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ในช่วงนี้มีมักได้รับทุนการสนับสนุนจำนวนมากหรือเป็นงานขนาดใหญ่ การเร่งพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีในยุคสืบเนื่องมาจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และ สงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวอย่างเช่นการพัฒนาปืนกล เครื่องบิน รถถัง การใช้อาวุธประเภทใหม่เป็นต้น สงครามเย็นทำให้เกิดการแข่งขันด้านเทคโนโลยีระหว่างมหาอำนาจโลก เช่น การแข่งขันทางด้านอวกาศ และ การแข่งขันพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ องค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ ได้พยายามหาพันธมิตรทำให้มีการรวมตัวกันของนักวิจัยระหว่างประเทศขึ้น
ในศตวรรษที่ 20 การจ้างงานนักวิจัยหญิงที่เพิ่มขึ้นและลดการกีดกันทางเพศทำให้จำนวนนักวิทยาศาสตร์หญิงเพิ่มขึ้นแต่ในบางสาขาอัตราส่วนชายหญิงยังต่างกันมากอยู่ การค้นพบรังสีไมโครเวฟพื้นหลังของเอกภพในปี 1964 เป็นหลักฐานที่หักล้างทฤษฎีจักรวาลมีสภาพคงตัวและยอมรับทฤษฎีบิกแบงของฌอร์ฌ เลอแมทร์
การค้นคว้าพื้นฐานสำคัญของของจักรวาลทำให้เกิดการเปลี่ยนสาขาวิชาการวิจัย ยุคนี้ได้เปลี่ยนแปลงการวิจัยเกี่ยวกับวิวัฒนาการสู่โมเดิร์นซินเทซิส ที่เป็นการรวมทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วินและพันธุศาสตร์ดั้งเดิมทฤษฎีสัมพันธภาพของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์และกลศาสตร์ควอนตัมช่วยแก้ปัญหาหลายอย่างที่กลศาสตร์แบบฉบับทำไม่ได้และนำไปใช้ในระบบที่มีความยาวมาก ๆ ตอบปัญหาบางอย่างของของเวลาและความโน้มถ่วง การแพร่หลายของอุปกรณ์วงจรรวมกับดาวเทียมสื่อสารนำไปสู่การปฏิวัติเทคโนโลยีสารสนเทศ การใช้งานอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์พกพาเช่น สมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ระบบสื่อสารที่โยงยาวเชื่อมต่อกันจำนวนมากและเกี่ยวพันกันหลายเครือข่ายและจำนวนข้อมูลขนาดใหญ่ นำไปสู่การศึกษาทฤษฎีระบบ และแบบจำลองทางวิทยาศาสตร์ที่สร้างโดยคอมพิวเตอร์
ศตวรรษที่ 21

โครงการโครงการจีโนมมนุษย์สำเร็จในปี 2003 สามารถวิเคราะห์ยีนในจีโนมมนุษย์ได้ครบทั้งหมดเซลล์ต้นกำเนิดพหุศักยภาพแบบชักนำ (iPSCs) ทำสำเร็จครั้งแรกในปี 2006 ทำให้ใช้เซลล์จากเซลล์โตเติมที่ (Adult cell) ไปใช้เป็นเซลล์ต้นกำเนิดและเปลี่ยนเป็นเซลล์ที่ต้องการต่อได้ ในปี 2013 ได้มีการยืนยันการตรวจวัดได้ของฮิกส์โบซอน อนุภาคสุดท้ายที่ถูกทำนายไว้ในสแตนดาร์ดโมเดล จากการทำนายถึงการมีอยู่ของคลื่นความโน้มถ่วงในทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปเมื่อเกือบร้อยปีที่แล้ว และในปี 2015 คลื่นความโน้มถ่วงถูกตรวจวัดครั้งแรกโดย LIGO ในปี 2019 ทีมนักวิจัยของกล้องโทรทรรศน์อีเวนท์ฮอไรซันเผยแพร่ภาพของหลุมดำและแอคเครชันดิสก์เป็นครั้งแรก
สาขาของวิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ
|
|
เคมี
|
|
|
|
วิทยาศาสตร์ประยุกต์
วิศวกรรมศาสตร์
- สาขาของวิศวกรรมศาสตร์
วิทยาการคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ
- วิทยาการคอมพิวเตอร์
- วิทยาการสารสนเทศ หรือ สารสนเทศศาสตร์
- วิทยาศาสตร์พุทธิปัญญา (Cognitive science)
- วิชาเกี่ยวกับการติดต่อและควบคุมของสัตว์และเครื่องจักร (eng)
- บรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์
- Systemics
วิทยาศาสตร์สุขภาพ (Health Science)
|
|
ดูเพิ่ม
- รายชื่อคณะวิทยาศาสตร์ในประเทศไทย
หมายเหตุ
- คำว่า "วิทยาศาสตร์" มักถูกใช้เพื่อแทนคำว่า "Science" ในภาษาอังกฤษ แต่ถ้าจะกล่าวให้ตรงความหมายแล้ว เราใช้คำว่า "วิทยาศาสตร์" เพื่อหมายถึง "Exact science" ซึ่งไม่รวมสาขาวิชาทางสังคมศาสตร์เอาไว้ แม้ว่าสาขาวิชาทางสังคมศาสตร์จะใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์เช่นเดียวกัน การแบ่งแยกดังกล่าวมีขึ้นเนื่องจากความแตกต่างในด้านเนื้อหาและธรรมชาติของการศึกษา มิใช่เรื่องของความจริงหรือความถูกต้องแต่อย่างใด คำว่า "Science" ในภาษาอังกฤษจะมีความหมายเทียบเท่ากับคำว่า "ศาสตร์"
อ้างอิง
- Carruthers, Peter (2 May 2002), Carruthers, Peter; Stich, Stephen; Siegal, Michael (บ.ก.), "The roots of scientific reasoning: infancy, modularity and the art of tracking", The Cognitive Basis of Science, Cambridge University Press, pp. 73–96, doi:10.1017/cbo9780511613517.005, ISBN 978-0-521-81229-0
- Lombard, Marlize; Gärdenfors, Peter (2017). "Tracking the Evolution of Causal Cognition in Humans". Journal of Anthropological Sciences. 95 (95): 219–234. doi:10.4436/JASS.95006. ISSN 1827-4765. PMID 28489015.
- Graeber, David; Wengrow, David (2021). The Dawn of Everything. p. 248.
- Budd, Paul; Taylor, Timothy (1995). "The Faerie Smith Meets the Bronze Industry: Magic Versus Science in the Interpretation of Prehistoric Metal-Making". World Archaeology. 27 (1): 133–143. doi:10.1080/00438243.1995.9980297. JSTOR 124782.
- Tuomela, Raimo (1987). "Science, Protoscience, and Pseudoscience". ใน Pitt, J.C.; Pera, M. (บ.ก.). Rational Changes in Science. Boston Studies in the Philosophy of Science. Vol. 98. Dordrecht: Springer. pp. 83–101. doi:10.1007/978-94-009-3779-6_4. ISBN 978-94-010-8181-8.
- Smith, Pamela H. (2009). "Science on the Move: Recent Trends in the History of Early Modern Science". Renaissance Quarterly. 62 (2): 345–375. doi:10.1086/599864. PMID 19750597. S2CID 43643053.
- Fleck, Robert (March 2021). "Fundamental Themes in Physics from the History of Art". Physics in Perspective (ภาษาอังกฤษ). 23 (1): 25–48. Bibcode:2021PhP....23...25F. doi:10.1007/s00016-020-00269-7. ISSN 1422-6944. S2CID 253597172.
- Scott, Colin (2011). "Science for the West, Myth for the Rest?". ใน Harding, Sandra (บ.ก.). The Postcolonial Science and Technology Studies Reader. Durham: Duke University Press. p. 175. doi:10.2307/j.ctv11g96cc.16. ISBN 978-0-8223-4936-5. OCLC 700406626.
- Dear, Peter (2012). "Historiography of Not-So-Recent Science". History of Science. 50 (2): 197–211. doi:10.1177/007327531205000203. S2CID 141599452.
- Lindberg, David C. (2007). The beginnings of Western science: the European Scientific tradition in philosophical, religious, and institutional context (2nd ed.). University of Chicago Press. ISBN 978-0226482057.
- Grant, Edward (2007). "Ancient Egypt to Plato". A History of Natural Philosophy: From the Ancient World to the Nineteenth Century. New York: Cambridge University Press. pp. 1–26. ISBN 978-0-521-68957-1.
- Rochberg, Francesca (2011). "Ch.1 Natural Knowledge in Ancient Mesopotamia". ใน Shank, Michael; Numbers, Ronald; Harrison, Peter (บ.ก.). Wrestling with Nature: From Omens to Science. Chicago: University of Chicago Press. p. 9. ISBN 978-0-226-31783-0.
- Krebs, Robert E. (2004). Groundbreaking Scientific Experiments, Inventions, and Discoveries of the Middle Ages and the Renaissance. Greenwood Publishing Group. pp. 127. ISBN 978-0313324338.
- Erlich, Ḥaggai; Gershoni, Israel (2000). The Nile: Histories, Cultures, Myths (ภาษาอังกฤษ). Lynne Rienner Publishers. pp. 80–81. ISBN 978-1-55587-672-2. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 May 2022. สืบค้นเมื่อ 9 January 2020.
The Nile occupied an important position in Egyptian culture; it influenced the development of mathematics, geography, and the calendar; Egyptian geometry advanced due to the practice of land measurement "because the overflow of the Nile caused the boundary of each person's land to disappear."
- "Telling Time in Ancient Egypt". The Met's Heilbrunn Timeline of Art History. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 March 2022. สืบค้นเมื่อ 27 May 2022.
- McIntosh, Jane R. (2005). Ancient Mesopotamia: New Perspectives. Santa Barbara, California, Denver, Colorado, and Oxford, England: ABC-CLIO. pp. 273–76. ISBN 978-1-57607-966-9. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 February 2021. สืบค้นเมื่อ 20 October 2020.
- Aaboe, Asger (2 May 1974). "Scientific Astronomy in Antiquity". Philosophical Transactions of the Royal Society. 276 (1257): 21–42. Bibcode:1974RSPTA.276...21A. doi:10.1098/rsta.1974.0007. JSTOR 74272. S2CID 122508567.
- Biggs, R D. (2005). "Medicine, Surgery, and Public Health in Ancient Mesopotamia". Journal of Assyrian Academic Studies. 19 (1): 7–18.
- Lehoux, Daryn (2011). "2. Natural Knowledge in the Classical World". ใน Shank, Michael; Numbers, Ronald; Harrison, Peter (บ.ก.). Wrestling with Nature: From Omens to Science. Chicago: University of Chicago Press. p. 39. ISBN 978-0-226-31783-0.
- An account of the pre-Socratic use of the concept of φύσις may be found in Naddaf, Gerard (2006). The Greek Concept of Nature. SUNY Press, and in Ducarme, Frédéric; Couvet, Denis (2020). "What does 'nature' mean?" (PDF). Palgrave Communications. Springer Nature. 6 (14). doi:10.1057/s41599-020-0390-y. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 16 August 2023. สืบค้นเมื่อ 16 August 2023. The word φύσις, while first used in connection with a plant in Homer, occurs early in Greek philosophy, and in several senses. Generally, these senses match rather well the current senses in which the English word nature is used, as confirmed by Guthrie, W.K.C. Presocratic Tradition from Parmenides to Democritus (volume 2 of his History of Greek Philosophy), Cambridge UP, 1965.
- Strauss, Leo; Gildin, Hilail (1989). "Progress or Return? The Contemporary Crisis in Western Education". An Introduction to Political Philosophy: Ten Essays by Leo Strauss. Wayne State University Press (ตีพิมพ์ 1 August 1989). p. 209. ISBN 978-0814319024. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 May 2022. สืบค้นเมื่อ 30 May 2022.
- O'Grady, Patricia F. (2016). Thales of Miletus: The Beginnings of Western Science and Philosophy. New York City and London, England: Routledge. p. 245. ISBN 978-0-7546-0533-1. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 March 2021. สืบค้นเมื่อ 20 October 2020.
- Burkert, Walter (1 June 1972). Lore and Science in Ancient Pythagoreanism. Cambridge, Massachusetts: Harvard University Press. ISBN 978-0-674-53918-1. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 January 2018.
- Pullman, Bernard (1998). The Atom in the History of Human Thought. Oxford University Press. pp. 31–33. Bibcode:1998ahht.book.....P. ISBN 978-0-19-515040-7. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 February 2021. สืบค้นเมื่อ 20 October 2020.
- Cohen, Henri; Lefebvre, Claire, บ.ก. (2017). Handbook of Categorization in Cognitive Science (2nd ed.). Amsterdam, the Netherlands: Elsevier. p. 427. ISBN 978-0-08-101107-2. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 February 2021. สืบค้นเมื่อ 20 October 2020.
- Lucretius (fl. 1st c. BCE) De rerum natura
- Margotta, Roberto (1968). The Story of Medicine. New York City: Golden Press. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 February 2021. สืบค้นเมื่อ 18 November 2020.
- Touwaide, Alain (2005). Glick, Thomas F.; Livesey, Steven; Wallis, Faith (บ.ก.). Medieval Science, Technology, and Medicine: An Encyclopedia. New York City and London, England: Routledge. p. 224. ISBN 978-0-415-96930-7. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 February 2021. สืบค้นเมื่อ 20 October 2020.
- Leff, Samuel; Leff, Vera (1956). From Witchcraft to World Health. London, England: Macmillan. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 February 2021. สืบค้นเมื่อ 23 August 2020.
- "Plato, Apology". p. 17. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 January 2018. สืบค้นเมื่อ 1 November 2017.
- "Plato, Apology". p. 27. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 January 2018. สืบค้นเมื่อ 1 November 2017.
- Aristotle. Nicomachean Ethics (H. Rackham ed.). 1139b. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 March 2012. สืบค้นเมื่อ 22 September 2010.
- McClellan III, James E.; Dorn, Harold (2015). Science and Technology in World History: An Introduction. Baltimore, Maryland: Johns Hopkins University Press. pp. 99–100. ISBN 978-1-4214-1776-9. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 February 2021. สืบค้นเมื่อ 20 October 2020.
- Graßhoff, Gerd (1990). The History of Ptolemy's Star Catalogue. Studies in the History of Mathematics and Physical Sciences. Vol. 14. New York, NY: Springer New York. doi:10.1007/978-1-4612-4468-4. ISBN 978-1-4612-8788-9. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 May 2022. สืบค้นเมื่อ 27 May 2022.
- Hoffmann, Susanne M. (2017). Hipparchs Himmelsglobus (ภาษาเยอรมัน). Wiesbaden: Springer Fachmedien Wiesbaden. Bibcode:2017hihi.book.....H. doi:10.1007/978-3-658-18683-8. ISBN 978-3-658-18682-1. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 May 2022. สืบค้นเมื่อ 27 May 2022.
- Edwards, C.H. Jr. (1979). The Historical Development of the Calculus. New York City: Springer-Verlag. p. 75. ISBN 978-0-387-94313-8. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 February 2021. สืบค้นเมื่อ 20 October 2020.
- Lawson, Russell M. (2004). Science in the Ancient World: An Encyclopedia. Santa Barbara, California: ABC-CLIO. pp. 190–91. ISBN 978-1-85109-539-1. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 February 2021. สืบค้นเมื่อ 20 October 2020.
- Murphy, Trevor Morgan (2004). Pliny the Elder's Natural History: The Empire in the Encyclopedia. Oxford, England: Oxford University Press. p. 1. ISBN 978-0-19-926288-5. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 February 2021. สืบค้นเมื่อ 20 October 2020.
- Doody, Aude (2010). Pliny's Encyclopedia: The Reception of the Natural History. Cambridge, England: Cambridge University Press. p. 1. ISBN 978-1-139-48453-4. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 March 2021. สืบค้นเมื่อ 20 October 2020.
- Conner, Clifford D. (2005). A People's History of Science: Miners, Midwives, and "Low Mechanicks". New York: Nation Books. pp. 72–74. ISBN 1-56025-748-2. OCLC 62164511.
- Grant, Edward (1996). The Foundations of Modern Science in the Middle Ages: Their Religious, Institutional and Intellectual Contexts. Cambridge Studies in the History of Science. Cambridge University Press. pp. 7–17. ISBN 978-0-521-56762-6. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 August 2019. สืบค้นเมื่อ 9 November 2018.
- Wildberg, Christian (1 May 2018). Zalta, Edward N. (บ.ก.). The Stanford Encyclopedia of Philosophy. Metaphysics Research Lab, Stanford University. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 August 2019. สืบค้นเมื่อ 1 May 2018 – โดยทาง Stanford Encyclopedia of Philosophy.
- Falcon, Andrea (2019). "Aristotle on Causality". ใน Zalta, Edward (บ.ก.). Stanford Encyclopedia of Philosophy (Spring 2019 ed.). Metaphysics Research Lab, Stanford University. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 October 2020. สืบค้นเมื่อ 3 October 2020.
- Grant, Edward (2007). "Islam and the eastward shift of Aristotelian natural philosophy". A History of Natural Philosophy: From the Ancient World to the Nineteenth Century. Cambridge University Press. pp. 62–67. ISBN 978-0-521-68957-1.
- Fisher, W.B. (William Bayne) (1968–1991). The Cambridge history of Iran. Cambridge: University Press. ISBN 978-0-521-20093-6. OCLC 745412.
- "Bayt al-Hikmah". Encyclopædia Britannica. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 November 2016. สืบค้นเมื่อ 3 November 2016.
- Hossein Nasr, Seyyed; Leaman, Oliver, บ.ก. (2001). History of Islamic Philosophy. Routledge. pp. 165–167. ISBN 978-0415259347.
- Smith, A. Mark (2001). Alhacen's Theory of Visual Perception: A Critical Edition, with English Translation and Commentary, of the First Three Books of Alhacen's De Aspectibus, the Medieval Latin Version of Ibn al-Haytham's Kitāb al-Manāẓir, 2 vols. Transactions of the American Philosophical Society. Vol. 91. Philadelphia: American Philosophical Society. ISBN 978-0-87169-914-5. OCLC 47168716.
- Toomer, G.J. (1964). "Reviewed work: Ibn al-Haythams Weg zur Physik, Matthias Schramm". Isis. 55 (4): 463–65. doi:10.1086/349914. JSTOR 228328. See p. 464: "Schramm sums up [Ibn Al-Haytham's] achievement in the development of scientific method.", p. 465: "Schramm has demonstrated .. beyond any dispute that Ibn al-Haytham is a major figure in the Islamic scientific tradition, particularly in the creation of experimental techniques." p. 465: "only when the influence of Ibn al-Haytham and others on the mainstream of later medieval physical writings has been seriously investigated can Schramm's claim that Ibn al-Haytham was the true founder of modern physics be evaluated."
- Cohen, H. Floris (2010). "Greek nature knowledge transplanted: The Islamic world". How modern science came into the world. Four civilizations, one 17th-century breakthrough (2nd ed.). Amsterdam: Amsterdam University Press. pp. 99–156. ISBN 978-90-8964-239-4.
- Selin, Helaine, บ.ก. (2006). Encyclopaedia of the History of Science, Technology, and Medicine in Non-Western Cultures. Springer. pp. 155–156. Bibcode:2008ehst.book.....S. ISBN 978-1-4020-4559-2.
- Russell, Josiah C. (1959). "Gratian, Irnerius, and the Early Schools of Bologna". The Mississippi Quarterly. 12 (4): 168–188. JSTOR 26473232. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 May 2022. สืบค้นเมื่อ 27 May 2022.
Perhaps even as early as 1088 (the date officially set for the founding of the University)
- "St. Albertus Magnus | German theologian, scientist, and philosopher". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 October 2017. สืบค้นเมื่อ 27 October 2017.
- Numbers, Ronald (2009). Galileo Goes to Jail and Other Myths about Science and Religion. Harvard University Press. p. 45. ISBN 978-0-674-03327-6. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 January 2021. สืบค้นเมื่อ 27 March 2018.
- Smith, A. Mark (1981). "Getting the Big Picture in Perspectivist Optics". Isis. 72 (4): 568–89. doi:10.1086/352843. JSTOR 231249. PMID 7040292. S2CID 27806323.
- Goldstein, Bernard R (2016). "Copernicus and the Origin of his Heliocentric System" (PDF). Journal for the History of Astronomy. 33 (3): 219–35. doi:10.1177/002182860203300301. S2CID 118351058. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 12 April 2020. สืบค้นเมื่อ 12 April 2020.
- Cohen, H. Floris (2010). "Greek nature knowledge transplanted and more: Renaissance Europe". How modern science came into the world. Four civilizations, one 17th-century breakthrough (2nd ed.). Amsterdam: Amsterdam University Press. pp. 99–156. ISBN 978-90-8964-239-4.
- Koestler, Arthur (1990) [1959]. The Sleepwalkers: A History of Man's Changing Vision of the Universe. London: Penguin Books. p. 1. ISBN 0-14-019246-8.
- van Helden, Al (1995). "Pope Urban VIII". The Galileo Project. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 November 2016. สืบค้นเมื่อ 3 November 2016.
- Gingerich, Owen (1975). "Copernicus and the Impact of Printing". Vistas in Astronomy. 17 (1): 201–218. Bibcode:1975VA.....17..201G. doi:10.1016/0083-6656(75)90061-6.
- Zagorin, Perez (1998). Francis Bacon. Princeton: Princeton University Press. p. 84. ISBN 978-0-691-00966-7.
- Davis, Philip J.; Hersh, Reuben (1986). Descartes' Dream: The World According to Mathematics. Cambridge, MA: Harcourt Brace Jovanovich.
- Gribbin, John (2002). Science: A History 1543–2001. Allen Lane. p. 241. ISBN 978-0-7139-9503-9.
Although it was just one of the many factors in the Enlightenment, the success of Newtonian physics in providing a mathematical description of an ordered world clearly played a big part in the flowering of this movement in the eighteenth century
- "Gottfried Leibniz – Biography". Maths History. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 July 2017. สืบค้นเมื่อ 2 March 2021.
- Freudenthal, Gideon; McLaughlin, Peter (20 May 2009). The Social and Economic Roots of the Scientific Revolution: Texts by Boris Hessen and Henryk Grossmann. Springer Science & Business Media. ISBN 978-1-4020-9604-4. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 January 2020. สืบค้นเมื่อ 25 July 2018.
- Goddard Bergin, Thomas; Speake, Jennifer, บ.ก. (1987). Encyclopedia of the Renaissance. Facts on File (ตีพิมพ์ 1 December 1987). ISBN 978-0816013159.
- van Horn Melton, James (2001). The Rise of the Public in Enlightenment Europe. Cambridge University Press. pp. 82–83. doi:10.1017/CBO9780511819421. ISBN 978-0511819421. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 January 2022. สืบค้นเมื่อ 27 May 2022.
- "The Scientific Revolution and the Enlightenment (1500–1780)" (PDF). เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 14 January 2024. สืบค้นเมื่อ 29 January 2024.
- "Scientific Revolution | Definition, History, Scientists, Inventions, & Facts". Britannica (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 May 2019. สืบค้นเมื่อ 29 January 2024.
- Madigan M, Martinko J, บ.ก. (2006). Brock Biology of Microorganisms (11th ed.). Prentice Hall. ISBN 978-0131443297.
- Guicciardini, N. (1999). Reading the Principia: The Debate on Newton's Methods for Natural Philosophy from 1687 to 1736. New York: Cambridge University Press. ISBN 978-0521640664.
- Calisher, CH (2007). "Taxonomy: what's in a name? Doesn't a rose by any other name smell as sweet?". Croatian Medical Journal. 48 (2): 268–270. PMC 2080517. PMID 17436393.
- Darrigol, Olivier (2000). Electrodynamics from Ampère to Einstein. New York: Oxford University Press. ISBN 0198505949.
- Olby, R.C.; Cantor, G.N.; Christie, J.R.R.; Hodge, M.J.S. (1990). Companion to the History of Modern Science. London: Routledge. p. 265.
- Magnusson, Magnus (10 November 2003). "Review of James Buchan, Capital of the Mind: how Edinburgh Changed the World". New Statesman. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 June 2011. สืบค้นเมื่อ 27 April 2014.
- Swingewood, Alan (1970). "Origins of Sociology: The Case of the Scottish Enlightenment". The British Journal of Sociology. 21 (2): 164–180. doi:10.2307/588406. JSTOR 588406.
- Fry, Michael (1992). Adam Smith's Legacy: His Place in the Development of Modern Economics. Paul Samuelson, Lawrence Klein, Franco Modigliani, James M. Buchanan, Maurice Allais, Theodore Schultz, Richard Stone, James Tobin, Wassily Leontief, Jan Tinbergen. Routledge. ISBN 978-0-415-06164-3.
- Lightman, Bernard (2011). "13. Science and the Public". ใน Shank, Michael; Numbers, Ronald; Harrison, Peter (บ.ก.). Wrestling with Nature: From Omens to Science. Chicago: University of Chicago Press. p. 367. ISBN 978-0-226-31783-0.
- Leahey, Thomas Hardy (2018). "The psychology of consciousness". A History of Psychology: From Antiquity to Modernity (8th ed.). New York, NY: Routledge. pp. 219–253. ISBN 978-1-138-65242-2.
- Padian, Kevin (2008). "Darwin's enduring legacy". Nature. 451 (7179): 632–634. Bibcode:2008Natur.451..632P. doi:10.1038/451632a. PMID 18256649.
- Henig, Robin Marantz (2000). The monk in the garden: the lost and found genius of Gregor Mendel, the father of genetics. pp. 134–138.
- Miko, Ilona (2008). "Gregor Mendel's principles of inheritance form the cornerstone of modern genetics. So just what are they?". Nature Education. 1 (1): 134. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 July 2019. สืบค้นเมื่อ 9 May 2021.
- Rocke, Alan J. (2005). "In Search of El Dorado: John Dalton and the Origins of the Atomic Theory". Social Research. 72 (1): 125–158. doi:10.1353/sor.2005.0003. JSTOR 40972005. S2CID 141350239.
- Reichl, Linda (1980). A Modern Course in Statistical Physics. Edward Arnold. ISBN 0-7131-2789-9.
- Rao, Y. V. C. (1997). Chemical Engineering Thermodynamics. Universities Press. p. 158. ISBN 978-81-7371-048-3.
- Heidrich, M. (2016). "Bounded energy exchange as an alternative to the third law of thermodynamics". Annals of Physics. 373: 665–681. Bibcode:2016AnPhy.373..665H. doi:10.1016/j.aop.2016.07.031. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 January 2019. สืบค้นเมื่อ 29 May 2022.
- Mould, Richard F. (1995). A century of X-rays and radioactivity in medicine: with emphasis on photographic records of the early years (Reprint. with minor corr ed.). Bristol: Inst. of Physics Publ. p. 12. ISBN 978-0-7503-0224-1.
- Estreicher, Tadeusz (1938). "Curie, Maria ze Skłodowskich". Polski słownik biograficzny, vol. 4 (ภาษาโปแลนด์). p. 113.
- Thomson, J.J. (1897). "Cathode Rays". Philosophical Magazine. 44 (269): 293–316. doi:10.1080/14786449708621070. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 November 2020. สืบค้นเมื่อ 24 February 2022.
- Goyotte, Dolores (2017). "The Surgical Legacy of World War II. Part II: The age of antibiotics" (PDF). The Surgical Technologist. 109: 257–264. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 5 May 2021. สืบค้นเมื่อ 8 January 2021.
- Erisman, Jan Willem; MA Sutton; J Galloway; Z Klimont; W Winiwarter (October 2008). "How a century of ammonia synthesis changed the world". Nature Geoscience. 1 (10): 636–639. Bibcode:2008NatGe...1..636E. doi:10.1038/ngeo325. S2CID 94880859. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 July 2010. สืบค้นเมื่อ 22 October 2010.
- Emmett, Robert; Zelko, Frank (2014). Emmett, Rob; Zelko, Frank (บ.ก.). "Minding the Gap: Working Across Disciplines in Environmental Studies". Environment & Society Portal. RCC Perspectives no. 2. doi:10.5282/rcc/6313. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 January 2022.
- Furner, Jonathan (1 June 2003). "Little Book, Big Book: Before and After Little Science, Big Science: A Review Article, Part I". Journal of Librarianship and Information Science. 35 (2): 115–125. doi:10.1177/0961000603352006. S2CID 34844169.
- Kraft, Chris; James Schefter (2001). Flight: My Life in Mission Control. New York: Dutton. pp. 3–5. ISBN 0-525-94571-7.
- Kahn, Herman (1962). Thinking about the Unthinkable. Horizon Press.
- Shrum, Wesley (2007). Structures of scientific collaboration. Joel Genuth, Ivan Chompalov. Cambridge, Mass.: MIT Press. ISBN 978-0-262-28358-8. OCLC 166143348. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 July 2022. สืบค้นเมื่อ 31 May 2022.
- Rosser, Sue V. (12 March 2012). Breaking into the Lab: Engineering Progress for Women in Science. New York: New York University Press. p. 7. ISBN 978-0-8147-7645-2.
- Penzias, A. A. (2006). "The origin of elements" (PDF). Science. Nobel Foundation. 205 (4406): 549–54. doi:10.1126/science.205.4406.549. PMID 17729659. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 17 January 2011. สืบค้นเมื่อ 4 October 2006.
- Weinberg, S. (1972). Gravitation and Cosmology. John Whitney & Sons. pp. 495–464. ISBN 978-0-471-92567-5.
- Futuyma, Douglas J.; Kirkpatrick, Mark (2017). "Chapter 1: Evolutionary Biology". Evolution (4th ed.). Sinauer. pp. 3–26. ISBN 978-1605356051. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 May 2022. สืบค้นเมื่อ 30 May 2022.
- Miller, Arthur I. (1981). Albert Einstein's special theory of relativity. Emergence (1905) and early interpretation (1905–1911). Reading: Addison–Wesley. ISBN 978-0-201-04679-3.
- ter Haar, D. (1967). The Old Quantum Theory. Pergamon Press. pp. 206. ISBN 978-0-08-012101-7.
- von Bertalanffy, Ludwig (1972). "The History and Status of General Systems Theory". The Academy of Management Journal. 15 (4): 407–26. JSTOR 255139.
- Naidoo, Nasheen; Pawitan, Yudi; Soong, Richie; Cooper, David N.; Ku, Chee-Seng (October 2011). "Human genetics and genomics a decade after the release of the draft sequence of the human genome". Human Genomics. 5 (6): 577–622. doi:10.1186/1479-7364-5-6-577. PMC 3525251. PMID 22155605.
- Rashid, S. Tamir; Alexander, Graeme J.M. (March 2013). "Induced pluripotent stem cells: from Nobel Prizes to clinical applications". Journal of Hepatology. 58 (3): 625–629. doi:10.1016/j.jhep.2012.10.026. ISSN 1600-0641. PMID 23131523.
- O'Luanaigh, C. (14 March 2013). "New results indicate that new particle is a Higgs boson" (Press release). CERN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 October 2015. สืบค้นเมื่อ 9 October 2013.
- Abbott, B.P.; Abbott, R.; Abbott, T.D.; Acernese, F.; Ackley, K.; Adams, C.; Adams, T.; Addesso, P.; Adhikari, R.X.; Adya, V.B.; Affeldt, C.; Afrough, M.; Agarwal, B.; Agathos, M.; Agatsuma, K.; Aggarwal, N.; Aguiar, O.D.; Aiello, L.; Ain, A.; Ajith, P.; Allen, B.; Allen, G.; Allocca, A.; Altin, P.A.; Amato, A.; Ananyeva, A.; Anderson, S.B.; Anderson, W.G.; Angelova, S.V.; และคณะ (2017). "Multi-messenger Observations of a Binary Neutron Star Merger". The Astrophysical Journal. 848 (2): L12. arXiv:1710.05833. Bibcode:2017ApJ...848L..12A. doi:10.3847/2041-8213/aa91c9. S2CID 217162243.
- Cho, Adrian (2017). "Merging neutron stars generate gravitational waves and a celestial light show". Science. doi:10.1126/science.aar2149.
- "Media Advisory: First Results from the Event Horizon Telescope to be Presented on April 10th | Event Horizon Telescope". 20 April 2019. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 April 2019. สืบค้นเมื่อ 21 September 2021.
แหล่งข้อมูลอื่น
- Feynman Richard. The Feynman Lecture Notes on Physics. Addison-wesley, 1971.
- Morris Kilne. Mathematics for the Non-mathematician. Dover Publication, 1985.
- รายชื่อเว็บไซต์เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ไทย
- เว็บบอร์ดวิทยาศาสตร์ - สังคมวิทยาศาสตร์ สังคมแห่งการเรียนรู้ เก็บถาวร 2009-08-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมในภาษาอื่น
- วิทยาศาสตร์คืออะไร เก็บถาวร 2005-04-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน โดย ริชาร์ด ไฟน์แมน
- การแบ่งประเภทวิทยาศาสตร์ เก็บถาวร 2008-06-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- หนังสือวิทยาศาสตร์ของ GSCE
- ข่าววิทยาศาสตร์ประจำวัน เก็บถาวร 2008-10-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- รายการที่เรียงตามตัวอักษรดัดแปลงมาจากบทความใน Internet-Encyclopedia ชื่อว่า "Science" เก็บถาวร 2005-03-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ศีลธรรมของวิทยาศาสตร์ เก็บถาวร 2005-03-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- นิตยสาร Scientific American
- นิตยสาร New Scientist
- องค์กรวิทยาศาสตร์ของประเทศสหรัฐอเมริกา
อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref> สำหรับกลุ่มชื่อ "lower-alpha" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="lower-alpha"/> ที่สอดคล้องกัน
วิกิพีเดีย, วิกิ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, มือถือ, โทรศัพท์, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, แอปเปิ้ล, สมาร์ทโฟน, พีซี, เว็บ, คอมพิวเตอร์, ข้อมูลเกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์, วิทยาศาสตร์ คืออะไร? วิทยาศาสตร์ หมายความว่าอะไร?




ฝากคำตอบ
ต้องการเข้าร่วมการสนทนาหรือไม่?คุณสามารถร่วมเขียนได้!