พายุไต้ฝุ่นเกย์
พายุไต้ฝุ่นเกย์ขณะมีกำลังแรงสูงสุดก่อนขึ้นฝั่ง ประเทศอินเดียเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 | |
| ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา | |
|---|---|
| ก่อตัว | 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 |
| สลายตัว | 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 |
| พายุซูเปอร์ไซโคลน | |
| 3-นาที ของเฉลี่ยลม (IMD) | |
| ความเร็วลมสูงสุด | 230 กม./ชม. (145 ไมล์/ชม.) |
| ความกดอากาศต่ำสุด | 920 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 27.17 นิ้วปรอท |
| พายุไต้ฝุ่นรุนแรง | |
| 10-นาที ของเฉลี่ยลม (JMA) | |
| ความเร็วลมสูงสุด | 195 กม./ชม. (120 ไมล์/ชม.) |
| ความกดอากาศต่ำสุด | 925 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 27.32 นิ้วปรอท |
| พายุไต้ฝุ่น | |
| 10-นาที ของเฉลี่ยลม (TMD) | |
| ความเร็วลมสูงสุด | 195 กม./ชม. (120 ไมล์/ชม.) |
| ความกดอากาศต่ำสุด | 925 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 27.32 นิ้วปรอท |
| พายุหมุนเขตร้อนระดับ 5 | |
| 1-นาที ของเฉลี่ยลม (SSHWS/JTWC) | |
| ความเร็วลมสูงสุด | 260 กม./ชม. (160 ไมล์/ชม.) |
| ความกดอากาศต่ำสุด | 910 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 26.87 นิ้วปรอท |
| ผลกระทบ | |
| ผู้เสียชีวิต | 1,036 ราย |
| ความเสียหาย | $521 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าเงินปี พ.ศ. 2532 USD) |
| พื้นที่ได้รับผลกระทบ | ไทย, พม่า, อินเดีย |
| IBTrACS | |
ส่วนหนึ่งของ ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2532 และ ฤดูพายุไซโคลนมหาสมุทรอินเดียเหนือ พ.ศ. 2532 | |
พายุไต้ฝุ่นเกย์ (อักษรโรมัน: Gay) หรือที่เรียกว่า พายุไซโคลนกาวาลี พ.ศ. 2532 (อักษรโรมัน: Kavali Cyclone of 1989)[1] เป็นพายุหมุนเขตร้อนที่มีขนาดเล็ก และทรงพลังที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณกว่า 800 ราย ในอ่าวไทย และบริเวณโดยรอบในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2532 เป็นพายุหมุนเขตร้อนครั้งเลวร้ายที่สุดที่พัดถล่มคาบสมุทรมลายูรอบ 35 ปี พายุก่อตัวขึ้นจากร่องมรสุมที่ปกคลุมอยู่เหนืออ่าวไทยในต้นเดือนพฤศจิกายน สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมทำให้พายุทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนมีความเร็วลมมากกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (75 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในวันที่ 3 พฤศจิกายน[nb 1] หลังจากนั้น พายุไต้ฝุ่นเกย์กลายเป็นพายุไต้ฝุ่นลูกแรกนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2434 ที่เคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งประเทศไทย และเคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งที่จังหวัดชุมพรด้วยความเร็วลม 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (115 ไมล์ต่อชั่วโมง) ด้วยความเร็วลมเทียบเท่ากับมีความเข้มข้นเทียบเท่าหมวด 3 ในระดับลมมาตราเฮอริเคนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน หลังจากนั้นพายุก็เคลื่อนตัวลงสู่อ่าวเบงกอลแล้วมีการจัดระเบียบอีกครั้งหนึ่งในหลายวันต่อมาในขณะที่พายุเคลื่อนตัวเข้าใกล้ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศอินเดียในวันที่ 8 พฤศจิกายน พายุไซโคลนเกย์ได้บรรลุความรุนแรงสูงสุดเป็นพายุหมุนเขตร้อนระดับ 5 ด้วยความเร็วลม 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (160 ไมล์ต่อชั่วโมง) หลังจากนั้นพายุก็พัดขึ้นฝั่งเป็นครั้งที่สองใกล้กับเมืองกาวาลี รัฐอานธรประเทศ พายุอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วเมื่ออยู่เหนือแผ่นดิน และสลายตัวไปเหนือรัฐมหาราษฏระในช่วงเช้าของวันที่ 10 พฤศจิกายน
การก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของพายุไต้ฝุ่นเกย์ทำให้เรือหลายร้อยลำในอ่าวไทยไม่ทันตั้งตัวจนทำให้มีผู้เสียชีวิตนอกชายฝั่งประมาณ 275 ราย โดยในจำนวนดังกล่าว และมีผู้เสียชีวิตในเรือขุดเจาะน้ำมันซีเครสต์ของสหรัฐประมาณ 91 ราย จากการพลิกคว่ำจากคลื่นใต้น้ำสูงอยู่ที่ประมาณ 6 ถึง 11 เมตร มีประชาชน 588 ราย เสียชีวิตจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพายุทั่วทั้งคาบสมุทรมลายู เมืองหลายเมืองในจังหวัดชุมพรได้รับความเสียหายอย่างหนัก และรวมมูลค่าความเสียหายในประเทศไทยเป็นมูลค่าประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท (497 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[nb 2] ต่อมาพายุได้เคลื่อนตัวพัดถล่มประเทศอินเดียในขณะเป็นพายุไซโคลนกำลังแรง และทำให้บ้านเรือนในรัฐอานธรประเทศประมาณ 20,000 หลัง ได้รับความเสียหาย หรืออย่างหนัก ประชาชนหนึ่งแสนคนไร้ที่อยู่อาศัย มีผู้เสียชีวิตในประเทศอินเดียประมาณ 69 ราย และคิดมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 410 ล้านรูปีอินเดีย (25.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา
[]พายุโซนร้อน (63–117 กม./ชม.)
พายุเฮอริเคนระดับ 1 (118–153 กม./ชม.)
พายุเฮอริเคนระดับ 2 (154–177 กม./ชม.)
พายุเฮอริเคนระดับ 3 (178–208 กม./ชม.)
พายุเฮอริเคนระดับ 4 (209–251 กม./ชม.)
พายุเฮอริเคนระดับ 5 (≥252 กม./ชม.)
พายุที่ไม่ทราบความเร็วลม
- วันที่ 1 พฤศจิกายน ร่องมรสุมเหนืออ่าวไทยแสดงสัญญาณของการกำเนิดพายุหมุนเขตร้อน พื้นที่การพาความร้อนขนาดเล็กที่เข้มข้นกำลังก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเหนือหย่อมความกดอากาศต่ำภายในร่องมรสุม
- วันที่ 2 พฤศจิกายน พายุได้มีการจัดระเบียบเพียงพอจนทำให้ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC)[nb 3] ออกประกาศการแจ้งเตือนการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อน เนื่องจากพายุมีขนาดเล็ก พายุเริ่มทวีกำลังแรงขึ้นภายในอ่าวแคบ ๆ โดยได้รับการส่งเสริมจากน้ำทะเลที่อุ่น และการไหลออกที่ดี พายุได้เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือโดยทั่วไป และพายุได้ทวีกำลังแรงขึ้นจนกลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนในช่วงบ่ายของวันนั้น ภายในวันเดียวกันพายุได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นพายุโซนร้อน และได้ใช้ชื่อกับพายุว่า เกย์ ที่เพิ่งตั้งชื่อใหม่เมื่อมีกำลังแรงขึ้น เรือโทไดแอน เค. คริตเท็นเด็น ได้ระบุว่า "มันนำเสนอปฏิทรรศน์แก่นักพยากรณ์" เพราะข้อมูลระดับภูมิภาคจากประเทศมาเลเซีย และประเทศไทย ได้บ่งชี้ว่าความเร็วลมรอบพายุลดลง และความกดอากาศรอบพายุเพิ่มขึ้น แต่การสังเกตดังกล่าวภายหลังมีการตีความว่าเป็นการจมตัวลงที่เพิ่มขึ้น[3]
- วันที่ 3 พฤศจิกายน พายุโซนร้อนเกย์ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเร็วกว่าที่คาดหมายไว้ และได้กลายเป็นพายุไต้ฝุ่น หลังจากนั้นพายุก็เริ่มพัฒนาตาพายุก่อนที่จะเคลื่อนตัวผ่านเรือขุดเจาะน้ำมันซีเครสต์[3]
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนพายุไต้ฝุ่นเกย์จะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งในคาบสมุทรมลายูในวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532
- วันที่ 4 พฤศจิกายน พายุไต้ฝุ่นเกย์ได้เพิ่มความเร็วลมขึ้น 1 นาทีที่ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (115 ไมล์ต่อชั่วโมง) เทียบเท่ากับมีความเข้มข้นเทียบเท่าหมวด 3 ในระดับลมมาตราเฮอริเคนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน ก่อนที่พายุจะเคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งในจังหวัดชุมพรเมื่อเวลา 13:00 น. (06:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด)[4]สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA)[nb 4] ได้ประเมินว่าพายุมีความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 10 นาทีที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (85 ไมล์ต่อชั่วโมง) และความกดอากาศที่ 960 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 28.35 นิ้วของปรอท)[6] ในขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวข้ามคอคอดกระนั้น พายุก็อ่อนกำลังลงเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 2 เมื่อลงสู่อ่าวเบงกอล[3][4]
- วันที่ 5 พฤศจิกายน สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดีย (IMD)[nb 5] ได้ระบุว่าพายุไต้ฝุ่นเกย์เป็นพายุไต้ฝุ่นลูกแรกนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2434 ที่ก่อตัวขึ้นในอ่าวไทยแล้วเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเบงกอล[8] พายุตอบสนองกับแนวร่องที่อยู่ทางตอนเหนือของพายุ จึงทำให้พายุคงแนวเส้นทางไประหว่างทางทิศตะวันตกถึงทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือในอีกสี่วันถัดมา พายุค่อย ๆ กลับมามีกำลังแรงอีกครั้งเมื่อเคลื่อนตัวผ่านบริเวณที่มีลมเฉือนต่ำ และน้ำทะเลที่อุ่น อย่างไรก็ตาม การทวีกำลังแรงของพายุถูกจำกัดด้วยการพัดออกของพายุ[3]
- วันที่ 6 พฤศจิกายน พายุไซโคลนเกย์ได้เคลื่อนตัวผ่านหมู่เกาะอันดามันโดยเป็นพายุหมุนเขตร้อนระดับ 2[4] หลังจากที่พายุได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างเล็กน้อย และพายุได้กลับมาทวีกำลังแรงขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากแนวร่องที่อยู่ด้านเหนือของพายุมีกำลังแรงขึ้น และปัจจัยจำกัดการพัดออกก่อนหน้านี้ลดลง หลังจากนั้นพายุก็เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกผ่านแนวน้ำทะเลอบอุ่นแคบ ๆ ซึ่งเป็นการเติมเชื้อเพลิงให้กับกระบวนการทวีกำลังแรงขึ้นอีกในระยะ 42 ชั่วโมงข้างหน้า
- วันที่ 8 พฤศจิกายน ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ได้ประเมินว่าพายุไซโคลนเกย์มีความรุนแรงสูงสุดเป็นพายุหมุนเขตร้อนระดับ 5 ด้วยความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (160 ไมล์ต่อชั่วโมง) จากการประเมินตามวิธีในเทคนิคดีโวแร็ก[3][4] และในขณะที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดีย (IMD) ได้ประเมินว่าพายุมีความเร็วลมสูงสุด 3 นาทีที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (145 ไมล์ต่อชั่วโมง) และจัดได้ว่าเป็นพายุซูเปอร์ไซโคลนสมัยปัจจุบัน[1][9] นอกจากนี้ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดียยังประเมินความกดอากาศที่ศูนย์กลางของพายุไซโคลนเกย์ว่าลดเหลือ 920 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 27.17 นิ้วของปรอท)[10][nb 6] พายุได้เคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งในบริเวณที่มีประชากรเบาบางใกล้กับกาวาลีในรัฐอานธรประเทศเมื่อเวลา 01:00 น. (18:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) เมื่อพายุกำลังเคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งตาพายุมีขนาดกว้างประมาณ 20 กิโลเมตร (12 ไมล์) พร้อมระยะลมพายุกว้าง 95 กิโลเมตร (60 ไมล์) นับจากศูนย์กลาง[3][11] เมื่อพายุไซโคลนเกย์อยู่บนฝั่งทำให้พายุไม่ได้รับพลังงานจากน้ำอุ่นอีกต่อไป และทำให้พายุอ่อนกำลังลงเป็นพายุไซโคลนภายในระยะเวลา 12 ชั่วโมงนับจากพัดขึ้นฝั่ง[3] พายุยังคงสลายตัวอย่างต่อเนื่องในขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวข้ามประเทศอินเดีย และก่อนจะสลายตัวลงอย่างสมบูรณ์เหนือรัฐมหาราษฏระในรุ่งขึ้น[4]
ผลกระทบและผลที่ตามมา
[]อ่าวไทย
[]พายุไต้ฝุ่นเกย์เป็นพายุที่ทรงพลังที่สุดที่มีผลต่ออ่าวไทยในรอบกว่า 35 ปี พายุทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำสูงประมาณ 6 ถึง 11 เมตร ที่ทำให้เรือหลายลำในภูมิภาคไม่ทันตั้งตัว[12] มีรายงานเรืออย่างน้อย 16 ลำ ได้สาบสูญในวันที่ 5 พฤศจิกายน รวมทั้งเรือขุดเจาะน้ำมันขนาด 106 เมตร ชื่อ ซีเครสต์ (Seacrest) ของบริษัทยูโนแคลคอร์ปอเรชัน[13] ผู้รอดชีวิตจากเรือลำดังกล่าวบอกว่า "เรือไม่ได้รับคำเตือนเกี่ยวกับพายุไต้ฝุ่นที่กำลังก่อตัว"[14] เมื่อลูกเรือทั้งหมดเกือบจะสละเรือ ตาพายุของพายุไต้ฝุ่นเกย์ได้เคลื่อนตัวผ่านพอดีเกิดลมพัดแปรปรวนอย่างรุนแรง และเปลี่ยนทิศทาง จึงทำให้เรือไม่เสถียรแม้อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยในการผลิต
เรือพลิกคว่ำอย่างฉับพลันพร้อมกับลูกเรือทั้ง 97 คน ในช่วงดึกของคืนวันที่ 3 พฤศจิกายน ก่อนมีการเตรียมเรือชูชีพแม้แต่ลำเดียว[13][14] ความพยายามกู้ภัยเบื้องต้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน ได้ถูกขัดขวางจากทะเลที่มีคลื่นลมแรง[15] สองวันให้หลังเรืออับปาง เรือกู้ภัย 4 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ ในบริเวณออกค้นหาผู้รอดชีวิต[13] มีผู้ได้รับการช่วยเหลือจากซากเรือ 4 คน ในวันที่ 6 พฤศจิกายน มีการส่งตัวนักประดาน้ำจากกองทัพเรือไทเพื่อค้นหาผู้ที่ติดอยู่ในซากเรือ[16] ในจำนวนลูกเรือทั้งหมด มีผู้รอดชีวิตเพียง 6 คน และมีผู้เสียชีวิต 25 ราย จึงมีการสันนิษฐานว่าลูกเรือที่เหลืออีก 66 ราย เสียชีวิตแล้ว[14][17] ความเสียหายจากเรือซีเครสต์อับปางคิดรวมเป็นประมาณ 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[18] เรือบรรทุกสินค้าและเรือประมงอีกประมาณ 20 ลำ อับปางระหว่างเกิดพายุ และทำให้มีผู้เสียชีวิต 140 ราย[19]
ประเทศไทย
[]
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
พายุไต้ฝุ่นเกย์สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่หลายจังหวัดของประเทศไทย และเป็นพายุที่เคลื่อนตัวเข้าประเทศไทยโดยมีกำลังแรงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน[12] พื้นที่ระหว่างจังหวัดชุมพรไปจนถึงจังหวัดระยองได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากฝนตกหนัก ลมแรง และคลื่นสูง[21] ปริมาณน้ำฝนสูงสุดวัดได้อยู่ที่ประมาณ 194 มิลลิเมตร (7.64 นิ้ว) ในจังหวัดชุมพรในขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวผ่าน[22] เกิดการรบกวนของการสื่อสาร และไฟฟ้าเป็นบริเวณกว้างขวางในพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนใต้ของกรุงเทพมหานคร และบ้านเรือนจำนวนมากขาดไฟฟ้านานหลายสัปดาห์[23] ลมที่พัดแรงถอนโคนต้นไม้ เสาไฟฟ้าจำนวนมากโค่นล้มลง และบ้านไม้ล้มทับ ซึ่งสร้างอยู่บนเสาค้ำยัน[24]น้ำป่าที่เกิดจากพายุได้สร้างความเสียหาย หรือทำลายบ้านเรือนประมาณหลาย 1,000 หลัง และเป็นผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 365 ราย[25] ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากการทำลายป่า[20] เมือง และหมู่บ้านหลายแห่งทั่วจังหวัดชุมพรได้ถูกทำลายล้าง หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์รายงานว่าหมู่บ้านที่ถูกทำลายลงแห่งหนึ่งนั้น "ดูเหมือนถูกทิ้งระเบิด"[26] และยังมีรายงานอีกว่าทั้งอำเภอหลายอำเภอในจังหวัดชุมพร และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์นั้น "ราบเป็นหน้ากลอง"[24]
พายุไต้ฝุ่นเกย์ได้พัดทำลายโรงเรียนไม้หลายแห่งในจังหวัดชุมพร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี พายุได้พัดหน้าต่างและประตูของสิ่งก่อสร้างทั้งหมดที่อยู่ใกล้เส้นทางหลุดออกมา และสิ่งก่อสร้างหลายชั้นบางแห่งถูกพัดเอาชั้นบนหายไป ส่วนโรงเรียนที่สร้างจากคอนกรีตเสริมเหล็กได้รับความเสียหายเล็กน้อย[27] ถนนประมาณกว่า 1,000 เส้น และสะพาน 194 แห่ง ได้รับความเสียหาย หรืออย่างหนัก[20] พื้นที่ประมาณกว่า 2,500 ตารางกิโลเมตร มีน้ำท่วม[28] มีผู้เสียชีวิตจากพายุประมาณ 558 ราย และอีกประมาณ 44 ราย เสียชีวิตนอกชายฝั่งเล็กน้อย[20] มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายอย่างหนักประมาณ 47,000 หลัง ประชาชนได้รับผลกระทบประมาณกว่า 200,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้ประมาณ 153,000 คน ไร้ที่อยู่อาศัย[20][28] สร้างความเสียหายทางการเงินถึงประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท (456.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ทำให้พายุไต้ฝุ่นเกย์เป็นภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย[29]
ภายในหนึ่งสัปดาห์หลังพายุผ่านไป รัฐบาลเริ่มแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ[23] แม้ภาครัฐพยายามเร่งช่วยเหลือ แต่ประชาชนประมาณกว่า 2,500 คน จากอำเภอปะทิว และอำเภอท่าแซะเดินขบวนเพื่อเรียกร้องความช่วยเหลือเพิ่มเติมและเข้มข้นมากขึ้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน การประท้วงดังกล่าวยุติลงในเวลาไม่นาน[30] หลังจากมีคำวิจารณ์พอสมควรว่ารัฐมองข้ามผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่น จึงทำให้พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เลื่อนการเยือนสหรัฐไปก่อนเพื่อควบคุมดูแลความพยายามบรรเทาทุกข์[25] วันที่ 15 พฤศจิกายน สหรัฐให้คำมั่นบริจาคเงิน 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือปฏิบัติการฟื้นฟู ในขณะนั้นการเชื่อมต่อโทรศัพท์จากกรุงเทพมหานครไปจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้รับการซ่อมแซมเสร็จ อย่างไรก็ดี พื้นที่ใต้กว่านั้นยังขาดการเชื่อมต่อโทรศัพท์อยู่ มีการนำเครื่องกำเนิดไฟฟ้าไปติดตั้งที่โรงพยาบาลและสถานที่ราชการที่ยังเปิดทำการอยู่ เนื่องจากพื้นที่จังหวัดชุมพรส่วนใหญ่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์แล้ว เมื่อความเสียหายปรากฏชัดเจนขึ้น จึงมีการร้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศถึงองค์การบรรเทาภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติในวันที่ 17 พฤศจิกายน เมื่อมีการประกาศร้องขอ 6 ประเทศ ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศแคนาดา ประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลีใต้ และสหรัฐ เป็นต้น ให้คำมั่นสัญญาว่าจะมอบเงินช่วยเหลือรวมเกือบ 510,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในกองทุนรวม[20][23] เกษตรกรรมทั่วทั้งจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้รับผลกระทบอย่างมากในระยะยาวจากพายุไต้ฝุ่นเช่นกัน ในช่วงสี่ปีหลังจากพายุเกย์ ที่ดินที่ใช้ในการทำสวนผลไม้ ยางพารา และปาล์มน้ำมัน ลดลงจากร้อยละ 33.32 เหลือร้อยละ 30.53 นอกจากนี้ พื้นที่นาข้าวยังลดลงจากร้อยละ 22.96 เหลือร้อยละ 13.03[31]
จากการสำรวจหลังพายุได้มีการพบว่าโรงเรียนที่เสียหายรุนแรงส่วนใหญ่มีการก่อสร้างอย่างไม่เหมาะสม และชั้นบนไม่ได้รับการออกแบบมาให้ทนความเร็วลมระดับพายุไต้ฝุ่น จากหลักเกณฑ์การสร้างอาคารในประเทศไทย มีข้อบังคับให้สิ่งก่อสร้างสามารถรับความดันจากลมได้ถึง 120 กิโลกรัมแรงต่อตารางเมตร หลายปีหลังพายุวิศวกรดำเนินการศึกษาในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากพายุเพื่อกำหนดวิธีการสร้างบูรณะสิ่งก่อสร้างในประเทศอย่างดีที่สุด เนื่องจากสิ่งก่อสร้างที่ถูกทำลายจำนวนมากสร้างจากไม้ จึงมีการแนะนำให้ใช้คอนกรีตเสริมเหล็กแทน อาคารใหม่อาจมีอายุได้ถึง 50 ปีหากก่อสร้างอย่างเหมาะสม ส่วนอาคารที่ไม่ได้มาตรฐานจะต้องได้รับการซ่อมแซมภายในเวลาห้าปี[27]
ประเทศอินเดีย
[]หลังจากพายุไซโคลนเกย์เคลื่อนตัวข้ามคาบสมุทรมลายู และหลังจากนั้นพายุก็เคลื่อนตัวผ่านหมู่เกาะอันดามันในวันที่ 6 พฤศจิกายน มีการสั่งยับยั้งการขนส่งทางอากาศ และทางน้ำในบริเวณนี้เพื่อเป็นมาตรการป้องกัน ลมพายุมีความเร็วลมมากกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (75 ไมล์ต่อชั่วโมง) ได้พัดเข้าถล่มเกาะอันดามันเหนือส่งผลให้โครงสร้างของอาคารพังถล่มไป 2 แห่ง[8] ไม่กี่วันก่อนที่พายุไซโคลนเกย์จะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่ง เจ้าหน้าที่ในรัฐอานธรประเทศได้เริ่มอพยพประชาชนราวประมาณ 50,000 คน ตามแนวชายฝั่ง และสะสมสิ่งของบรรเทาภัยพิบัติ ประชาชนบางส่วนถูกบังคับให้ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยในอำเภอวิสาขปัตนัม และอำเภอศรีกากุล[32][33] นักอุตุนิยมวิทยาท้องถิ่นได้ออกคำเตือนว่าพายุลูกนี้เทียบได้กับพายุไซโคลนที่รัฐอานธรประเทศในปี พ.ศ. 2520 ที่เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 10,000 ราย[34] เมื่อพายุไซโคลนเกย์เคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งทางตอนใต้ของรัฐอานธรประเทศ โดยมีลมกระโชกแรงประมาณ 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (200 ไมล์ต่อชั่วโมง)[35] ตลอดแนวชายฝั่งระดับน้ำสูงขึ้นโดยพายุสูงประมาณ 3.5 เมตร ได้ซัดเข้าท่วมพื้นที่ชายฝั่งไปลึกมากที่สุด 3 กิโลเมตร (1.9 ไมล์) และพัดพาสิ่งปลูกสร้างหลายแห่งไปด้วย[10][36]
โครงเหล็กของหอส่งสัญญาณคลื่นไมโครเวฟสูงประมาณ 91 เมตร ที่อยู่นอกเมืองกาวาลีประมาณ 20 กิโลเมตร (12 ไมล์) ได้พังถล่มลงมา เนื่องจากต้องเผชิญกับความเร็วลมประมาณ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (85 ไมล์ต่อชั่วโมง)[37] การคมนาคม และการสื่อสารทั่วภูมิภาคได้หยุดชะงักลง บ้านเรือนประมาณ 20,000 หลัง ได้รับความเสียหายจึงทำให้ประชาชนอย่างน้อย 100,000 คน ไร้ที่อยู่อาศัย[38] และสิ่งก่อสร้างเกือบทั้งหมดในเมืองอันนาการิปาเลมได้รับความเสียหายอย่างหนัก หรือถูกทำลาย[39] นอกชายฝั่งชาวประมง 25 ราย จมน้ำเสียชีวิตใกล้กับมะจิลีปัตนัม หลังจากเพิกเฉยต่อคำเตือนให้กลับเข้าท่าเรือ[40] ในรัฐอานธรประเทศมีผู้เสียชีวิต 69 ราย และมูลค่าความเสียหายโดยรวม 410 ล้านรูปีอินเดีย (25.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[10][41] ในช่วงหลายเดือนหลังจากนั้นมีการสร้างที่พักคอนกรีตให้กับผู้ไร้ที่อยู่อาศัย[39]
ดูเพิ่ม
[]- ฤดูพายุไซโคลนมหาสมุทรอินเดียเหนือ พ.ศ. 2532
- รายชื่อพายุเกย์
- พายุไซโคลนไพลิน พ.ศ. 2556 เป็นพายุไซโคลนที่มีเส้นทางที่คล้ายกัน
- พายุหมุนเขตร้อนที่เคลื่อนตัวเข้าชายฝั่งทะเลในภาคใต้ของประเทศไทย
- พายุโซนร้อนแฮเรียต พ.ศ. 2505
- พายุโซนร้อนกำลังแรงลินดา พ.ศ. 2540
- พายุไต้ฝุ่นทุเรียน พ.ศ. 2549
- พายุโซนร้อนปาบึก พ.ศ. 2562
หมายเหตุ
[]- ความเร็วลมเฉลี่ยทั้งหมดในบทความนี้ใช้ความเร็วลมเฉลี่ยใน 1 นาทีเป็นมาตรฐาน เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่น
- ตัวเลขความเสียหายในบทความนี้เป็นค่าเงินในปี พ.ศ. 2532 เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่น
- ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม เป็นหน่วยงานเฉพาะกิจร่วมระหว่างกองทัพเรือสหรัฐ – กองทัพอากาศสหรัฐ ซึ่งจะออกประกาศเตือนภัยพายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก และภูมิภาคอื่น ๆ[2]
- กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นเป็นศูนย์อุตุนิยมวิทยาชำนัญพิเศษประจำภูมิภาคอย่างเป็นทางการในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก[5]
- กรมอุตุนิยมวิทยาอินเดียเป็นศูนย์อุตุนิยมวิทยาชำนัญพิเศษประจำภูมิภาคอย่างเป็นทางการในมหาสมุทรอินเดียเหนือ[7]
- พายุไซโคลนเกย์เป็นพายุที่มีความรุนแรงมากเป็นอันดับ 10 ในมหาสมุทรอินเดียเหนือ ด้วยความกดอากาศที่ 920 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 27.17 นิ้วของปรอท)
- มูลค่าความเสียหายในหน่วยเงินบาทไทย คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ระบุไว้ในเอกสารอ้างอิงคือ 1 ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ 25.6 บาท[20]
อ้างอิง
[]- G.S. Mandal & Akhilesh Gupta (1996). "The Wind Structure, Size and Damage Potential of Some Recent Cyclone of Hurricane Intensity in the North Indian Ocean". Advances in Tropical Meteorology. New Delhi, India: Indian Meteorological Society (50): 421.
- . Joint Typhoon Warning Center. United States Navy. 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 26, 2007. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
- Lt. Dianne K. Crittenden (1990). (PDF). Joint Typhoon Warning Center (ภาษาอังกฤษ). United States Navy. pp. 166–172. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2013-02-21. สืบค้นเมื่อ 25 December 2011.
- . Joint Typhoon Warning Center (ภาษาอังกฤษ). United States Navy. 1990. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (.TXT)เมื่อ 2015-12-08. สืบค้นเมื่อ 25 December 2011.
- "Annual Report on Activities of the RSMC Tokyo – Typhoon Center 2000" (PDF). Japan Meteorological Agency. February 2001. p. 3. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
- Japan Meteorological Agency (1992-10-10). (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (.TXT)เมื่อ 2014-12-05. สืบค้นเมื่อ 25 December 2011.
- "RSMCs and TCWCs". World Meteorological Organization. 2011. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
- "Cyclone Hits India's Andaman Islands" (ภาษาอังกฤษ). New Delhi, India: Xinhua General News Service. 6 November 1989.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) – โดยทาง Lexis Nexis (ต้องรับบริการ) - (PDF) (ภาษาอังกฤษ). Global Facility for Disaster Reduction and Recovery. September 2011. p. 9. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 26 April 2012. สืบค้นเมื่อ 17 December 2011.
- S. Raghavan & S. Rajesh (May 2003). "Trends in Tropical Cyclone Impact: A Study in Andhra Pradesh, India" (PDF). Bulletin of the American Meteorological Society (ภาษาอังกฤษ). 85 (5): 635–644. Bibcode:2003BAMS...84..635R. doi:10.1175/BAMS-84-5-635. สืบค้นเมื่อ 17 December 2011.
- A. Muthuchami & P. Chanavanthan (2005). "The Relation between Size of the Storm and the Size of the Eye". Predicting Mathematical Events. New Delhi, India: 104.
- Suphat Vongvisessomjai (กุมภาพันธ์ 2009). (PDF). Songklanakarin Journal of Science and Technology (ภาษาอังกฤษ). Bangkok, Thailand. 31 (2): 213. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 25 เมษายน 2012. สืบค้นเมื่อ 14 ธันวาคม 2011.
- "Aussies Lost As Oil Ship Capsizes". The Sun Herald (ภาษาอังกฤษ). Sydney, Australia. 5 November 1989. p. 5.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) – โดยทาง Lexis Nexis (ต้องรับบริการ) - "Unocal may scuttle Seacrest; only six survive". Oil & Gas Journal. November 20, 1989. p. 43. – โดยทาง Lexis Nexis (ต้องรับบริการ)
- "Divers Search Ship". The Washington Post. November 5, 1989. p. A39. – โดยทาง Lexis Nexis (ต้องรับบริการ)
- Thomas Perry (November 6, 1989). "4 Survivors Rescued From Capsized Oil Ship In Gulf Of Thailand". The Globe and Mail. Canada. – โดยทาง Lexis Nexis (ต้องรับบริการ)
- "250 feared killed by Typhoon Gay". The Independent (ภาษาอังกฤษ). London, England. 6 November 1989. p. 10.
{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์) – โดยทาง Lexis Nexis (ต้องรับบริการ) - Neale Prior & Malcolm Brown (November 6, 1989). "Hope Fades for Missing Drillers". The Sydney Morning Herald. Sydney, Australia. p. 6. – โดยทาง Lexis Nexis (ต้องรับบริการ)
- Neil Kelly (November 6, 1989). "Typhoon in Thailand claims 250 victims". The Times. London, England. – โดยทาง Lexis Nexis (ต้องรับบริการ)
- Vipa Rungdilokroajn (February 1990). (PDF) (Report). Bangkok, Thailand: Universidad Nacional Autónoma de Nicaragua. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ April 26, 2012. สืบค้นเมื่อ December 16, 2011.
- "Captain stayed to fight storm". Hobart Mercury. Reuters. November 8, 1989. – โดยทาง Lexis Nexis (ต้องรับบริการ)
- Roth, David M. (October 18, 2017). "Tropical Cyclone Point Maxima". Tropical Cyclone Rainfall Data. United States Weather Prediction Center. สืบค้นเมื่อ November 26, 2017.
- "Thailand Typhoon Gay Nov 1989 UNDRO Information Report 1–4". United Nations Department of Humanitarian Affairs. ReliefWeb. November 21, 1989. สืบค้นเมื่อ December 14, 2011.
- "Frantic hunt for victims of Thai typhoon". Hobart Mercury. Bangkok, Thailand. Agence France-Presse. November 7, 1989. – โดยทาง Lexis Nexis (ต้องรับบริการ)
- "360 Die in Flash Floods; Thailand". The Sun Herald. Sydney, Australia. November 12, 1989. p. 9. – โดยทาง Lexis Nexis (ต้องรับบริการ)
- "Typhoon Brings Mayhem". Sydney Morning Herald. Bangkok, Thailand. Associated Press. November 6, 1989. p. 14. – โดยทาง Lexis Nexis (ต้องรับบริการ)
- Kriangsak Charanyanond (1996). (PDF). United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2013-10-21. สืบค้นเมื่อ April 2, 2012.
- Manu Omakupt (August 1992). "Application of Remote Sensing and GIS for Renewable Resources Damaged by Typhoon 'Gay': Chumphon Province" (PDF). Thailand: International Society for Photogrammetry and Remote Sensing. สืบค้นเมื่อ December 16, 2011.
- . Asian Disaster Reduction Center. 1998. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-10-22. สืบค้นเมื่อ December 15, 2011.
- "Rage of typhoon victims". Hobart Mercury. Bangkok, Thailand. Agence France-Presse. November 9, 1989. – โดยทาง Lexis Nexis (ต้องรับบริการ)
- Absornsuda Siripong; Wish Siripong & Takashige Sugimoto (1997). . Chulalongkorn University Faculty of Science, Department of Marine Science. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-12-05. สืบค้นเมื่อ April 2, 2012.
- "Typhoon's toll: some 200 dead, 20,000 homeless". The Vindicator. United Press International. November 9, 1989. p. 36. สืบค้นเมื่อ December 17, 2011.
- "Typhoon Threatens Crowded Coast of India". Los Angeles Times. Bangkok, Thailand. United Press International. November 9, 1989. สืบค้นเมื่อ December 15, 2011.
- Paul Wedel (November 8, 1989). "Typhoon Gay heads toward India". Bangkok, Thailand: United Press International. – โดยทาง Lexis Nexis (ต้องรับบริการ)
- "Weather World: India hit by 200mph winds". The Guardian. London, England. November 14, 1989. – โดยทาง Lexis Nexis (ต้องรับบริการ)
- A. D. Rao (พฤศจิกายน 2006). (PDF). Centre for Atmospheric Sciences. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 12 พฤษภาคม 2013. สืบค้นเมื่อ 17 ธันวาคม 2011.
- A. Abraham; P. Harikrishna; S. Gomathinayagam; N. Lakshmanan (September 2005). "Failure investigation of microwave towers during cyclones — A case study". Journal of Structural Engineering. 32 (3): 147–157.
- "Typhoon Death Toll Rises; 500 Missing Off Thailand Coast". Los Angeles Times. Los Angeles, California. Reuters. November 11, 1989. สืบค้นเมื่อ December 15, 2011.
- . Orders of Joint Collector. 12 ธันวาคม 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (DOC)เมื่อ 23 เมษายน 2012. สืบค้นเมื่อ 17 ธันวาคม 2011.
- "Cyclone Kills 25". New Delhi, India: Associated Press. November 9, 1989. – โดยทาง Lexis Nexis (ต้องรับบริการ)
- . India Meteorological Department. 1999. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 25, 2014. สืบค้นเมื่อ December 17, 2011.
แหล่งข้อมูลอื่น
[]- พายุหมุนเขตร้อนระบบดิจิทัล (Digital Typhoon) ข้อมูลของพายุไต้ฝุ่นเกย์ (8929)
- สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ข้อมูลเส้นทางของพายุไต้ฝุ่นเกย์ (8929)
- สำนักงานอุตุนิยมวิทยาไทย (TMD) ข้อมูลเส้นทางของพายุไต้ฝุ่นเกย์ (8929)
- (IMD) ข้อมูลเส้นทางของพายุซูเปอร์ไซโคลนเกย์ (BOB 07)
- ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ข้อมูลเส้นทางของพายุไต้ฝุ่นเกย์ (32W)
- บทความคัดสรร
- พายุหมุนเขตร้อนระดับ 5
- พายุหมุนเขตร้อน
- พายุซูเปอร์ไซโคลน
- พายุไซโคลน
- พายุไต้ฝุ่นรุนแรง
- พายุไต้ฝุ่น
- ภัยธรรมชาติในปี พ.ศ. 2532
- ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2532
- ประเทศพม่าในปี พ.ศ. 2532
- ประเทศอินเดียในปี พ.ศ. 2532
- บทความพายุหมุนเขตร้อน
- พายุไต้ฝุ่นในประเทศไทย
- พายุไซโคลนในประเทศพม่า
- พายุไซโคลนในประเทศอินเดีย
- ภัยพิบัติในประเทศไทย
- ภัยพิบัติในประเทศพม่า
- ภัยพิบัติในประเทศอินเดีย
- เหตุการณ์ในจังหวัดชุมพร
- เหตุการณ์ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
- เหตุการณ์ในจังหวัดระนอง
- เหตุการณ์ในจังหวัดปัตตานี
- เหตุการณ์ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี
- เหตุการณ์ในจังหวัดระยอง
- เหตุการณ์ในจังหวัดเพชรบุรี
- เหตุการณ์ในจังหวัดตราด
วิกิพีเดีย, วิกิ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, มือถือ, โทรศัพท์, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, แอปเปิ้ล, สมาร์ทโฟน, พีซี, เว็บ, คอมพิวเตอร์, ข้อมูลเกี่ยวกับ พายุไต้ฝุ่นเกย์, พายุไต้ฝุ่นเกย์ คืออะไร? พายุไต้ฝุ่นเกย์ หมายความว่าอะไร?


ฝากคำตอบ
ต้องการเข้าร่วมการสนทนาหรือไม่?คุณสามารถร่วมเขียนได้!