กบฏไท่ผิง
ไท่ผิงเทียนกั๋ว (จีนตัวย่อ: 太平天国; จีนตัวเต็ม: 太平天國; พินอิน: Tàipíng Tiānguó; "กรุงเทพมหาสันติ") เป็นกบฏขนานใหญ่ซึ่งรัฐไท่ผิงเทียนกั๋วของหง ซิ่วเฉฺวียน (洪秀全) ก่อขึ้นต่อต้านจักรวรรดิจีนภายใต้การปกครองของราชวงศ์ชิงที่มีชาวแมนจูเป็นผู้นำ ในช่วง ค.ศ. 1850–1864
กบฏไท่ผิงเทียนกั๋ว | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|
![]() ยุทธการอานชิ่ง ค.ศ. 1861 วาดใน ค.ศ. 1884 | |||||||
| |||||||
คู่สงคราม | |||||||
ช่วงหลัง: | ไท่ผิงเทียนกั๋ว ผู้ร่วมรบ: กบฏเหนี่ยน กบฎโพกผ้าแดง ชมรมดาบเล็ก | ||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||
|
| ||||||
กำลัง | |||||||
มากกว่า 3,400,000 คน | 2,000,000 คน | ||||||
10,000,000 (การโจมตีทั้งหมด) | |||||||
ความสูญเสีย | |||||||
ตาย 145,000 คน | ตาย 243,000 คน | ||||||
ยอดตาย: 20–30 ล้านคน (การประมาณที่ดีที่สุด) |
หง ซิ่วเฉฺวียน เป็นบัณฑิตสอบตกที่เข้ารีตเป็นคริสต์ศาสนิก และอ้างตนเป็นน้องชายของพระเยซู เขาก่อตั้งลัทธิป้ายช่างตี้ (拜上帝教; "ลัทธิบูชามหาเทพ") ที่มุ่งหวังจะให้ประชาชนหันมานับถือศาสนาคริสต์ตามแบบของเขาที่มีการบูชาเทวดาต่าง ๆ ทั้งจะโค่นล้มราชวงศ์ชิง แล้วจัดการปฏิรูปบ้านเมืองขนานใหญ่ การปฏิรูปของหง ซิ่วเฉฺวียน ไม่ได้เป็นไปเพื่อเอาชนชั้นรากหญ้าเข้าแทนที่ชนชั้นปกครองเท่านั้น แต่พยายามจะสับเปลี่ยนระเบียบทางสังคมและจิตวิญญาณด้วย เมื่อถูกขุนนางท้องถิ่นห้ามปราม ลัทธิป้ายช่างตี้ก็ลุกฮือที่จินเถียน (金田起義) ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1851 รัฐบาลกลางจึงส่งทัพธงเขียว (綠營兵) เข้าไปปราบ หง ซิ่วเฉฺวียน จึงออกหน้าประกาศตนเป็นเทียนหวัง (天王; "เจ้าฟ้า") แห่งประเทศที่เขาก่อตั้งใหม่ เรียกว่า "ไท่ผิงเทียนกั๋ว" แล้วจัดตั้งทัพมุ่งขึ้นเหนือเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1851 เพื่อโจมตีชาวแมนจู ครั้นวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ. 1853 ทัพไท่ผิงเทียนกั๋วยึดหนานจิง (南京; "เมืองใต้") ไว้ได้ จึงเอาเป็นเมืองหลวง แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น "เทียนจิง" (天京; "เมืองฟ้า")
ทัพกบฏยึดครองภาคใต้ส่วนใหญ่ได้ในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 จนสามารถควบคุมฐานประชากรเกือบ 30 ล้านคน ลุกลามเป็นสงครามเต็มรูปแบบ หลังจากยึดเจียงซี (江西), หูเป่ย์ (湖北), และอานฮุย (安徽) ได้แล้ว กบฏก็มุ่งหน้าไปยึดเป่ย์จิง (北京) เมืองหลวงของราชวงศ์ชิง แต่ไม่สำเร็จ กระนั้น กองทัพราชวงศ์ชิงไม่สามารถหยุดยั้งการรุกคืบของกบฏได้ มีแต่กองกำลังทหารท้องถิ่นนอกประจำการของขุนพลเจิง กั๋วฟาน (曾國藩) ที่เรียกว่า ทัพเซียง (湘軍) เป็นกลุ่มหลักในการต่อต้านการกบฏ
ช่วงหลัง ไท่ผิงเทียนกั๋วเริ่มอ่อนแอลงเพราะการชิงอำนาจกันเอง โดยเฉพาะในเหตุการณ์เทียนจิง (天京事變) เมื่อ ค.ศ. 1856 ที่หยาง ซิ่วชิง (楊秀清) ผู้ดำรงตำแหน่งตงหวัง (東王; "เจ้าบูรพา") พยายามยึดอำนาจ แต่ล้มเหลวและถูกเหวย์ ชางฮุย (韋昌輝) ผู้ดำรงตำแหน่งเป่ย์หวัง (北王; "เจ้าอุดร") ฆ่า ขณะที่ทัพของเจิง กั๋วฟาน ก็สามารถยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ในเจียงซีกับหูเป่ย์คืนไปได้ อย่างไรก็ดี ในยุทธการเจียงหนาน (江南之战) เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1860 ทัพกบฏมีชัยเหนือทัพหลวงที่ล้อมหนานจิงไว้ตั้งแต่ ค.ศ. 1853 ขับไล่กองทัพรัฐบาลไปจากภูมิภาค และเปิดทางให้ตนรุกรานเจียงซู (江苏) กับเจ้อเจียง (浙江) เป็นผลสำเร็จ ส่วนทัพของเจิง กั๋วฟาน ก็มุ่งลงฉางเจียง (長江) ไปยึดอานชิ่ง (安慶) คืนจากกบฏได้ในวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1861
ครั้นเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1862 เจิง กั๋วฟาน เข้าปิดล้อมหนานจิง เมืองหลวงของกบฏ และสามารถตั้งมั่นปิดเมือง แม้ฝ่ายกบฏที่มีกำลังมากกว่าพยายามจะขับไล่หลายครั้งก็ตาม การปิดล้อมทำให้อาหารในเมืองขาดแคลน หง ซิ่วเฉฺวียน เก็บผักป่ามาบริโภค ทำให้เกิดภาวะอาหารเป็นพิษจนเขาล้มป่วยลงถึง 20 วันและเสียชีวิตในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1864 เมื่อหง ซิ่วเฉฺวียน สิ้นใจแล้ว หนานจิงก็ถูกตีแตกในยุทธการหนานจิง (南京之战) เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1864 ครั้นหนานจิงแตกแล้ว เจิง กั๋วฟาน พร้อมด้วยผู้สนับสนุน เช่น หลี่ หงจาง (李鴻章) กับจั่ว จงถัง (左宗棠) ก็ได้รับการสดุดีในฐานะผู้ช่วยราชวงศ์ชิงให้รอด และกลายเป็นผู้มีอิทธิพลมากที่สุดแห่งปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 กลุ่มกบฏที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยภายใต้การนำของหง เทียนกุ้ยฝู (洪天貴福) บุตรชายของหง ซิ่วเฉฺวียน ยังคงต่อสู้ต่อไปในเจ้อเจียง แต่หง เทียนกุ้ยฝู ถูกจับในวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1864 และกองกำลังกบฏก็ถอยร่นไปเรื่อย ๆ จนถึงกว่างตง (广东) ที่ซึ่งกบฏคนสุดท้ายถูกปราบในวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 1866
ประมาณกันว่า กบฏครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตตั้งแต่ 20–70 ล้านคนไปจนถึง 100 ล้านคน และอีกหลายล้านคนต้องพลัดที่อยู่ นับเป็นความขัดแย้งอย่างใหญ่หลวงที่สุดในจีนนับแต่ราชวงศ์ชิงพิชิตราชวงศ์หมิงได้ใน ค.ศ. 1644 ทั้งยังเป็นสงครามครั้งหนึ่งที่มีการนองเลือดมากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เป็นสงครามกลางเมืองที่สูญเสียเลือดเนื้อมากที่สุด และเป็นการขัดกันทางทหารที่ใหญ่หลวงที่สุดแห่งคริสต์ศตวรรษที่ 19
อ้างอิง
- Nicolas Standaert; R. G. Tiedemann, บ.ก. (1 ธันวาคม 2009). Handbook of Christianity in China. Vol. 2. BRILL. p. 390. ISBN 978-90-04-11430-2.
- Heath (1994), pp. 11–16.
- Heath (1994), p. 4.
- Heath (1994), p. 7.
- Platt (2012), p. p. xxiii.
- Jen Yu-wen (1 มกราคม 1973). The Taiping Revolutionary Movement. Yale University Press. pp. 4–7. ISBN 978-0-300-01542-3.
- Xiucheng Li; C. A. Curwen (1976). Taiping Rebel: The Deposition of Li Hsiu-ch'eng. Cambridge University Press. p. 1. ISBN 978-0-521-21082-9.
- Franz H. Michael; Chungli Chang (1 มกราคม 1966). The Taiping Rebellion: History and Documents. Vol. I. Seattle: University of Washington Press. p. 7. ASIN B000GXB726.
- 曹樹基; 葛劍雄 (2001). 中国人口史 [A History of China's Population]. Vol. 第五. Shanghai: Fudan University Press. pp. 455, 509.
บรรณานุกรม
- Heath, Ian (1994). The Taiping Rebellion, 1851–1866. Osprey Military Men-at-Arms Series. London; Long Island City: Osprey. ISBN 1-85532-346-X. เน้นประวัติศาสตร์การทหาร
- Platt, Stephen R. (2012). Autumn in the Heavenly Kingdom: China, the West, and the Epic Story of the Taiping Civil War. New York: Knopf. ISBN 978-0-307-27173-0. วิเคราะห์บันทึกโดยละเอียด
แหล่งข้อมูลอื่น

- Taiping Rebellion Videos – Chronological presentation of the Taiping Rebellion, with details and anecdotes. เก็บจากแหล่งเดิมที่ ghostarchive.org เมื่อ 24 พฤษภาคม 2022.
- Taiping Rebellion.com – Narrative history, with many illustrations, a Timeline, and a detailed Map of the Rebellion.
- The Taiping Rebellion – BBC discussion with Rana Mitter, University of Oxford; Frances Wood British Library; and Julia Lovell, University of London.
วิกิพีเดีย, วิกิ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, มือถือ, โทรศัพท์, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, แอปเปิ้ล, สมาร์ทโฟน, พีซี, เว็บ, คอมพิวเตอร์, ข้อมูลเกี่ยวกับ กบฏไท่ผิง, กบฏไท่ผิง คืออะไร? กบฏไท่ผิง หมายความว่าอะไร?
ฝากคำตอบ
ต้องการเข้าร่วมการสนทนาหรือไม่?คุณสามารถร่วมเขียนได้!