อักษรไทยฝักขาม
อักษรไทยฝักขาม อักษรฝักขาม หรืออักษรไทยล้านนา เป็นอักษรไทยที่เคยใช้ในดินแดนล้านนา เชียงตุง และสิบสองปันนา คาดว่าพัฒนาไปจากอักษรไทยสมัยสุโขทัย และแพร่หลายเข้าสู่ล้านนาในสมัยพญาลิไท พบจารึกภาษาไทยเขียนด้วยอักษรฝักขามในล้านนาชิ้นแรกคือจารึกวัดพระยืน อายุราว พ.ศ. 1954 ถือว่าเป็นจารึกอักษรไทยที่เก่าแก่ที่สุดที่พบในล้านนา โดยทั่วไปมักปรากฏอักษรฝักขามในจารึกใบเสมา หรือฐานพระพุทธรูป ตามวัดต่าง ๆ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการพระราชทานกัลปนาและบูรณะวัดโดยกษัตริย์หรือเจ้าครองนคร
อักษรฝักขาม | |
---|---|
![]() รายละเอียดอักษรฝักขามในจารึกวัดเชียงมั่น (CM1) จากจารึกจำลองซึ่งจัดแสดงในหอศิลปะวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ | |
ชนิด | |
ช่วงยุค | ประมาณ ค.ศ. 1400 - 1600 |
ทิศทาง | ซ้ายไปขวา |
ภาษาพูด | ภาษาไทยถิ่นเหนือ, และอื่น ๆ |
อักษรที่เกี่ยวข้อง | |
ระบบแม่ | |
ระบบลูก | ไทน้อย,ไทญ้อ, ไทยนิเทศ |
ในดินแดนล้านนา อักษรฝักขามเป็นอักษรหลักอีกชนิดหนึ่งที่มีการใช้ควบคู่ไปกับอักษรธรรมล้านนา และต่อมาก็ได้เป็นต้นแบบให้อักษรไทยนิเทศ ซึ่งเป็นอักษรลูกผสมระหว่างอักษรฝักขามและอักษรธรรมล้านนา มีผู้เสนอว่าอักษรฝักขามอาจเป็นต้นแบบให้อักษรไทน้อยและอักษรลาวโบราณ เนื่องจากมีรูปทรงอักษรและอักขรวิธีที่ใกล้เคียงกันมาก (มากกว่าอักษรไทยฝ่ายอยุธยา) ทั้งอาณาจักรล้านนาและล้านช้างก็เคยมีสัมพันธไมตรีต่อกัน อย่างไรก็ดี ข้อมูลส่วนนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกัน นอกจากนี้อักษรฝักขามยังเป็นต้นแบบของอักษรเง่อันในประเทศเวียดนามด้วย
ในทางศาสนา อักษรฝักขามเป็นอักษรที่ใช้ในหมู่พระภิกษุนิกายลังกาวงศ์เก่า ส่วนอักษรธรรมใช้ในหมู่พระภิกษุนิกายลังกาวงศ์ใหม่ ในสมัยพระเจ้าติโลกราชขึ้นเสวยราชย์เมื่อ พ.ศ. 1984 ทรงสนับสนุนนิกายลังกาวงศ์ใหม่ และน่าจะเริ่มมีจารึกด้วยอักษรธรรมในรัชกาลนี้ เมื่อสิ้นรัชกาล กษัตริย์เชียงใหม่องค์ต่อมาให้ประชาชนนับถือศาสนาตามใจชอบ ทำให้ฟื้นฟูนิกายลังกาวงศ์เก่าขึ้นมาอีกและใช้อักษรฝักขามอีกครั้ง จนกระทั่งหลัง พ.ศ. 2000 นิกายลังกาวงศ์ใหม่ฟื้นฟูการเขียนคัมภีร์ทางศาสนาด้วยอักษรธรรมประกอบกับเป็นช่วงที่ล้านนาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า ล้านนาจึงใช้อักษรธรรมเป็นหลักเรื่อยมา
ภายหลังล้านนาเป็นประเทศราชของกรุงรัตนโกสินทร์ตั้งแต่ พ.ศ. 2325 สมัยพระเจ้ากาวิละเป็นต้นมาได้มีการฟื้นฟูอักษรฝักขามขึ้นใช้อีก โดยมักพบเป็นจารึกการกัลปนาและบูรณะวัดต่าง ๆ ในเชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง โดยมีจารึกสำคัญคือจารึกวัดพระธาตุลำปางหลวง หลักที่ 3 จารึกเมื่อปี พ.ศ. 2339 จารึกในยุคนี้มีอักขรวิธีที่ได้รับอิทธิพลจากอักษรธรรมล้านนามาหลายประการ และค่อนข้างคล้ายคลึงกับอักขรวิธีของอักษรไทยนิเทศ ภายหลังปี พ.ศ. 2400 ยังมีจารึกอักษรฝักขามอยู่บ้าง เช่น จารึกบนฆ้องกังสดาล ที่วัดพระธาตุหริภุญไชย พ.ศ. 2403 และจารึกหน้าอุโบสถวัดเชตุพน ต.วัดเกต อ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2459 ซึ่งมีเนื้อหากล่าวถึงเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่และเจ้าดารารัศมี พระราชชายา ถวายเงินบูรณะวัด นับเป็นจารึกอักษรฝักขามหลักสุดท้ายที่จัดทำขึ้นตามขนบโบราณของล้านนา อนึ่ง ในปี พ.ศ. 2522 ได้มีการจัดทำจารึกอักษรฝักขามเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งปัจจุบันได้เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
- ศิลาจารึกอักษรฝักขามในประเทศไทย
- อักษรฝักขามในจารึกวัดเชียงมั่น (CM1) จำลอง ซึ่งจัดแสดงในหอศิลปะวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่
- อักษรไทยล้านนาในจารึกวัดล่ามช้าง ค.ศ. 1444
- จารึกวัดเชตุพน พ.ศ. 2459 จารึกอักษรฝักขามหลักสุดท้าย
พยัญชนะ
อักษรฝักขามมีพยัญชนะ 44 ตัว โดยแบ่งเป็น พยัญชนะดั้งเดิม 41 ตัวซึ่งรับมาจากอักษรสุโขทัย และพยัญชนะที่ยืมหรือดัดแปลงจากอักษรธรรมล้านนาอีก 3 ตัว (แสดงเป็นแถบสีเหลืองในตารางข้างล่าง) ได้แก่ ฌ ฒ และ อฺย (อักษรลาวเรียก ย หยาดน้ำ) อักษรฝักขามไม่ปรากฏรูปอักษร ฮ แต่ก็พบว่ารูปอักษร ฮ มีปรากฏในอักษรไทยนิเทศ ซึ่งเป็นอักษรที่มีรูปลักษณ์และอักขรวิธีใกล้เคียงกันมากและอาจเทียบเคียงกันได้ อักษรบางตัวมีรูปเดียวกัน เช่นอักษร ฎ และ ฏ การจะทราบว่าเป็นรูปอักษรใดต้องดูที่ปริบทของคำ เช่นว่า ฎ จะปรากฏในคำว่า ราษฎร ฎีกา ฯลฯ ส่วน ฏ จะปรากฏในคำว่า ปรากฏ นาฏ ฯลฯ ซึ่งสามารถเทียบเคียงกับการสะกดคำในภาษาไทยได้ อักษรบางตัวเช่น ฆ ฑ ว ฬ อาจพบมากกว่าหนึ่งรูปอักษร ทั้งนี้บางครั้งก็พบการใช้รูปอักษรธรรมล้านนาปะปนได้เช่นกัน โดยเฉพาะในจารึกสมัยหลัง พ.ศ. 2300
อักษรฝักขามปรากฏการใช้รูปตัวเชิง หรือ พยัญชนะเฟื้อง กับอักษรบางตัว ได้แก่ ข ค ญ ฐ ถ ธ น บ ป พ ม ย อฺย ร ล และ ษ ส่วนใหญ่เป็นรูปที่ยืมมาจากอักษรธรรมล้านนาหรืออักษรไทยนิเทศ โดยอักษรตัวเชิงเหล่านี้มักพบในคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาบาลี-สันสกฤตที่เป็นคำเฉพาะบางคำ เช่น รฤกฺษ องฺค ทุกฺข ธัมฺม ฯลฯ และพบน้อยกับคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาตระกูลไท
อย่างไรก็ตามถึงแม้อักษรฝักขามจะมีลักษณะที่เหมือนอักษรไทยและลาวในปัจจุบันมาก แต่ก็มีเสียงพยัญชนะที่ต่างออกไป เนื่องจากอักษรฝักขามใช้ในการเขียนภาษาล้านนา การออกเสียงพยัญชนะจะคล้ายคลึงกับเสียงของอักษรธรรมล้านนามากกว่า ตัวอย่างเช่น อักษรฝักขาม ญ, ย ออกเสียงเป็น ย นาสิก หรือ อักษรฝักขาม ค, ช, พ ออกเสียงเป็น ก, จ, ป ตามลำดับ เป็นต้น ฉะนั้น คำว่า ช้าง หากเขียนเป็นอักษรฝักขาม ก็ย่อมที่จะอ่านว่า จ๊าง ตามแบบภาษาล้านนา ดังนั้นการสะกดคำของอักษรฝักขามจึงคล้ายคลึงกับการสะกดคำภาษาล้านนาแบบปริวรรตจากอักษรธรรมเป็นอักษรไทย อนึ่ง เสียงของพยัญชนะแต่ละตัวและไตรยางศ์ได้แสดงไว้ในตารางข้างล่างนี้ ซึ่งจะแตกต่างจากของอักษรไทยและอักษรลาว
อักษรฝักขาม | เทียบอักษรไทย | เทียบอักษรลาว | สัทอักษร | ไตรยางศ์ | |||
---|---|---|---|---|---|---|---|
รูปพยัญชนะ | รูปตัวเชิง | พยัญชนะต้น | พยัญชนะสะกด | ||||
![]() | ก | ກ | [k] | [k̚] | สูง | ||
![]() | ![]() | ข | ຂ | [x], [kʰ] | [k̚] | สูง | |
![]() | ฃ | [x] | — | สูง | |||
![]() | ![]() | ค | ຄ | [k] | [k̚] | ต่ำ | |
![]() | ฅ | [x] | — | ต่ำ | |||
![]() ![]() ![]() | ฆ | [x], [kʰ] | [k̚] | ต่ำ | |||
![]() | ง | ງ | [ŋ] | [ŋ] | ต่ำ | ||
![]() | จ | ຈ | [t͡ɕ] | [t̚] | สูง | ||
![]() | ฉ | [s], [t͡ɕʰ] | — | สูง | |||
![]() | ช | ຊ | [t͡ɕ] | [t̚] | ต่ำ | ||
![]() | ซ | [s] | [t̚] | ต่ำ | |||
![]() | ฌ | [s], [t͡ɕʰa᷄] | [t̚] | ต่ำ | |||
![]() | ![]() | ญ | [ɲ] | [n] | ต่ำ | ||
![]() | ฎ | [d] | [t̚] | กลาง | |||
![]() | ฏ | [t] | [t̚] | สูง | |||
![]() | ![]() ![]() | ฐ | [tʰ] | [t̚] | สูง | ||
![]() ![]() | ฑ | [d], [tʰ] | [t̚] | ต่ำ | |||
![]() | ฒ | [tʰ] | [t̚] | ต่ำ | |||
![]() | ณ | [n] | [n] | ต่ำ | |||
![]() | ด | ດ | [d] | [t̚] | กลาง | ||
![]() | ต | ຕ | [t] | [t̚] | สูง | ||
![]() | ![]() | ถ | ຖ | [tʰ] | [t̚] | สูง | |
![]() | ท | ທ | [t] | [t̚] | ต่ำ | ||
![]() | ![]() ![]() | ธ | [tʰ] | [t̚] | ต่ำ | ||
![]() | ![]() | น | ນ | [n] | [n] | ต่ำ | |
![]() | ![]() | บ | ບ | [b] | [p̚] | กลาง | |
![]() | ป | ປ | [p] | [p̚] | สูง | ||
![]() | ผ | ຜ | [pʰ] | – | สูง | ||
![]() | ฝ | ຝ | [f] | – | สูง | ||
![]() | ![]() | พ | ພ | [p] | [p̚] | ต่ำ | |
![]() | ฟ | ຟ | [f] | [p̚] | ต่ำ | ||
![]() | ภ | [pʰ] | [p̚] | ต่ำ | |||
![]() | ![]() | ม | ມ | [m] | [m] | ต่ำ | |
![]() | ![]() | ย | ຍ | [ɲ] | – | ต่ำ | |
![]() | ![]() | อฺย | ຢ | [j] | – | กลาง | |
![]() | ![]() ![]() | ร | ຣ | [r],[l],[h] | [n] | ต่ำ | |
![]() | ![]() ![]() | ล | ລ | [l] | [n] | ต่ำ | |
![]() ![]() | ว | ວ | [w] | – | ต่ำ | ||
![]() | ศ | [s] | [t̚] | สูง | |||
![]() | ![]() | ษ | [s] | [t̚] | สูง | ||
![]() | ส | ສ | [s] | [t̚] | สูง | ||
![]() | ห | ຫ | [h] | – | สูง | ||
![]() ![]() | ฬ | [l] | [n] | ต่ำ | |||
![]() | อ | ອ | [ʔ] | – | กลาง | ||
ไม่มีอักษร ฮ | ฮ | ຮ | [h] | – | ต่ำ |
- Notes
- (1) จารึกจอมถ้ำ พ.ศ. 2045, บรรทัดที่ 8, คำว่า สุกฺข; (2) จารึกหมายเลข 31 (นน. 238) บรรทัดที่ 12, คำว่า ทุกฺข
- จารึกสุนทราราม 1 พ.ศ. 2158, บรรทัดที่ 17 คำว่า องฺค
- ยืมหรือดัดแปลงมาจากอักษรธรรมล้านนา
- จารึกพระธาตุลำปางหลวง 3, พ.ศ. 2339, ด้านที่ 1 บรรทัดที่ 16, คำว่า สมเดฌ
- จารึกสุนทราราม พ.ศ. 2159, บรรทัดที่ 5 คำว่า พรฺญา
- จารึกหงสาวดีศรีสัตยาธิษฐาน ยุค พ.ศ. 2000 ด้านที่ 1 บรรทัดที่ 14 คำว่า สัตยาธิษฺฐาน
- จารึกป่าตับมะเต่า, อายุช่วงปี พ.ศ. 2000, บรรทัดที่ 4 และ 8, คำว่า ทัณฑ
- จารึกวัดพระธาตุลำปางหลวง 3, พ.ศ. 2339, ด้านที่ 2 บรรทัดที่ 9, คำว่า เทสฑบาน
- (1) จารึกวัดบุปผาราม พ.ศ. 2072, บรรทัดที่ 2, คำว่า อาสาฒโหรา; (2) จารึกวัดศรีสุพรรณ พ.ศ. 2052, ด้านที่ 1 บรรทัดที่ 16, คำว่า อาศาฒ
- จารึกสุนทราราม พ.ศ. 2159, บรรทัดที่ 1 คำว่า ติตฺถี
- พบได้หลายแห่งใน จารึกพระธาตุลำปางหลวง 3 พ.ศ. 2339; จารึกสุวรรณปราสาท พ.ศ. 2347; จารึกบุปผาราม พ.ศ. 2072; จารึกสุทราราม พ.ศ. 2158 ฯลฯ
- จารึกกังสดาล พ.ศ. 2403, บรรทัดที 9 คำว่า เปน
- จารึกพระธาตุลำปางหลวง พ.ศ. 2339, บรรทัดที่ 5 คำว่า ตราบ
- (1) จารึกพระธาตุลำปางหลวง พ.ศ. 2339, บรรทัดที่ 8 คำว่า เทพฺพดา; (2) จารึกวัดเชตุพน พ.ศ. 2459, บรรทัด 19 คำว่า กรุงเทพฺพ์
- ยืมหรือดัดแปลงมาจากอักษรไทยนิเทศ
- คล้ายคลึงกับรูปอักษรขอมไทย
- (1) จารึกพระธาตุลำปางหลวง 3 พ.ศ. 2339, ด้านที่ 2 บรรทัดที่ 5, คำว่า คัมชู; บรรทัดที่ 9 คำว่า พรหมฺม; (2) จารึกสุนทราราม 1 พ.ศ. 2158, บรรทัดที่ 10, คำว่า อุตมฺม
- จารึกหมายเลข 29 (นน. 237)
- ได้รับอิทธิพลจากภาษาไทย หรือ บาลี-สันสกฤต
- จารึกสุวณณาราม 1, ด้านที่ 1, บรรทัดที่ 1 คำว่า ฉลู
- จารึกวัดเชตุพน พ.ศ. 2459 บรรทัดที่ 16 คำว่า มูลฺล
พยัญชนะกลุ่ม ห นำ
อักษรฝักขาม | เทียบอักษรไทย | เทียบอักษรลาว | สัทอักษร | ไตรยางศ์ |
---|---|---|---|---|
![]() | หง | ຫງ | [ŋ] | สูง |
![]() | หน | ຫນ, ໜ | [n] | สูง |
![]() | หม | ຫມ, ໝ | [m] | สูง |
![]() | หญ | [ɲ] | สูง | |
![]() | หย | ຫຍ | [ɲ] | สูง |
![]() ![]() | หร | ຫຣ | [r],[l],[h] | สูง |
![]() ![]() ![]() | หล | ຫລ, ຫຼ | [l] | สูง |
![]() | หว | ຫວ | [w] | สูง |
- หมายเหตุ
- อิทธิพลจากภาษาไทยมาตรฐาน และภาษาบาลีสันสฤต
- จารึกกังสดาล พ.ศ. 2403
สระ
รูปสระอักษรฝักขามโดยทั่วไปมีลักษณะใกล้เคียงอักษรไทย แต่อักขรวิธีนั้นจะแตกต่างไปบ้าง โดยอักษรฝักขามไม่มีรูปสำหรับเขียนสระ เอะ แอะ เอาะ เออะ เอียะ เอือะ อัวะ ซึ่งล้วนเป็นรูปสระเสียงสั้น รูปสระบางรูปต่างจากอักษรไทยในปัจจุบันได้แก่รูปสระ เอะ โอะ ออ เอีย เอือ เออ อัว เอา ออย สระบางรูปเขียนได้หลายแบบ เช่น โอะ ออ เอีย อัว ไอ เอา ออย ทั้งนี้เป็นผลมาจากอิทธิพลของอักขรวิธีของอักษรธรรมล้านนา รูป ฤ ฤๅ มีการใช้ปะปนกัน และสามารถทำหน้าที่เป็นได้ทั้งสระลอยเช่นในคำว่า ฤกฺษ (ล้านนาอ่านว่า ลืก) และสระจม เช่น พฺฤกฺษ ส่วนรูป ฦ ฦๅ นั้นไม่ปรากฏเฉพาะ เนื่องจากในภาษาล้านนาได้ออกเสียง ฤ ฤๅ เป็น ลึ ลือ อยู่แล้ว จึงพบการใช้ ฤ ฤๅ แทน ฦ ฦๅ ทุกคำ
อักษรฝักขามมีอักขรวิธีใกล้เคียงกับอักษรไทยในสมัยพญาลิไทแห่งกรุงสุโขทัยมากกว่าปัจจุบัน เช่น สระเอียรูปมีตัวสะกดจะเขียนแบบอักขรวิธีภาษาไทยโบราณเป็น กยน แทน เกียน แบบปัจจุบัน สระบางรูปได้รับอิทธิพลจากอักษรธรรมล้านนาเช่น การปรากฏรูปไม้ ก๋ง สำหรับสระโอะลดรูป รูปสระอัวที่ใช้ ไม้ก๋งประสมกับตัว ว หรือรูปสระ ออย นิยมเขียนด้วยรูปอักษรเชื่อม อฺย (ย หยาดน้ำ) เหมือนกับอักษรธรรมล้านนา สระบางรูปมีอักขรวิธีใกล้เคียงกับภาษาลาวมากกว่า เช่น สระเอีย คำว่า เกีย สะกดเป็น เกย หรือ เกัย ขณะที่สระเออประสมแม่เกย เช่นคำว่า เกย จะสะกดเป็น เกิย
ลักษณะสำคัญอีกประการของรูปสระอักษรฝักขามคือ ไม้หันอากาศมีตำแหน่งไม่เคร่งครัด สามารถอยู่ได้ทั้งบนพยัญชนะต้นหรือตัวสะกด (หรือกึ่งกลางระหว่างทั้งสองก็ได้) เช่น คำว่า กัม อาจเขียนเป็น กมั ก็ได้ ซึ่งอักขรวิธีแบบหลังนั้นพบได้มากกว่าอีกด้วย เช่นเดียวกับรูปไม้ก๋ง และรูปวรรณยุกต์ ก็มีตำแหน่งไม่เคร่งครัดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม รูปสระ อิ อี อึ อือ นั้นมีตำแหน่งที่เคร่งครัด อยู่ได้บนเฉพาะพยัญชนะต้นเท่านั้น อนึ่งอักษรฝักขามไม่มีรูปไม้ไต่คู้ ใช้รูปไม้หันอากาศทำหน้าที่แทน เหมือนในอักขรวิธีของอักษรธรรมล้านนา
รูปสระฝักขามได้แสดงไว้ในตารางข้างล่างนี้ โดยเทียบกับเสียงสระที่มีในภาษาล้านนา ช่องที่ว่างไว้คือช่องที่มีหน่วยเสียงแต่ไม่ปรากฏรูปสระสำหรับเขียนด้วยอักษรฝักขาม ส่วนช่องสีทึบคือช่องที่ไม่มีหน่วยเสียงนั้นในภาษาล้านนาตั้งแต่แรก รูปสระในตารางอ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยของ กรรณิการ์ วิมลเกษม เป็นเบื้องต้น
สระเสียงสั้น (ใช้กับพยัญชนะ ก) | สระเสียงยาว (ใช้กับพยัญชนะ ก) | |||||
---|---|---|---|---|---|---|
สระ | ไม่มีตัวสะกด | มีตัวสะกด (ม) | สระ | ไม่มีตัวสะกด | มีตัวสะกด (ม) | |
สระเดี่ยว | ||||||
อะ /a/ | ![]() ![]() | ![]() ![]() | อา /aː/ | ![]() | ![]() | |
อิ /i/ | ![]() | ![]() | อี /iː/ | ![]() | ![]() | |
อึ /ɯ/ | ![]() | ![]() | อือ /ɯː/ | ![]() | ![]() | |
อุ /u/ | ![]() | ![]() | อู /uː/ | ![]() | ![]() | |
เอะ /e/ | - | ![]() | เอ /eː/ | ![]() | ![]() | |
แอะ /ɛ/ | - | - | แอ /ɛː/ | ![]() | ![]() | |
โอะ /o/ | ![]() | ![]() ![]() ![]() | โอ /oː/ | ![]() | ![]() | |
เอาะ /ɔ/ | - | - | ออ /ɔː/ | ![]() ![]() | ![]() | |
เออะ /ɤ/ | - | - | เออ /ɤː/ | ![]() | ![]() | |
สระเสียงควบ | ||||||
เอียะ /iaʔ/ | - | - | เอีย /ia/ | ![]() ![]() ![]() | ![]() | |
เอือะ /ɯaʔ/ | - | - | เอือ /ɯa/ | ![]() | ![]() | |
อัวะ /uaʔ/ | - | - | อัว /ua/ | ![]() ![]()
| ![]() | |
สระเสียงควบตามหลักสัทศาสตร์ | ||||||
เอา /aw/ | ![]() ![]() ![]() | อาว /aːw/ | ![]() | |||
อิว /iw/ | ![]() | |||||
เอ็ว /ew/ | - | เอว /eːw/ | ![]() | |||
แอ็ว /ɛw/ | - | แอว /ɛːw/ | ![]() | |||
เอียว /iaw/ | ![]() | |||||
ไอ /aj/ | ![]() ![]() ![]() | อาย /aːj/ | ![]() | |||
อึย /ɯj/ | ![]() | อืย /ɯːj/ | ![]() | |||
อุย /uj/ | ![]() | อูย /uːj/ | ![]() | |||
โอย /oːj/ | ![]() | |||||
อ็อย/ɔj/ | - | ออย /ɔːj/ | ![]() ![]() ![]() | |||
เอย /ɤːj/ | ![]() | |||||
อวย /uaj/ | ![]() | |||||
เอือย /ɯaj/ | ![]() | |||||
สระรูปพิเศษ | ||||||
ฤ, ฦ /lɯ/ (สระลอย) | ![]() ![]() ![]() | ![]() ![]() ![]() | ||||
ฤๅ, ฦๅ /lɯː/ (สระลอย) | ||||||
ฤ, ฦ /lɯ/ (สระจม) | ![]() ![]() | ![]() ![]() | ||||
ฤๅ, ฦๅ /lɯː/ (สระจม) | ||||||
อํ /aŋ/ | ![]() | |||||
อำ /am/ | ![]() | |||||
อรร /an/ | ![]() | ![]() |
- หมายเหตุ
- เป็นการสะกดที่จำลองขึ้นเพื่อแสดงตำแหน่งของสระและพยัญชนะ
- (1) จารึกวัดบุปผาราม พ.ศ. 2072, บรรทัดที่ 3, คำว่า เพัง; (2) จารึกวัดศรีเกิด พ.ศ. 2352, ด้านที่ 2, บรรทัดที่ 7, คำว่า เหลัก; (3) จารึกวัดเชตุพน พ.ศ. 2459, คำว่า เภัจ (เพชร)
- จารึกวัดเชตุพน พ.ศ. 2459
- จารึกหมายเลข 29 (นน. 237)
- จารึกพระธาตุศรีจอมทอง พ.ศ. 2099, ด้านที่ 2, บรรทัดที่ 4 คำว่า หนองฤก (หนองลึก)
- จารึกหริปุญชปุรี พ.ศ. 2043, ด้านที่ 1, บรรทัดที่ 11 คำว่า หฺฤทัย
- จารึกหริปุญชรี พ.ศ. 2043, ด้านที่ 1, บรรทัดที่ 2 คำว่า มฺฤคศิรมาส; ด้านที่ 2 บรรทัดที่ 10 คำว่า พฺฤกฺษ
- จารึกพระธาตุลำปางหลวง 3 พ.ศ. 2339 ด้านที่ 1 บรรทัดที่ 7 คำว่า กรรโลง
- (1) จารึกหริปุญชปุรี พ.ศ. 2043, ด้านที่ 1 บรรทัดที่ 4 คำว่า วรรธมาณฉายา; ด้านที่ 1 บรรทัดที่ 6, 12, 14, 17, 24 คำว่า ธรรม; ด้านที่ 1 บรรทัดที่ 11 คำว่า อรรถธรรม; ด้านที่ 1 บรรทัดที่ 13 คำว่า อัสจรรย; ด้านที่ 1 บรรทัดที่ 16 คำว่า สุพรรณ; (2) จารึกวัดศรีสุพรรณ พ.ศ. 2052, ด้านที่ 1 บรรทัดที่ 1 คำว่า พิพรรธมงคล; ด้านที่ 1 บรรทัดที่ 13, 27, 29 คำว่า ศรีสุพรรณ; ด้านที่ 2 บรรทัดที่ 9 คำว่า สัทธรรม
วรรณยุกต์
อักษรฝักขามมีรูปวรรณยุกต์ 2 รูป คือไม้เอก และไม้โท และมีรูปลักษณะเช่นเดียวกับของอักษรไทย
ตัวเลข
ตัวเลขฝักขามส่วนมากมีความคล้ายคลึงเลขธรรมและเลขลาว เลข ๗ และ ๙ ปรากฏมีสองรูป พบใช้ปะปนกันได้ทั่วไป
เลขอารบิก | 0 | 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | ||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เลขฝักขาม | ![]() | ![]() | ![]() | ![]() | ![]() | ![]() | ![]() | ![]() | ![]() | ![]() | ![]() | ![]() |
เลขไทย | ๐ | ๑ | ๒ | ๓ | ๔ | ๕ | ๖ | ๗ | ๘ | ๙ | ||
เลขลาว | ໐ | ໑ | ໒ | ໓ | ໔ | ໕ | ໖ | ໗ | ໘ | ໙ | ||
เลขธรรม | ᪐ | ᪑ | ᪒ | ᪓ | ᪔ | ᪕ | ᪖ | ᪗ | ᪘ | ᪙ |
อ้างอิง
- Lorrillard, Michel (Jan 2004). "The Diffusion of Lao Scripts. The literary heritage of Laos".
{{cite journal}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
(help) - กรรณิการ์, วิมลเกษม (2527). อักษรฝักขามที่พบในศิลาจารึกภาคเหนือ. บุรินทร์การพิมพ์.
- "จารึกวัดพระยืน". ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. สืบค้นเมื่อ 10 Jun 2025.
- Lorrillard, Michel (2005). "The Diffusion of Lao Scripts". The Literary Heritage of Laos: Preservation, Dissemination, Research Perspectives (Collected Papers in Lao, Thai and English from the International Conference in Vientiane, 8–10 January 2004). Vientiane: The National Library of Laos. pp. 366–372.
- "จารึกวัดพระธาตุลำปางหลวง 3". ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. สืบค้นเมื่อ 10 Jun 2025.
- "จารึกกังสดาล". ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. สืบค้นเมื่อ 10 Jun 2025.
- "จารึกอักษรฝักขาม เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง". กรมศิลปากร. สืบค้นเมื่อ 10 Jun 2025.
- เครือไทย, พรรณเพ็ญ (2003). อักษรไทยนิเทศ. เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. ISBN 9746576968.
- วิลมลเกษม, กรรณิการ์ (1981). อักษรฝักขามที่พบในศิลาจารึกภาคเหนือ. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศิลปากร. p. 78.
วิกิพีเดีย, วิกิ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, มือถือ, โทรศัพท์, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, แอปเปิ้ล, สมาร์ทโฟน, พีซี, เว็บ, คอมพิวเตอร์, ข้อมูลเกี่ยวกับ อักษรไทยฝักขาม, อักษรไทยฝักขาม คืออะไร? อักษรไทยฝักขาม หมายความว่าอะไร?
ฝากคำตอบ
ต้องการเข้าร่วมการสนทนาหรือไม่?คุณสามารถร่วมเขียนได้!