โรลลิงสโตน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โรลลิงสโตน
image
image
ปกนิตยสารโรลลิงสโตน ฉบับที่ 1,000 ระหว่างวันที่ 18 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน ค.ศ. 2006
บรรณาธิการบริหารร่วมชอว์น วูดส์
เชอร์ลีย์ ฮาลเพอริน
หมวดหมู่วัฒนธรรมสมัยนิยม
นิตยสารรายรายเดือน
ผู้พิมพ์ผู้โฆษณาไบรอัน เซจกา
ยอดพิมพ์รวม
(มิถุนายน 2023)
423,377[1]
ผู้ก่อตั้งจันน์ เวนเนอร์
ราล์ฟ เจ. กลีสัน
ฉบับแรก9 พฤศจิกายน 1967; 58 ปีก่อน (1967-11-09)
บริษัทเพนสกีมีเดียคอร์ปอเรชัน
ประเทศสหรัฐ
เมือง475 ฟิฟต์อเวนิว, ชั้น 10, นครนิวยอร์ก, สหรัฐ
ภาษาอังกฤษ
เว็บไซต์rollingstone.com
ISSN0035-791X
OCLC969027590

โรลลิงสโตน (อังกฤษ: Rolling Stone) เป็นนิตยสารรายเดือนของสหรัฐที่มุ่งเน้นด้านดนตรี การเมือง และวัฒนธรรมประชานิยม ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1967 ณ เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยแจน เวนเนอร์ และนักวิจารณ์ดนตรี ราล์ฟ เจ. กลีสัน

ในระยะแรก นิตยสารฉบับนี้เป็นที่รู้จักจากการนำเสนอข่าวสารเกี่ยวกับดนตรีร็อก และบทความรายงานทางการเมืองของฮันเตอร์ เอส. ทอมป์สัน ต่อมาในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 นิตยสารได้ขยายขอบเขตและเปลี่ยนแนวทางไปมุ่งเน้นกลุ่มผู้อ่านวัยหนุ่มสาวที่สนใจรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และดนตรีร่วมสมัย[2] จากนั้นจึงได้หวนกลับมาสู่แนวทางดั้งเดิม ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างดนตรี ความบันเทิง และการเมือง

นิตยสารฉบับแรกตีพิมพ์เมื่อปี 1967 โดยมีจอห์น เลนนอน ปรากฏบนปก และออกวางจำหน่ายทุกสองสัปดาห์ นิตยสารนี้มีชื่อเสียงจากภาพถ่ายที่ยั่วยุความคิดและภาพปกที่โดดเด่น ซึ่งมักเป็นภาพของศิลปิน นักการเมือง นักกีฬา และนักแสดง นอกจากฉบับตีพิมพ์ในสหรัฐแล้ว ยังมีการเผยแพร่เนื้อหาผ่านเว็บไซต์ โรลลิงสโตน.คอม และฉบับภาษาต่างประเทศอีกหลายประเทศ

นิตยสารโรลลิงสโตน เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 แต่ต่อมาประสบภาวะตกต่ำทางการเงินอย่างรุนแรงในคริสต์ศตวรรษที่ 21[3] ส่งผลให้แจน เวนเนอร์ ต้องขายหุ้นร้อยละ 49 ของนิตยสารให้แก่บริษัทแบนด์แล็บเทคโนโลจีส์ในปี 2016 และขายหุ้นที่เหลือร้อยละ 51 ให้แก่บริษัทเพนสกีมีเดียคอร์ปอเรชันในปี 2017[4][5] ต่อมาในปี 2019 บริษัทเพนสกีมีเดียคอร์ปอเรชันได้เข้าซื้อหุ้นร้อยละ 49 จากแบนด์แล็บเทคโนโลจีส์ ทำให้บริษัทดังกล่าวกลายเป็นเจ้าของนิตยสาร โรลลิงสโตน โดยสมบูรณ์[6]

ปกนิตยสาร

[]

ศิลปินบางคนได้รับการนำเสนอบนหน้าปกนิตยสารหลายครั้ง และภาพถ่ายบางภาพได้กลายเป็นภาพอันเป็นสัญลักษณ์ในเวลาต่อมา ตัวอย่างเช่น เดอะบีเทิลส์ ได้ปรากฏบนหน้าปกมากกว่า 30 ครั้ง ทั้งในฐานะสมาชิกเดี่ยวและในนามวง[7] นิตยสาร โรลลิงสโตน เป็นที่รู้จักจากการใช้ภาพถ่ายที่สื่ออารมณ์อย่างท้าทาย และตลอดประวัติศาสตร์ของนิตยสารได้มีการนำเสนอภาพของนักดนตรีและบุคคลที่มีชื่อเสียงบนหน้าปกอยู่เสมอ[8][9] หน้าปกฉบับวันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 1981 ซึ่งเป็นภาพของจอห์น เลนนอน และโยโกะ โอโนะ ได้รับการยกย่องจากนิตยสารแวนนิตีแฟร์ ให้เป็น "หน้าปกของ โรลลิงสโตน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล"[10]

นิตยสารใช้เงิน 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (เทียบเท่ากับ 1.56 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2024) เพื่อสร้างหน้าปกฮอโลกราฟี 3 มิติให้กับฉบับพิเศษที่ 1,000 (18 พฤษภาคม 2006) ซึ่งมีภาพคนดังและบุคคลอื่น ๆ มากมาย[11]

ในวัฒนธรรมประชานิยม

[]

เพลงของจอร์จ แฮร์ริสัน ในปี 1975 ที่มีชื่อว่า "This Guitar (Can’t Keep from Crying)" ซึ่งเป็นภาคต่อของบทเพลง "While My Guitar Gently Weeps" (1968) ในสมัยอยู่กับวง เดอะบีเทิลส์ ได้กล่าวถึงนิตยสาร โรลลิงสโตน ในท่อนที่สองของเพลงว่า "Learned to get up when I fall / Can even climb Rolling Stone walls" (แปล: เรียนรู้ที่จะลุกขึ้นเมื่อฉันล้ม / ถึงกับปีนข้ามกำแพงของ โรลลิงสโตน ได้) เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นเพื่อตอบโต้บทวิจารณ์ที่เป็นลบอย่างรุนแรงจากนิตยสาร โรลลิงสโตน และสื่ออื่น ๆ ที่มีต่อการทัวร์คอนเสิร์ตอเมริกาเหนือของแฮร์ริสันในปี 1974 รวมถึงอัลบั้ม Dark Horse ของเขาเอง[12][13]

ภาพยนตร์เรื่อง อีกนิด...ก็ดังแล้ว ที่ออกฉายในปี 2000 มีเนื้อหาเกี่ยวกับนักข่าววัยรุ่นที่เขียนบทความให้กับนิตยสาร โรลลิงสโตน ในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษทศวรรษ 1970 ขณะติดตามวงดนตรีสมมุติชื่อ สติลวอเตอร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยแคเมอรอน โครว์ และมีพื้นฐานจากประสบการณ์จริงของเขาในฐานะนักข่าววัยหนุ่มที่ทำงานให้กับนิตยสาร โรลลิงสโตน ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น[14]

เพลง "The Cover of Rolling Stone" เป็นผลงานที่แต่งโดยเชล ซิลเวอร์สตีน และบันทึกเสียงครั้งแรกโดยวงร็อกสัญชาติอเมริกัน ด็อกเตอร์ฮุกแอนด์เดอะเมดิซินโชว์ เพลงนี้เป็นการล้อเลียนความสำเร็จในวงการดนตรี โดยผู้บรรยายในเพลงกล่าวอย่างขมขื่นว่าวงของเขา แม้จะมีลักษณะภายนอกของร็อกสตาร์ผู้โด่งดังครบถ้วน ทั้งการใช้ยาเสพติด, การมี "กลุ่มแฟนวัยรุ่นที่ยอมทำทุกอย่างตามที่เราพูด" และการเล่นกีตาร์อย่างเร้าใจ แต่ก็ยังไม่สามารถ "ได้ลงรูปบนหน้าปกของโรลลิงสโตน" ได้เลย[15]

เพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม The Final Cut ของวงพิงก์ฟลอยด์ มีเนื้อร้องท่อนหนึ่งว่า "Would you sell your story to Rolling Stone?" (แปล: คุณจะขายเรื่องราวของคุณให้กับนิตยสารโรลลิงสโตน หรือไม่?)

เพลง "Baker Street Muse" จากอัลบั้ม Minstrel in the Gallery ของวงเจโทร ทัล มีเนื้อร้องตอนหนึ่งว่า "I have no time for Time Magazine or Rolling Stone" (แปล: ฉันไม่มีเวลาให้กับนิตยสารไทม์ หรือโรลลิงสโตน)

เพลง "Sunset Boulevard" ของชาร์ลี โรบิสัน ในปี 1998 ได้เอ่ยถึงนิตยสารโรลลิงสโตน ในท่อนว่า "Well, I wish I had my picture on the Rolling Stone today" (แปล: อยากให้วันนี้ฉันมีรูปของตัวเองอยู่บนหน้าปกโรลลิงสโตน เหลือเกิน)

ในนวนิยายเรื่อง Firestarter ของสตีเวน คิง ตัวเอกของเรื่องตัดสินใจจะเล่าเรื่องราวของตนให้กับนิตยสารโรลลิงสโตน

ในเพลง "California" ของโจนี มิตเชลล์ ก็มีการกล่าวถึงนิตยสารในท่อนว่า "Reading Rolling Stone reading Vogue" (แปล: อ่านโรลลิงสโตน อ่านโว้ก)

ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2022 มีการเปิดการแสดงละครนอกบรอดเวย์เรื่อง Retraction ซึ่งดัดแปลงจากเหตุการณ์อื้อฉาวเกี่ยวกับบทความ "A Rape on Campus" และคดีทางกฎหมายที่ตามมา ละครเรื่องนี้เปิดการแสดงครั้งแรกที่โรงละครโฟร์แห่งโรงละครโรว์ ในนครนิวยอร์ก สหรัฐ[16][17][18][19]

อ้างอิง

[]
  1. "Total Circ". Audit Bureau of Circulations. จากแหล่งเดิมเมื่อ December 16, 2013. สืบค้นเมื่อ October 19, 2022.
  2. Freedman, Samuel G. (2002). "Literary 'Rolling Stone' sells out to male titillation". USA Today. จากแหล่งเดิมเมื่อ March 12, 2009. สืบค้นเมื่อ February 12, 2009.
  3. Cohen, Rich (2017-11-06). "The Rise and Fall of Rolling Stone". The Atlantic (ภาษาอังกฤษ). ISSN 2151-9463. จากแหล่งเดิมเมื่อ November 6, 2017. สืบค้นเมื่อ 2024-07-25.
  4. Ember, Sydney (2017-09-18). "Rolling Stone, Once a Counterculture Bible, Will Be Put Up for Sale". The New York Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0362-4331. จากแหล่งเดิมเมื่อ October 4, 2017. สืบค้นเมื่อ 2024-07-25.
  5. Ember, Sydney (2017-12-21). "Rolling Stone Publisher Sells Majority Stake to Penske, Owner of Variety". The New York Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0362-4331. จากแหล่งเดิมเมื่อ October 1, 2018. สืบค้นเมื่อ 2024-07-25.
  6. Variety Staff (2019-01-31). "Penske Media Takes Full Ownership of Rolling Stone". Variety (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). จากแหล่งเดิมเมื่อ June 3, 2024. สืบค้นเมื่อ 2024-07-25.
  7. Wenner, Jann (2006). . Rolling Stone. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 2, 2006. สืบค้นเมื่อ September 21, 2006.
  8. Ember, Sydney; Sisario, Ben (September 18, 2017). "Dylan, Obama and a Crown of Thorns: 50 Years of Rolling Stone (Published 2017)". The New York Times. จากแหล่งเดิมเมื่อ November 12, 2020. สืบค้นเมื่อ February 2, 2021. Its covers minted stars.
  9. Havers, Richard (November 9, 2018). "On The Cover Of The 'Rolling Stone'". uDiscoverMusic. จากแหล่งเดิมเมื่อ August 15, 2019. สืบค้นเมื่อ August 15, 2019.
  10. Hagan, Joe (September 29, 2017). "Jann Wenner, John Lennon, and the Greatest Rolling Stone Cover Ever". Vanity Fair. จากแหล่งเดิมเมื่อ August 21, 2019. สืบค้นเมื่อ September 9, 2019.
  11. Johnson, Peter (May 1, 2006). "Lots of people will get their pictures on the cover". USA Today. จากแหล่งเดิมเมื่อ February 14, 2022. สืบค้นเมื่อ February 14, 2022.
  12. Leng, Simon (2006). While My Guitar Gently Weeps: The Music of George Harrison. Milwaukee, WI: Hal Leonard. pp. 181–82.
  13. Clayson, Alan (2003). George Harrison. London: Sanctuary. p. 350. ISBN 9781860743498.
  14. "Biography," กรกฎาคม 29, 2018 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน The Uncool: The Official Website for Everything Cameron Crowe. Accessed December 14, 2014.
  15. "1973 Rolling Stone Covers". Rolling Stone. June 22, 2004. จากแหล่งเดิมเมื่อ May 8, 2021. สืบค้นเมื่อ February 26, 2021.
  16. Ryan, Jed (May 11, 2022). "RETRACTION By David Gutierrez on NYC's Theatre Row: A Review". LAVENDER AFTER DARK (because life begins when the sun goes down...) (ภาษาอังกฤษ). จากแหล่งเดิมเมื่อ May 21, 2022. สืบค้นเมื่อ June 1, 2023.
  17. Cristi, A. A. "RETRACTION by David Gutierrez Opens On Theatre Row". BroadwayWorld.com (ภาษาอังกฤษ). จากแหล่งเดิมเมื่อ June 3, 2022. สืบค้นเมื่อ June 1, 2023.
  18. Cope, Liz (May 7, 2022). "A lawyer takes to the stage to state his case". Arts Independent (ภาษาอังกฤษ). จากแหล่งเดิมเมื่อ June 3, 2022. สืบค้นเมื่อ June 1, 2023.
  19. Cope, Liz (April 27, 2022). "RETRACTION by David Gutierrez: What are the costs behind seeking the "truth?"". Arts Independent (ภาษาอังกฤษ). จากแหล่งเดิมเมื่อ May 18, 2022. สืบค้นเมื่อ June 1, 2023.

แหล่งที่มา

[]
  • Green, Robin (August 21, 2018). The Only Girl: My Life and Times on the Masthead of Rolling Stone (ภาษาอังกฤษ). Little, Brown. ISBN 978-0-316-44005-9.The Only Girl (book)
  • Hagan, Joe (October 24, 2017). Sticky Fingers: The Life and Times of Jann Wenner and Rolling Stone Magazine (ภาษาอังกฤษ). Knopf Doubleday Publishing Group. ISBN 978-1-101-87438-7.
  • Macadams, Lewis (October 2007). Jann Wenner and His Times (ภาษาอังกฤษ). Random House. ISBN 978-0-224-07349-3.
  • Ragen, Brian Abel (2002). Tom Wolfe: A Critical Companion. Westport, Connecticut: Greenwood Press. ISBN 0-313-31383-0.
  • Wenner, Jann S. (September 13, 2022). Like a Rolling Stone: A Memoir (ภาษาอังกฤษ). Little, Brown. ISBN 978-0-316-41539-2.

อ่านเพิ่ม

[]
  • Ember, Sydney (September 17, 2017). "Rolling Stone, Once a Counterculture Bible, Will Be Put Up for Sale". The New York Times. ISSN 0362-4331.
  • Bashe, Patricia R.; George-Warren, Holly; Pareles, Jon, บ.ก. (2005) [1983]. The Rolling Stone Encyclopedia of Rock & Roll. New York: Fireside. ISBN 0-7432-9201-4.
  • Brackett, Nathan; Hoard, Christian, บ.ก. (2004) [1979, 1983, 1992]. The New Rolling Stone Album Guide. New York: Simon & Schuster. ISBN 0-7432-0169-8.
  • Miller, Jim (1980) [1976]. The Rolling Stone Illustrated History of Rock & Roll. New York: Random House. ISBN 0-394-51322-3.
  • Rolling Stone Cover to Cover – the First 40 Years: Searchable Digital Archive-Every Page, Every Issue. Renton, WA: Bondi Digital Pub. 2007. ISBN 978-0-9795261-0-7.
  • Swenson, John (1985). The Rolling Stone Jazz Record Guide. New York: Rolling Stone. ISBN 0-394-72643-X.

แหล่งข้อมูลอื่น

[]

วิกิพีเดีย, วิกิ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, มือถือ, โทรศัพท์, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, แอปเปิ้ล, สมาร์ทโฟน, พีซี, เว็บ, คอมพิวเตอร์, ข้อมูลเกี่ยวกับ โรลลิงสโตน, โรลลิงสโตน คืออะไร? โรลลิงสโตน หมายความว่าอะไร?

0 ตอบกลับ

ฝากคำตอบ

ต้องการเข้าร่วมการสนทนาหรือไม่?
คุณสามารถร่วมเขียนได้!

เขียนคำตอบ

ช่องที่จำเป็นถูกทำเครื่องหมายด้วยดาว *