แมวทราย
| แมวทราย | |
|---|---|
| สถานะการอนุรักษ์ | |
CITES Appendix II (CITES)[1] | |
| การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
| อาณาจักร: | สัตว์ Animalia |
| ไฟลัม: | สัตว์มีแกนสันหลัง Chordata |
| ชั้น: | สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม Mammalia |
| อันดับ: | สัตว์กินเนื้อ Carnivora |
| อันดับย่อย: | เฟลิฟอเมีย Feliformia |
| วงศ์: | เสือและแมว Felidae |
| วงศ์ย่อย: | แมว Felinae |
| สกุล: | สกุลแมว Felis Loche, 1858 |
| สปีชีส์: | Felis margarita[2] |
| ชื่อทวินาม | |
| Felis margarita[2] Loche, 1858 | |
| ชนิดย่อย | |
| F. m. margarita Loche, 1858 | |
| ถิ่นกระจายพันธุ์ใน ค.ศ. 2016[1] | |
| ชื่อพ้อง[2] | |
| รายการ
| |
แมวทราย, แซนด์แคท หรือ แมวเนินทราย (อังกฤษ: Sand cat, Sand dune cat[1]; ชื่อวิทยาศาสตร์: Felis margarita) สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประเภทกินเนื้อชนิดหนึ่ง จำพวกแมวป่า นับเป็นแมวป่าขนาดเล็กที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง
ลักษณะ
[]แมวทรายเป็นแมวที่อยู่ในสกุล Felis เช่นเดียวกับแมวบ้าน (F. catus) หรือแมวป่า (F. chaus) เป็นแมวที่มีขนาดเล็ก ช่วงขาสั้น หางยาว หัวมีลักษณะกลมใหญ่ มีขนสีน้ำตาลซีดจนถึงเทาอ่อนกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม ขนใต้ท้องสีขาว มีแถบสีดำที่ทั้งสีข้างและหาง มีแถบสีแดงเข้มพาดจากหางตามาถึงแก้ม เยื่อเมือกดวงตาเป็นสีดำ ใบหูใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยมปลายเรียว ช่วยในการได้ยินเสียงค่อนข้างดี และสามารถจับแรงสั่นสะเทือนบนพื้นทรายได้ดีกว่าสัตว์ชนิดอื่น มีความสูงถึงช่วงไหล่ประมาณ 24–36 เซนติเมตร (9.4–14.2 นิ้ว) และน้ำหนัก 1.5–3.4 กิโลกรัม (3.3–7.5 ปอนด์) ความยาวลำตัวหัวประมาณ 39–52 เซนติเมตร (15-20 นิ้ว) และความยาวหาง 23.2–31 เซนติเมตร (9.1–12.2 นิ้ว) มีขนที่อุ้งตีนช่วยป้องกันความร้อนจากพื้นและช่วยเก็บเสียงขณะเดินบนพื้นที่มีผิวหยาบร่วน เมื่อเดินบนพื้นทรายแทบจะไม่ปรากฏรอยเท้าเลย ประสาทหูไวมาก เหมาะสำหรับการหาเหยื่อในพื้นที่ที่หาเหยื่อยาก คาดว่าแมวทรายได้ยินเสียงอัลตราโซนิกจากเหยื่อที่อยู่ใต้ดินได้เช่นเดียวกับเซอร์วัล (Leptailurus serval) ซึ่งเป็นแมวป่าที่มีขนาดใหญ่กว่า มีความทนทนต่อสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกันสุดขั้วในทะเลทราย ตั้งแต่ –5 องศาเซลเซียส จนถึง 52 องศาเซลเซียส ในช่วงฤดูหนาวขนของแมวทรายอาจยาวงอกมากกว่าปกติได้ถึง 5 เซนติเมตร เพื่อให้ร่างกายได้รับความอบอุ่น[3]
การออกหากิน
[]แมวทรายหากินเวลากลางคืน ส่วนเวลากลางวันมักใช้เวลาส่วนใหญ่ในโพรงตื้น ๆ ที่ขุดไว้ตามเนินทราย ในดงไม้แคระนอนอยู่ไม่ไกลจากปากโพรง กินอาหารด้วยการจับสัตว์เล็ก ๆ เช่น หนู, นก, กระต่ายป่า, สัตว์เลื้อยคลาน, แมลง มีระยะทางในการออกหากินไกลถึง 5–10 กิโลเมตร แมวทรายเป็นแมวที่ปีนป่ายและกระโดดได้ไม่เก่ง แต่มีทักษะการขุดที่ยอดเยี่ยมเพราะมีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำรงชีพ เพราะต้องใช้ในการขุดโพรงเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยรวมถึงเลี้ยงลูกและหาเหยื่อ บางครั้งอาจจะใช้รูของสัตว์อื่นขุดทิ้งไว้ก็มี แต่แมวทรายก็ตกเป็นเหยื่อของสัตว์ขนาดใหญ่กว่า เช่น คาราคัล (Caracal caracal) ซึ่งเป็นแมวป่าเหมือนกัน หรือหมาป่า[4]
เนื่องจากสภาพที่อยู่อาศัยเป็นทะเลทราย มีความแห้งแล้ง แมวทรายจึงดูดเลือดจากเหยื่อที่จับได้ด้วยแทนน้ำ[5]
ถิ่นที่อยู่และชนิด
[]แมวทรายกระจายพันธุ์ในแถบทะเลทรายของภูมิภาคเอเชียเหนือ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาทางตอนเหนือ โดยกระจายออกไปในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ทะเลทรายสะฮาราหรือทะเลทรายอาหรับ แบ่งออกได้เป็น 6 ชนิดย่อย ดังนี้ (แต่ตัวอย่างต้นแบบสาบสูญหายไป[6])
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ตารางการจำแนกแมวในสกุล Felis [7] |
- F. m. margarita (Loche, 1858) – พบจากแอลจีเรียไปทางใต้จนถึงภูเขาอาอีร์ในไนเจอร์, คาบสมุทรไซนาย และคาบสมุทรอาหรับ;[8]
- F. m. thinobia (Ognew, 1926) – จากทะเลทรายคาราคุมไปจนถึงตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองทืร์กเมนบาชือในเติร์กเมนิสถาน และทางตอนใต้ของทะเลทรายคาราคุมจนถึงตะวันตกของเมืองบูคาราในอุซเบกิสถาน และในพื้นที่ทรานส์แคสเปียน จนถึงพื้นที่สงวนชีวมณฑลเรเพเทค;[9] ชนิดนี้ในบางข้อมูลอาจแยกให้เป็นชนิดต่างหาก[6]
- F. m. scheffeli (Hemmer, 1974) – พบในทะเลทรายนุชกีในปากีสถาน;[10]
- F. m. harrisoni (Hemmer, Grubb & Groves, 1976) – พบในคาบสมุทรอาหรับ[11]
- F. m. meinertzhageni (Pocock, 1938) – พบเฉพาะทะเลทรายสะฮาราในแอลจีเรีย, จัดเป็นสัตว์เฉพาะถิ่น[12]
- F. m. aïrensis (Pocock, 1951) – พบเฉพาะเฟรนซ์ซูดาน, จัดเป็นสัตว์เฉพาะถิ่น[12]
แมวทรายมีระยะเวลาตั้งท้องนาน 59–66 วัน ตกลูกครั้งละเฉลี่ย 3 ตัว ตั้งท้องได้ 2–3 ครั้งในรอบปี ด้วยรูปร่างลักษณะที่เล็ก ดูแลน่ารัก ทำให้แมวทรายได้รับความนิยมในการเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงของมนุษย์และจัดแสดงในสวนสัตว์ รวมถึงมีการล่าเป็นเกมกีฬาและการทำลายถิ่นที่อยู่อาศัย[1] แมวทรายที่ถูกนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงและเพาะขยายพันธุ์ในสวนสัตว์ต่าง ๆ มักจะตายด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ[13][14] จึงทำให้เป็นสัตว์ที่อยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะเข้าใกล้ถูกคุกคาม
โดยภาพเคลื่อนไหวของลูกแมวทรายนั้นยังไม่เคยมีใครบันทึกไว้ได้เลย จนกระทั่งเดือนเมษายน ค.ศ. 2017 มีการถ่ายภาพเคลื่อนไหวของลูกแมวทรายได้เป็นครั้งแรกของโลกโดยสถาบันแพนเทอรา ซึ่งเป็นสถาบันที่ศึกษาเกี่ยวกับสัตว์จำพวกแมวและเสือโดยเฉพาะ โดยเป็นลูกแมวทรายที่อาศัยอยู่ในโพรงที่ทะเลทรายสะฮารา ในประเทศโมร็อกโก อายุคาดว่า 6–8 เดือน จำนวน 3 ตัว ที่โผล่ออกมาเล่นนอกโพรง เชื่อว่าแม่แมวทรายคงจะออกไปหาอาหาร[15]
อ้างอิง
[]- Sliwa, A.; Ghadirian, T.; Appel, A.; Banfield, L.; Sher Shah, M. & Wacher, T. (2016). "Felis margarita". IUCN Red List of Threatened Species. 2016: e.T8541A50651884. doi:10.2305/IUCN.UK.2016-2.RLTS.T8541A50651884.en. สืบค้นเมื่อ 24 มกราคม 2022.
- Wozencraft, W. C. (2005). "Species Felis margarita". ใน Wilson, D. E.; Reeder, D. M. (บ.ก.). Mammal Species of the World: A Taxonomic and Geographic Reference (3rd ed.). Johns Hopkins University Press. p. 536. ISBN 978-0-8018-8221-0. OCLC 62265494.
- Briggs, M.; Briggs, P. (2006). The Encyclopedia of World Wildlife. Somerset, UK: Parragon Publishing. p. 45. ISBN 978-1-4054-8292-9.
- Mendelssohn, H. (1989). Felids in Israel. Cat News 10: 2–4.
- "เรื่องน่าทึ่งของสัตว์ตระกูลแมว ตอน สุดยอดแมว". ไทยพีบีเอส. 13 พฤศจิกายน 2019. สืบค้นเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2019.
- Cole, F.R.; Wilson, D.E. (2015). (PDF). Mammalian Species. 47 (924): 63–77. doi:10.1093/mspecies/sev007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 10 ธันวาคม 2016. สืบค้นเมื่อ 3 มิถุนายน 2016.
- Mattern, M.Y.; McLennan, D.A. (2000). "Phylogeny and speciation of felids". Cladistics. 16 (2): 232–53. doi:10.1111/j.1096-0031.2000.tb00354.x.
- Ellerman, J. R. and Morrison-Scott, T. C. S. (1966). Checklist of Palaearctic and Indian mammals 1758 to 1946. Second edition. British Museum of Natural History, London. pp. 306–307.
- Ognew, S. (1927). "A new genus and species of cat from the Transcaspian region". Annuaire du Musée Zoologique Académie des Sciences USSR. 27: 356–62.
- Hemmer, H. (1974). "Studies on the systematics and biology of the sand cat". Zeitschrift des Kölner Zoo (ภาษาเยอรมัน). 17 (1): 11–20.
- Hemmer, H., Grubb, P. and C. P. Groves (1976). Notes on the sand cat, Felis margarita Loche 1958. Zeitschrift für Säugetierkunde 41: 286–303.
- Pocock, R. I. (1951). Catalogue of the genus Felis. British Museum (Natural History), London, 190 pp.
- Bray, S., บ.ก. (2010). (PDF). Felid TAG Times. May 2010: 3. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 14 พฤษภาคม 2013.
- Krystian, M. (14 สิงหาคม 2012). Rare Sand Kittens Born in Israel After Years of Rumored Extinction. The International Business Times TV. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 มกราคม 2013.
- หน้า 2, พบลูก"แมวทราย"น่ารักสุดๆ. "เปิดม่าน JOKE OPERA" โดย ดอย ดอกฝิ่น. ไทยรัฐปีที่ 68 ฉบับที่ 21813: วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2560 แรม 6 ค่ำ เดือน 11 ปีระกา
แหล่งข้อมูลอื่น
[]- "Sand Cat Working Group". Wild Cat Network.
- . IUCN/SSC Cat Specialist Group. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2018. สืบค้นเมื่อ 22 กรกฎาคม 2022.
- Sand Cat: The King of the Desert. Animalogic. 2020. จากแหล่งเดิมเมื่อ 24 กรกฎาคม 2022. สืบค้นเมื่อ 22 กรกฎาคม 2022.
- Sand Cat: How does this cat survive in the desert without water? Sand cat versus snakes and scorpion. Wildopedia. 2021.
- สิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการสูญพันธุ์
- แมว
- สัตว์ที่พบในทวีปเอเชีย
- สัตว์ที่พบในทวีปแอฟริกา
วิกิพีเดีย, วิกิ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, มือถือ, โทรศัพท์, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, แอปเปิ้ล, สมาร์ทโฟน, พีซี, เว็บ, คอมพิวเตอร์, ข้อมูลเกี่ยวกับ แมวทราย, แมวทราย คืออะไร? แมวทราย หมายความว่าอะไร?


ฝากคำตอบ
ต้องการเข้าร่วมการสนทนาหรือไม่?คุณสามารถร่วมเขียนได้!