เจ้าสีหนุ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก )
พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ
พระมหาวีรกษัตริย์
image
พระบรมฉายาลักษณ์ใน ค.ศ. 1948
พระมหากษัตริย์กัมพูชา (ครั้งแรก)
ครองราชย์ ครั้งที่ 124 เมษายน 1941 – 2 มีนาคม 1955
ราชาภิเษก3 พฤษภาคม 1941
ก่อนหน้าพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์
ถัดไปพระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต
ผู้ว่าอินโดจีน
ดูรายชื่อ
  • ลียง ทรีเบาดูว์
    จอร์เจส เกาตีเยร์
    มานากิ ทาคาโนบุ
    เอ็ดเวิร์ด เมอร์รีย์
    พอล ฮาร์ท
    รอเมน เปนาวีย์
    ลียง พิกนง
    ฌ็อง เดอ เรย์มองด์
    อีฟ ดีโก
    ฌ็อง ริสเตรุสซี
ประมุขแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
ดำรงตำแหน่ง20 มิถุนายน 1960 – 18 มีนาคม 1970
ก่อนหน้าจวบ แฮล (รักษาการประมุข)
ถัดไปเจง เฮง (รักษาการประมุข)
ลอน นอล (ประธานาธิบดี)
นายกรัฐมนตรี
ดูรายชื่อ
  • โพธิ์ เพรือง
    แปน นุต
    พระองค์เอง
    พระนโรดม กันตล
    ลอน นอล
    ซอน ซาน
ประมุขแห่งกัมพูชาประชาธิปไตย
ดำรงตำแหน่ง17 เมษายน 1975 – 2 เมษายน 1976
ก่อนหน้าสัก สุตสคาน
ถัดไปเขียว สัมพัน
นายกรัฐมนตรีแปน นุต
พระมหากษัตริย์กัมพูชา (ครั้งที่สอง)
ครองราชย์24 กันยายน 1993 – 6 ตุลาคม 2004
ก่อนหน้าไม่มี; ฟื้นฟูระบอบกษัตริย์
ถัดไปพระนโรดม สีหมุนี
นายกรัฐมนตรี
ดูรายชื่อ
  • นโรดม รณฤทธิ์
    ฮุน เซน
    อึง ฮวด
พระราชสมภพ(1922-10-31)31 ตุลาคม ค.ศ. 1922
พนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา อินโดจีนของฝรั่งเศส
สวรรคต15 ตุลาคม ค.ศ. 2012(2012-10-15) (89 ปี)
ปักกิ่ง ประเทศจีน
ถวายพระเพลิง4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013
ลานพระเมรุ
บรรจุพระอัฐิวัดพระแก้วมรกต
พระภรรยาเจ้าพระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ พงสานมุนี (สมรส 1942; หย่า 1951)
พระองค์เจ้าสีสุวัตถิ์ มุนีเกสร (สมรส 1944; เสียชีวิต 1946)
สมเด็จพระราชกนิษฐานโรดม นรลักษมิ์ (สมรส 1955; หย่า 1968)
พระมหาวีรกษัตรีย์นโรดม มุนีนาถ สีหนุ พระวรราชมารดา (สมรส 1955)
พระสนมพัต กันฮอล (สมรส 1942; หย่า 1946)
มะนีวัน พานีวง (สมรส 1949; หย่า 1955)
พระราชบุตร
รายละเอียด
14 พระองค์
พระนามเต็ม
พระกรุณา พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พระมหาวีรกษัตริย์ พระวรราชบิดาเอกราช บูรณภาพดินแดน และความเป็นเอกภาพแห่งชาติเขมร
พระรัชกาลนาม
พระกรุณา พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ราชหริวงศ์ อุภโตสุชาติ วิสุทธิวงศ์ อัคคมหาบุรุษรัตน์ นิกโรดม ธัมมิกมหาราชาธิราช บรมนาถ บรมบพิตร พระเจ้ากรุงกัมพูชาธิบดี
พระนามเดิม
นักองราชวงศ์นโรดม สีหนุ
พระสมัญญานาม
พระกรุณา พระบรมรัตนโกศ
ราชวงศ์ตรอซ็อกผแอม
ราชสกุลนโรดม
พระราชบิดาพระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต
พระราชมารดาสมเด็จพระมหากษัตริยานี สีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ กุสุมะ นารีรัตน์ สิรีวัฒนา
ศาสนาพุทธเถรวาท
อาชีพนักดนตรี ผู้กำกับภาพยนตร์ นักการเมือง
ลายพระอภิไธยimage
พรรคการเมืองสังคมราษฎรนิยม (ค.ศ. 1955–1970)
ฟุนซินเปก (ค.ศ. 1981–1991)

พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ (เขมร: នរោត្ដម សីហនុ; นโรตฺฎม สีหนุ ออกเสียง โนโรด็อม สีหนุ[1]) พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 112 แห่งชนชาติกัมพูชา เป็นผู้นำสูงสุดของกัมพูชาอย่างแท้จริงตั้งแต่ได้รับเอกราชปี 1953 จนกระทั่งถูกรัฐสภาถอดถอนในปี 1970

พระองค์ถือเป็นผู้นำที่มีความซับซ้อนที่สุดคนหนึ่งของเอเชียอาคเนย์ พระองค์สร้างความเป็นหนึ่งเดียวของคนในชาติในช่วงที่กัมพูชากำลังแสวงหาเอกราชจากฝรั่งเศส พระองค์เชื่อมโยงขนบขอมกับกระแสชาตินิยม ทำให้สถาบันกษัตริย์กลายเป็นศูนย์กลางที่ประชาชนยึดถือเพื่อนำไปสู่การได้รับเอกราช การได้รับเอกราชในปี 1953 ผ่านการเจรจาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มิใช่ผ่านการใช้กำลังเหมือนหลายประเทศ แสดงถึงทักษะทางการเมืองและการทูตที่โดดเด่น

แต่ความสำเร็จดังกล่าวทำให้พระองค์เริ่มเชื่อมั่นในตัวเองสูงเกินไป ถึงขั้นมองว่าตนคือผู้เดียวที่สามารถนำพาและปกป้องประเทศ แต่ตำแหน่งกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญก็จำกัดให้ต้องวางองค์อยู่เหนือการเมือง ด้วยเหตุนี้ในปี 1955 พระองค์จึงสละราชสมบัติให้พระราชบิดา ได้รับพระยศใหม่เป็น สมเด็จพระอุปโยราช (นิยมเรียกว่าสมเด็จสีหนุ) แล้วก่อตั้งพรรคสังคมราษฎรนิยม ได้รับที่นั่งเกือบทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎรและขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

ตั้งแต่ปี 1953 สมเด็จสีหนุดำเนินนโยบายปราบขบวนการฝ่ายซ้าย มีการกวาดล้างปัญญาชนแนวสังคมนิยมและการควบคุมสื่อและการศึกษา กลุ่มนักศึกษาที่จบจากยุโรปซึ่งได้รับอิทธิพลจากลัทธิคอมมิวนิสต์ต่างต้องหลบหนี นโยบายเข้มข้นขึ้นหลังปี 1957 มีการปิดหนังสือพิมพ์ มีการจับกุม ข่มขู่ อุ้มหาย จนฝ่ายซ้ายไม่กล้าลงสมัครเลือกตั้ง สนามการเมืองเหลือแต่ฝ่ายขวา ส่งผลให้ขบวนการฝ่ายซ้ายต้องหันไปเคลื่อนไหวใต้ดิน จนเริ่มก่อตัวเป็นเขมรแดง[2]

ตั้งแต่ปี 1960 สงครามเวียดนามทวีความรุนแรง สมเด็จสีหนุใช้กลยุทธ์วางตัวเป็นกลาง โดยยอมรับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจากทั้งสหรัฐและจีน ต่อมาสีหนุประเมินว่าเวียดนามเหนือมีโอกาสชนะสูง จึงเลิกร่วมมือและเลิกรับเงินจากสหรัฐในปี 1963 แล้วเพิ่มสัมพันธ์กับจีนและโซเวียต โดยยอมให้เวียดนามเหนือใช้แผ่นดินกัมพูชาเป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธ แลกกับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจากค่ายคอมมิวนิสต์และคำมั่นว่าจะไม่รุกรานกัมพูชา แต่แม้ว่าสีหนุประเมินผลลัพธ์ของสงครามเวียดนามได้ถูกต้อง แต่ในขั้นนี้ กองกำลังเวียดกงกลับไม่ใช้กัมพูชาเป็นแค่เส้นทางลำเลียงอาวุธ แต่ถึงขั้นตั้งฐานปฏิบัติการในพื้นที่ชายแดนในอาณาเขตกัมพูชา ทำให้ชาวกัมพูชาในชุมชนเมืองไม่พอใจและเดินขบวนต่อต้านเวียดนามเหนือ สถานการณ์ทำให้สีหนุค่อยๆสูญเสียอิทธิพลในสภาซึ่งเต็มไปด้วยฝ่ายขวา ท้ายที่สุดในปี 1970 ขณะที่สีหนุเยือนฝรั่งเศสก็ถูกสภาลงมติถอดถอน กัมพูชาตกอยู่ใต้อำนาจของลอน นอล ซึ่งสนับสนุนสหรัฐ

สมเด็จสีหนุไม่ต้องการจบชีวิตทางการเมืองเช่นนี้ จึงตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่ปักกิ่ง ยอมร่วมมือกับจีนคอมมิวนิสต์ซึ่งอุ้มชูเขมรแดง จากนั้นจึงเริ่มทำกิจกรรมกับเขมรแดง อดีตกษัตริย์ผู้มีบารมีสามารถดึงดูดผู้คนมากมายเข้าร่วมกับเขมรแดง จนพัฒนาจากกองโจรขนาดเล็กเป็นกองกำลังขนาดใหญ่[3] จนกระทั่งเขมรแดงยึดพนมเปญในปี 1975 สีหนุก็เดินทางกลับกัมพูชาในฐานะประมุขแห่งรัฐในเชิงสัญลักษณ์ แต่อำนาจที่แท้จริงอยู่ในมือพล พต ซึ่งก่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ผู้คนนับล้าน สมเด็จสีหนุรักษาชีวิตไว้ได้เพราะอิทธิพลของจีน สี่ปีต่อมาเมื่อเวียดนามเข้ายึดพนมเปญและโค่นเขมรแดง สีหนุถูกปล่อยตัวออกนอกประเทศ เขากลายเป็นผู้นำพลัดถิ่นอีกครั้งและใช้ชีวิตที่ต่างประเทศกว่าสิบปี โดยจีนและเกาหลีเหนือยังคงให้การสนับสนุนเขาอย่างต่อเนื่อง ต่อมาหลังมีสนธิสัญญาสันติภาพปารีส 1991 เขาได้กลับกัมพูชาในฐานะผู้นำที่ทุกฝ่ายยอมรับ

สำหรับชาวกัมพูชาส่วนใหญ่ การกลับมาของสีหนุถือเป็นการกลับมาของพ่อหลวงแห่งแผ่นดินที่พวกเขายังจดจำในฐานะกษัตริย์ผู้นำพาเอกราชในปี 1953 การต้อนรับอย่างล้นหลามสะท้อนว่าฐานะทางสัญลักษณ์ของพระองค์ยังไม่เสื่อมสลาย แม้จะเผชิญกลียุคนับสองทศวรรษ แต่สายตาของชาวตะวันตกกลับมองว่าสีหนุเป็นผู้เดินหมากทางการเมืองผิดพลาด สีหนุพยายามแก้ต่างว่าหลังจากปี 1970 เขาเป็นเพียงอดีตผู้นำไร้อำนาจที่ถูกตัดขาดจากกลไกของรัฐ และการจับมือกับจีนและเขมรแดงเป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่ หากไม่ทำเช่นนั้น พระองค์และครอบครัวคงถูกทิ้งจากเวทีโลก สีหนุยังอ้างว่าตนไม่เคยคาดคิดว่าเขมรแดงจะก่อเหตุร้ายแรงเช่นนั้น[4]

พระองค์ทรงเป็น "ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองมากมายที่สุดในโลก"[5][6][7][8] กล่าวคือ เป็นพระมหากษัตริย์ 2 สมัย เป็นประมุขแห่งรัฐที่มิใช่ในฐานะกษัตริย์ 2 สมัย ประธานาธิบดี 1 สมัย นายกรัฐมนตรี 2 สมัย และประมุขรัฐบาลพลัดถิ่นอีก 1 สมัย

พระราชประวัติ

[]

พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ เสด็จพระราชสมภพเมี่อวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1922 ที่พระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล กรุงพนมเปญ มีพระยศแต่เดิมว่า นักองราชวงศ์นโรดม สีหนุ เป็นพระราชโอรสพระองค์แรกและพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต ที่พระราชสมภพแต่พระมหากษัตริยานีสีสุวัตถิ์มุนีวงศ์ กุสุมะนารีรัตน์เสรีวัฒนา มีพระอนุชาและขนิษฐาต่างมารดา ได้แก่ พระองค์เจ้านโรดม วิชรา, สมเด็จกรมขุนนโรดม สิริวุธ และ พระองค์เจ้านโรดม ปรียาโสภณ[9] ที่ประสูติแต่คุณเทพกัญญาโสภา (คิม อันยิป)[10]

พระองค์สืบเชื้อสายจากสองราชสกุล ได้แก่ ราชสกุลนโรดม กับ ราชสกุลสีสุวัตถิ์ สองราชสกุลที่ขัดแย้งกันในพระราชวงศ์ การที่พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระนโรดม สุรามฤต แห่งราชสกุลนโรดม และสมเด็จพระมหากษัตริยานีสีสุวัตถิ์ กุสุมะ นารีรัตน์ สิริวัฒนา แห่งราชสกุลสีสุวัตถิ์ นั้นทำให้พระองค์ทรงเป็นเสมือนผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างสองราชสกุลให้ยุติลงและหันมาปรองดองกัน[11]

สมเด็จกรมพระนโรดม สุทธารส และพระองค์เจ้านโรดม พงางาม เจ้าปู่และเจ้าย่าของพระองค์ เป็นพระราชบุตรต่างมารดาในพระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร โดยเจ้าปู่ สมเด็จกรมพระนโรดม สุทธารส ประสูติแต่คุณจอมเอี่ยมบุษบา สตรีชาวไทยจากสกุลอภัยวงศ์[12] ส่วนเจ้าย่า พระองค์เจ้านโรดม พงางาม ประสูติแต่เจ้าจอมมารดานวล[12] ดังนั้นพระองค์นับเป็นพระญาติชั้นที่ 2 ของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีในรัชกาลที่ 6 ซึ่งทรงอุบัติในสกุลอภัยวงศ์ และพระญาติชั้นที่ 3 ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมพระนครปฐมบรมขัตติยานี มหาธีรราชธิดา พระราชธิดาในในรัชกาลที่ 6 ผ่านทางคุณจอมเอี่ยมบุษบา ผู้เป็นทวดของพระองค์[13][14]

ส่วนเจ้าตาคือ พระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ กษัตริย์รัชกาลก่อนหน้า ซึ่งเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ ส่วนพระอัยยิกาฝ่ายพระชนนีคือ นักองมจะ นโรดม กาญจนวิมาน นรลักขณเทวี พระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระนโรดม พรหมบริรักษ์[15]

กษัตริย์ใต้อำนาจฝรั่งเศส

[]

เหตุแห่งการครองราชย์

[]

หลังจากพระบาทสมเด็จพระสีสุวัตถิ์ มุนีวงศ์ เสด็จสวรรคตเมื่อปี 1941 ทางวิชีฝรั่งเศสได้คัดเลือกรัชทายาทไว้ 5 พระองค์ตามลำดับ คือ กรมพระสีสุวัตถิ์ มุนีเรศ กรมพระนโรดม สุทธารส นักองเจ้านโรดม สุรามฤต พระองค์เจ้านโรดม นรินทเดช และนักองราชวงศ์นโรดม สีหนุ

กรมพระสีสุวัตถิ์ มุนีเรศ รัชทายาทลำดับแรก และกรมพระนโรดม สุทธารส รัชทายาทลำดับสอง ค่อนข้างมีแนวคิดต่อต้านฝรั่งเศสจึงถูกตัดสิทธิ์ในการสืบราชสันตติวงศ์ ส่วนรัชทายาทลำดับที่สามนักองเจ้านโรดม สุรามฤต และพระองค์เจ้านโรดม นรินทเดช ก็ทรงถูกฝรั่งเศสข้ามลำดับเช่นเดียวกัน ฝรั่งเศสตัดสินใจมอบราชบัลลังก์ให้แก่นักองราชวงศ์นโรดม สีหนุ ในวัยเพียง 18 ปีด้วยเห็นว่าไม่มีเครือข่ายอำนาจ ขาดประสบการณ์ทางการเมือง น่าจะควบคุมพระองค์ได้ง่าย

ครองราชย์ครั้งแรก

[]
<0>imageimageimageimageimageimageimageimage
imageimage
image

image

image

image
image

<0>image

imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage
imageimage

  1. <>


image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image

image
image
image
image

image
image

image

image

วิกิพีเดีย, วิกิ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, มือถือ, โทรศัพท์, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, แอปเปิ้ล, สมาร์ทโฟน, พีซี, เว็บ, คอมพิวเตอร์, ข้อมูลเกี่ยวกับ เจ้าสีหนุ, เจ้าสีหนุ คืออะไร? เจ้าสีหนุ หมายความว่าอะไร?

0 ตอบกลับ

ฝากคำตอบ

ต้องการเข้าร่วมการสนทนาหรือไม่?
คุณสามารถร่วมเขียนได้!

เขียนคำตอบ

ช่องที่จำเป็นถูกทำเครื่องหมายด้วยดาว *