เครือดุสิตธานี
บทความนี้ยังต้องการเพิ่มแหล่งอ้างอิงเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง |
บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) (อังกฤษ: Dusit Thani Public Company Limited; ชื่อย่อ: DUSIT) หรือ เครือดุสิตธานี (Dusit Thani Group) เป็นเครือข่ายที่ให้บริการที่พักอาศัยประเภทโรงแรม และรีสอร์ท ตามจังหวัดและเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ ในประเทศไทย และต่างประเทศ โดยเฉพาะโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ (ปัจจุบันอาคารเดิมถูกรื้อถอนเพื่อสร้างใหม่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค) และยังเป็น 1 ใน 5 บริษัทจดทะเบียนที่เริ่มจดทะเบียนซื้อขายหลักทรัพย์ตั้งแต่วันเปิดทำการวันแรกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และยังคงมีการซื้อขายอยู่ในปัจจุบัน
![]() | |
| ประเภท | บริษัทมหาชนจำกัด |
|---|---|
การซื้อขาย | SET:DUSIT |
| อุตสาหกรรม | อสังหาริมทรัพย์ |
| ก่อตั้ง | 30 กันยายน พ.ศ. 2509 |
| ผู้ก่อตั้ง | ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย |
| สำนักงานใหญ่ | 319 อาคารจัตุรัสจามจุรี ชั้น 29 ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน |
| บุคลากรหลัก |
|
| ผลิตภัณฑ์ |
|
| รายได้ |
|
รายได้จากการดำเนินงาน |
|
รายได้สุทธิ |
|
| สินทรัพย์ |
|
| ส่วนของผู้ถือหุ้น |
|
| เจ้าของ |
|
| บริษัทในเครือ | วิมานสุริยา (70%) |
| เว็บไซต์ | www |
ประวัติ
ประวัติเครือดุสิตธานีสามารถแบ่งได้ 3 ยุค ดังนี้
พ.ศ. 2492 – 2544: การสร้างดุสิตธานีให้เป็นที่รู้จักในประเทศไทย
เครือดุสิตธานีมีรากฐานจากการเปิดโรงแรมแห่งแรกของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย คือโรงแรมปริ๊นเซส บนถนนเจริญกรุง ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา มาทรงเปิดและทรงร่วมเป็นประธานเลี้ยงฉลองเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2492
ต่อมาในปี พ.ศ. 2508 ท่านผู้หญิงชนัตถ์ได้ร่วมคณะของกระทรวงอุตสาหกรรมเดินทางไปทัศนศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น โดยได้เข้าพักในโรงแรมโอกุระโตเกียว แล้วเกิดความประทับใจ จึงต้องการสร้างโรงแรมระดับ 5 ดาวในประเทศไทย จึงปรึกษากับผู้เกี่ยวข้องและได้รับคำแนะนำต่าง ๆ หลังจากท่านผู้หญิงชนัตถ์เดินทางกลับถึงประเทศไทย จึงทำสัญญาเช่าที่ดิน 10 ไร่บริเวณหัวมุมด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของแยกศาลาแดง จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ปัจจุบันคือสำนักงานพระคลังข้างที่) เป็นระยะเวลา 30 ปี จากนั้นได้ขายสมบัติส่วนตัว รวมทั้งโรงแรมปริ๊นเซสที่ท่านก่อตั้ง และจำนองบ้านพักส่วนตัว พร้อมทั้งนำแผนโรงแรมไปเจรจากับแหล่งเงินทุนในต่างประเทศ โดยได้ปล่อยสินเชื่อระยะยาว ผ่านการค้ำประกันโดยธนาคารแหลมทอง (ปัจจุบันถูกควบรวมเป็นธนาคารยูโอบี) และช่วยการันตีโดยธนาคารกรุงไทย ทำให้การก่อสร้างโรงแแรมแห่งใหม่ของท่านเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2509 โดยท่านตั้งชื่อว่า โรงแรมดุสิตธานี ตามชื่อเมืองจำลองของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) เพื่อเทิดพระเกียรติรัชกาลที่ 6 โดยเฉพาะ เนื่องจากด้านหน้าทางเข้าสวนลุมพินีฝั่งตรงข้ามของโรงแรมนั้นประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ด้วย โดยท่านผู้หญิงชนัตถ์ได้ก่อตั้ง บริษัท ดุสิตธานี จำกัด ขึ้นเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2509 เพื่อดูแลโรงแรมดุสิตธานีโดยเฉพาะ จนกระทั่งโรงแรมดุสิตธานีก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2513 สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 จึงเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา มาทรงเปิดโรงแรมอีกครั้งเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2518 ท่านผู้หญิงชนัตถ์ได้นำดุสิตธานีเข้าเป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มแรกที่จดทะเบียนและเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในวันเปิดทำการวันแรกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในชื่อย่อหลักทรัพย์ DTC โดยดุสิตธานีได้นำเงินที่ได้จากการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นี้ไปขยายโรงแรมดุสิตธานีเป็นครั้งแรกโดยการเพิ่มจำนวนห้องพักให้มีจำนวนมากขึ้นเป็นประมาณ 2 เท่าเมื่อปี พ.ศ. 2521 ก่อนที่ภายหลังจะมีนักลงทุนเข้ามาพัฒนาโรงแรมต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น
ต่อมาในปี พ.ศ. 2530 เครือดุสิตธานีได้ขยายธุรกิจมาสู่สถานพักตากอากาศ โดยเปิดดุสิต ลากูน่า รีสอร์ท (ปัจจุบันคือ ดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต) ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นสถานพักตากอากาศในประเทศไทยแห่งแรกที่บริหารโดยบุคลากรชาวไทย หลังจากนั้นได้เปิดโรงแรมในพื้นที่หลักทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคของประเทศไทยอีกหลายแห่ง เช่น โรงแรมดุสิตธานี พัทยา ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ในปี พ.ศ. 2531, โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส หลานหลวง ในปี พ.ศ. 2532 และโรงแรมดุสิต รีสอร์ท แอนด์ โปโล คลับ (ปัจจุบันคือโรงแรมดุสิตธานี หัวหิน) ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ในปี พ.ศ. 2533 ต่อมาในปี พ.ศ. 2534 ได้เข้าซื้อโรงแรมเมลโรสที่ตั้งอยู่ที่รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ทำให้เป็นโรงแรมนอกประเทศไทยแห่งแรกที่กลุ่มดุสิตธานีเป็นเจ้าของ
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2536 เครือดุสิตธานีได้ขยายธุรกิจใหม่โดยการเปิด "โรงเรียนการโรงแรมดุสิตธานี" ที่ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ เพื่อผลิตบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการโรงแรมของไทย โดยภายหลังในปี พ.ศ. 2539 ได้รับอนุมัติจากทบวงมหาวิทยาลัยในขณะนั้นให้เปิดสอนในระดับปริญญาตรีในฐานะวิทยาลัยเป็นแห่งแรกของประเทศไทย และในปี พ.ศ. 2549 โรงเรียนได้เปลี่ยนชื่อเป็น วิทยาลัยดุสิตธานี
ต่อมาในปี พ.ศ. 2538 เครือดุสิตธานีได้เปิดโรงแรมระดับกลาง-บน ด้วยแบรนด์ ดุสิต ปริ๊นเซส คือ โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส เชียงใหม่ (ปัจจุบันคือโรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส เชียงใหม่) และดุสิต ไอส์แลนด์ รีสอร์ท เชียงราย และเปิดโรงแรม ดุสิต ปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ กรุงเทพ ในปี พ.ศ. 2539
ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 เครือดุสิตธานีได้เริ่มขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยเริ่มจากภายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการเข้าซื้อกิจการโรงแรม นิกโก้ มะนิลา ในประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อมาปรับปรุงใหม่เป็น โรงแรมดุสิตธานี มะลา และต่อมาในปี พ.ศ. 2544 ได้ขยายธุรกิจไปยังตะวันออกกลาง โดยการเปิดโรงแรมดุสิตธานี ดูไบ ในนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงมีการเปิดเทวารัณย์สปาในกรุงเทพมหานคร
พ.ศ. 2544 – 2559: ขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ ผ่านการรับจ้างบริหารโรงแรม
ในปี พ.ศ. 2549 เครือดุสิตธานีได้เปิดโรงแรมร่วมสมัยระดับหรูด้วยแบรนด์ ดุสิตดีทู คือ โรงแรมดุสิตดีทู เชียงใหม่ จากนั้นในปี พ.ศ. 2550 ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ เลอ กอร์ดอง เบลอ จากประเทศฝรั่งเศส เปิดโรงเรียนสอนประกอบการอาหารในพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ในชื่อ เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต และเปิดตัวแบรนด์ ดุสิต เดวาราณา โรงแรมหรูระดับบนสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ต่อมาได้เปิดโรงแรมในต่างประเทศเพิ่มเติม ดังนี้
- พ.ศ. 2553 — โรงแรมดุสิตธานี เลควิว ไคโร ที่ประเทศอียิปต์
- พ.ศ. 2555 — โรงแรมดุสิตธานี มัลดีฟส์ ที่เกาะมูดู
- พ.ศ. 2556 —
- พ.ศ. 2557 — โรงแรมดุสิตดีทู ไนโรบี ในประเทศเคนยา
- โรงแรมดุสิต เดวาราณา ฮอต สปริง แอนด์ สปา คงฮั้ว กว่างโจว ในประเทศจีน
- พ.ศ. 2558 —
- โรงแรมดุสิตธานี กวม
- โรงแรมดุสิตธานี บีช รีสอร์ท กระบี่
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ (สิงหาคม 2025) |
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
- ข้อมูล ณ วันที่ 25 มีนาคม 2567
| ลำดับที่ | รายชื่อผู้ถือหุ้น | จำนวนหุ้นสามัญ | สัดส่วนการถือหุ้น |
| 1 | บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด | 422,821,310 | 49.74% |
| 2 | บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) | 145,238,320 | 17.09% |
| 3 | ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) | 34,500,000 | 4.06% |
| 4 | นาย วิชิต ชินวงศ์วรกุล | 33,136,000 | 3.90% |
| 5 | นาง จารุณี ชินวงศ์วรกุล | 19,287,200 | 2.27% |
ข้อวิจารณ์
ความขัดแย้งภายในของตระกูลผู้ก่อตั้ง
เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2568 ดุสิตธานีได้ส่งหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ถึงเหตุผลในการขอเลื่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 32/2568 เนื่องจากมีประเด็นสำคัญบางประการเกี่ยวกับงบการเงินที่ต้องนำกลับไปตรวจสอบใหม่ ในวันดังกล่าวจึงมีข่าวจากสื่อออนไลน์ว่าสาเหตุจริงที่ต้องนำงบกลับไปตรวจสอบใหม่ คือ บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด (บจก. ชนัตถ์และลูก) ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่อนุมัติงบการเงินของบริษัท จึงเกิดเป็นประเด็นความขัดแย้งระหว่าง ชนินทธ์ โทณวนิก สินี เธียรประสิทธิ์ และสุนงค์ สาลีรัฐวิภาค ที่เป็นทายาททั้งสามของชนัตถ์ จนทำให้บริษัทต้องออกมาชี้แจงเมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2568 แต่แล้วในคราวการประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของดุสิตธานีมีมติไม่อนุมัติงบการเงินของบริษัท จึงทำให้บริษัทไม่สามารถนำส่งงบการเงินได้ทันตามกำหนดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกันบริษัทก็สามารถนำส่งงบการเงินได้ตามกำหนดในวันเดียวกัน เนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติให้บริษัทนำส่งงบการเงินก่อนการอนุมัติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 แต่แล้วการอนุมัติงบการเงินก็ถูกเลื่อนอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันกรรมการอิสระของบริษัทถูกปลด 4 ราย ดุสิตธานีจึงส่งหนังสือแจ้งว่าจะจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติงบการเงินโดยเร็วที่สุด
จนแล้วในที่สุดเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ดุสิตธานีได้ส่งหนังสือแจ้งการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 ในวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2568 โดยมีวาระสำคัญคือพิจารณางบการเงินของบริษัท และขออนุมัติถอดถอน ชนินทธ์ โทณวนิก ออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารบริษัทฯ รวมถึงถอดถอน ชนินทธ์ และศุภจี สุธรรมพันธ์ ออกจากกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท จึงเป็นเหตุให้ชนินทธ์ได้ออกแถลงการณ์ด่วนถึงสถานการณ์ความขัดแย้งภายในตระกูลในวันเดียวกัน
ชนินทธ์เล่าว่าความขัดแย้งของตระกูลเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่การเสียชีวิตของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย เมื่อ พ.ศ. 2563 เนื่องจากตลอดเวลาที่ดุสิตธานีดำเนินการ ชนัตถ์ได้ให้ชนินทธ์ผู้ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตดูแลกิจการในส่วนของ บจก. ชนัตถ์และลูก และการลงนามเป็นชื่อของชนัตถ์กับบุตรทั้งสาม คือเลือกลงนามระหว่างชนินทธ์ สินี หรือสุนงค์ คนละชื่อ แต่เมื่อชนัตถ์ถึงแก่อนิจกรรมลง การลงนามบริษัทจึงเปลี่ยนเป็นชนินทธ์ที่มีสถานะเป็นผู้จัดการมรดก ร่วมกับสินี หรือสุนงค์ คนละชื่อ แต่ต่อมาสินีกับสุนงค์ได้ร่วมกันลงคะแนนเปลี่ยนแปลงการลงนามใน บจก. ชนัตถ์และลูก จากเดิมเป็นกรรมการสองในสามลงนามร่วมกันโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของชนินทธ์ และหลังจากนั้นสินี และสุนงค์จึงร่วมกันปลดชนินทธ์ออกจากการเป็นกรรมการบริหารของ บจก. ชนัตถ์และลูก รวมถึงทุก ๆ บริษัทที่เป็นบริษัทกองมรดกของชนัตถ์ อันได้แก่ บริษัท ปิยะศิริ จำกัด (ถือหุ้นใหญ่ในโรงพยาบาลสุขุมวิท) และบริษัท ธนจิรัง จำกัด (ดำเนินกิจการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า) แต่แล้วการระบาดทั่วของโควิด-19 ในไทย ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมชะงักลง ประกอบกับโครงการเดอะ เรสซิเดนเซส ในดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ก็ขายไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ ทำให้ชนินทธ์ในฐานะผู้จัดการมรดกได้ตัดสินใจที่จะแบ่งมรดกทั้งหมดออกเป็นสามส่วน โดยที่ประชุมตกลงให้ชนินทธ์รับ บจก. ชนัตถ์และลูกไปดูแล และสินี กับสุนงค์ ให้รับ บจก. ปิยะศิริและธนจิรังไปดูแลคนละ 1 บริษัท พร้อมทั้งชดเชยส่วนแบ่งมรดกที่ขาดหายให้เท่าเทียมกันในแต่ละบริษัท ซึ่งทั้งสามก็ตกลงตามนั้น
แต่แล้วใน พ.ศ. 2564 ผลการตอบรับของ เดอะ เรสซิเดนเซส กลับขายดีเกินคาด ซึ่งจะส่งผลให้ดุสิตธานีมีผลกำไรจำนวนมากในระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท สิ่งที่เกิดขึ้นจึงทำให้สินีและสุนงค์ไม่พอใจกับส่วนแบ่งมรดกที่ได้รับ ทั้งสองจึงได้ริเริ่มก่อสงครามภายในครอบครัวโดยพยายามเปิดทางให้กลุ่มเซ็นทรัลเข้ามาเทคโอเวอร์ชนัตถ์และลูกออกไปโดยการขอให้ชนินทธ์แบ่งหุ้นชนัตถ์และลูกออกเป็นสามกองเพื่อความเท่าเทียมกัน แต่ความเป็นจริงคือกลุ่มเซ็นทรัลและกลุ่มของสินีกับสุนงค์ได้พยายามหารือในการซื้อหุ้นดุสิตธานีกันหลายครั้ง รวมถึงได้เสนอให้บุคคลภายนอกเข้ามาเป็นกรรมการบริษัท ประกอบกับเซ็นทรัลพัฒนาเองก็ได้รวบรวมหุ้นในดุสิตธานีขึ้นสูงถึงร้อยละ 22.50 และได้เสนอชื่อกรรมการอิสระของบริษัทเข้ามาเป็นกรรมการอิสระของดุสิตธานี ชนินทธ์จึงมองว่าการกระทำดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ตนจึงขอร้องให้เซ็นทรัลพัฒนาลดหุ้นในดุสิตธานีออกไป และได้ขอซื้อหุ้นใน บจก. วิมานสุริยา คืนร้อยละ 10 เพื่อลดการพึ่งพากลุ่มเซ็นทรัลในการลงทุนโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ให้น้อยลง โดยให้เหตุผลว่าการกระทำของกลุ่มเซ็นทรัลจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นในโครงการลดลง และยังเป็นการขัดต่อธรรมนูญครอบครัวที่ไม่ให้ บจก. ชนัตถ์และลูก เปลี่ยนมือไปเป็นบุคคลภายนอกอีกด้วย
ภายหลังจากที่ชนินทธ์ได้แถลงการณ์ เซ็นทรัลพัฒนาได้ส่งหนังสือด่วนแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยระบุว่าบริษัทเล็งเห็นถึงการเติบโตของดุสิตธานีจึงได้ทยอยซื้อหุ้นของบริษัทอย่างต่อเนื่องจนสูงถึง 22.50% และด้วยจำนวนนี้บริษัทจึงได้รับโอกาสให้เสนอชื่อบุคคลเป็นกรรมการอิสระ บริษัทจึงไม่นิ่งนอนใจและเสนอชื่อบุคคลที่มีประสบการณ์สูงและพร้อมที่จะช่วยให้ดุสิตธานีเติบโตขึ้นไปอีก แต่หลังจากที่ชนินทธ์ได้มาร้องขอเป็นการส่วนตัว เซ็นทรัลพัฒนาจึงได้ลดการถือหุ้นในดุสิตธานีลง 5% เหลือ 17.50% จนถึงปัจจุบัน และไม่เข้าไปก้าวก่ายการดำเนินธุรกิจของดุสิตธานีแต่อย่างใด
ต่อมาสินีและสุนงค์ ในฐานะ บจก. ชนัตถ์และลูก ได้ออกแถลงการณ์โต้ตอบชนินทธ์ในหลายประเด็นที่ถูกพาดพิง โดยระบุว่าเรื่องทั้งหมด "ล้วนไม่เป็นความจริง" พร้อมทั้งอธิบายในหลายประเด็น เริ่มจากการบริหารจัดการระหว่าง บจก. ชนัตถ์และลูก และดุสิตธานีนั้นเป็นการดำเนินการแยกกัน และในข้อบังคับบริษัทได้ระบุว่า "ห้ามมิให้บุคคลใดโอนถ่ายหุ้นของ บจก. ชนัตถ์และลูก ให้บุคคลภายนอกโดยเด็ดขาด เว้นแต่ผู้สืบสันดานของผู้ถือหุ้นปัจจุบัน" และ "ห้ามมิให้บริษัท (ชนัตถ์และลูก) ขายหุ้นของดุสิตธานีออกไปให้บุคคลภายนอกโดยเด็ดขาด เว้นแต่เป็นการขายเพื่อชำระบัญชีของบริษัทเท่านั้น" ดังนั้นการกล่าวหาของชนินทธ์ที่ระบุว่าสินีกับสุนงค์มีความพยายามเปิดทางให้กลุ่มเซ็นทรัลเข้ามาเทคโอเวอร์กิจการออกไปนั้นจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้และชนินทธ์ก็รู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ส่วนกรณีของเซ็นทรัลพัฒนา เนื่องจากบริษัทเห็นว่าเซ็นทรัลพัฒนามีหุ้นในดุสิตธานีสูงถึง 22.50% บริษัทจึงเสนอให้เซ็นทรัลพัฒนาเสนอชื่อกรรมการเข้ามา ซึ่งเซ็นทรัลพัฒนาได้เสนอเข้ามาสองชื่อจากสิบชื่อที่ว่างอยู่ ซึ่งบริษัทมองว่าเป็นการเสนอเพื่อทำให้ดุสิตธานีเติบโตขึ้นในทิศทางที่ควรจะเป็น และเพื่อเป็นการดูแลเงินลงทุนของเซ็นทรัลพัฒนาที่มีในดุสิตธานีเพียงเท่านั้น ไม่ได้มองไปไกลถึงการเทคโอเวอร์กิจการแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่ชนินทธ์อ้างว่าได้รับความเห็นชอบจากทายาทในการดูแล บจก. ชนัตถ์และลูกแต่เพียงผู้เดียวนั้น บริษัทยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะจนถึงปัจจุบันยังทั้งสองฝ่ายยังมีความขัดแย้งในเรื่องนี้กันอยู่ ประกอบกับชนินทธ์ได้ใช้สิทธิ์ฟ้องร้องสินีกับสุนงค์ในการขอครอบงำกิจการและบังคับโอนหุ้นทั้งหมดให้ชนินทธ์แต่เพียงผู้เดียวต่อศาลแพ่ง แต่ใน พ.ศ. 2567 ศาลแพ่งได้ยกฟ้องในคดีดังกล่าวโดยระบุว่าข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าการประชุมผู้จัดการมรดกระหว่างโจทก์และจำเลยทั้งสองดำเนินมาถึงเพียงขั้นตอนกำหนดแนวทางและวิธีการแบ่งทรัพย์มรดก แต่เกิดความขัดแย้งเสียก่อนทำให้ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ดังนั้นข้อตกลงที่โจทก์อ้างตามฟ้องจึงยังไม่เกิดขึ้น รวมถึงการกล่าวอ้างว่าความขัดแย้งทั้งหมดเป็นเพราะเดอะ เรสซิเดนเซส ในดุสิต เซ็นทรัล พาร์คขายดีนั้น ล้วนเป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริง เพราะความขัดแย้งมีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2565 แล้ว ฉะนั้นด้วยเหตุผลทั้งหมด บริษัทจึงเสนอให้มีการถอดถอนชนินทธ์ออกจากการเป็นกรรมการของดุสิตธานี เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทเสียหายไปมากกว่านี้ และเป็นการตอกย้ำว่าบริษัทจะเดินหน้าตามธรรมาภิบาลต่อไป
ต่อมาในการประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2568 ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งชนินทธ์กลับมาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอีกตำแหน่งหนึ่งอีกครั้ง แทนที่ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ที่ลาออกเพื่อไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในคณะรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 26 กันยายน ที่ประชุมวิสามัญมีมติไม่เห็นชอบในการถอดถอนชนินทธ์ออกจากกรรมการบริษัท เนื่องจากจำนวนคะแนนเสียงเห็นด้วยไม่ถึงเกณฑ์ 3 ใน 4 ของจำนวนผู้ถือหุ้นที่เข้าประชุมและมีสิทธิออกเสียงในวาระดังกล่าว รวมถึงมีผู้ถือหุ้นรายย่อยรายหนึ่งได้ยื่นฟ้อง บริษัท ชนัตถ์และลูก จำกัด รวมถึงเซ็นทรัลพัฒนา ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ด้วยเหตุผลว่าการยื่นมติขออนุมัติถอดถอนชนินทธ์ออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารบริษัทฯ รวมถึงถอดถอนชนินทธ์และศุภจี สุธรรมพันธุ์ ออกจากกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท และขอแต่งตั้งคณะกรรมการบริษัทใหม่จากเดิม 12 รายเป็น 18 รายโดยมีคนของเซ็นทรัลพัฒนาเข้ามาร่วมด้วยนั้น อาจส่อเค้าว่าจะเป็นการพยายามเข้าครอบงำกิจการทางอ้อมโดยไม่ได้มีการทำคำเสนอขอซื้อหุ้นสามัญเป็นการทั่วไปอย่างถูกต้อง และจะเข้าความเสี่ยงในการผูกขาดกิจการ ซึ่งขัดต่อหลักธรรมเนียมการปฏิบัติของบริษัทที่อยู่ในกลุ่มตลาดทุน
อ้างอิง
- มิติหุ้น, Donut (2025-09-12). "DUSIT บอร์ดดุสิตธานีแต่งตั้ง "ชนินทธ์ โทณวณิก" ควบกรุ๊ปซีอีโอ หลัง "ศุภจี สุธรรมพันธุ์"ตอบรับ "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์"". มิติหุ้น | ชี้ชัดทุกการลงทุน. สืบค้นเมื่อ 2025-09-12.
- "Dusit Thani โรงแรมไทยสุดหรู ผ่านการปลุกปั้นจากผู้หญิง "ที่ไม่เคยเรียนการโรงแรม"". ปันโปร. 14 มิถุนายน 2023. สืบค้นเมื่อ 30 สิงหาคม 2025.
- "ย้อนชีวิต 'ท่านผู้หญิงชนัตถ์' ผู้สร้างตำนานดุสิตธานี โรงแรม5ดาวที่เป็นภาพจำคนทั่วโลก". มติชน. 4 พฤษภาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 20 พฤษภาคม 2025.
- กิติชาติพรพัฒน์, วชิรวิชญ์ (8 ตุลาคม 2018). "'ดุสิตธานี' จุดเริ่มต้น การดิ้นรน และอวสานของโรงแรมไทยที่กำลังจะเป็นตำนาน". บีคอมมอน. สืบค้นเมื่อ 12 พฤษภาคม 2024.
- "15 เรื่อง (ไม่) ลับแต่คนไม่ค่อยรู้ของ 'โรงแรมดุสิตธานี'". common: Knowledge, Attitude, make it Simple (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน).
- "หุ้น 5 ตัวแรกที่เข้าตลาดเติบโตมากแค่ไหน?". สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย. 2 พฤษภาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 28 สิงหาคม 2025.
- แสงทองคำ, วิรัตน์ (8 มิถุนายน 2025). "ศึกในดุสิตธานี (อีกตอน)". มติชนสุดสัปดาห์. สืบค้นเมื่อ 28 สิงหาคม 2025.
- "วรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง". การศึกษาความเป็นไปได้ในการทำโครงการ รีสอร์ทเพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒธรรม จ.บึงกาฬ (PDF) (วิทยานิพนธ์ วท.ม.). คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. 2022. p. 18. สืบค้นเมื่อ 28 สิงหาคม 2025.
ส่วนความเป็นมาของรีสอร์ทในประเทศไทยนั้น ในปี พ.ศ. 2530 ได้มีการจัดตั้งรีสอร์ทแห่งแรก คือ ดุสิต ลากูนา รีสอร์ท ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ดุสิตธานี ลากูนา ภูเก็ต
- แสงทองคำ, วิรัตน์ (27 มีนาคม 2017). "วิรัตน์ แสงทองคำ : กรณีดุสิตธานี-เซ็นทรัล (3) : โรงแรมดุสิตธานี เป็นตำนานธุรกิจไทย". มติชนสุดสัปดาห์. สืบค้นเมื่อ 28 สิงหาคม 2025.
- "วิทยาลัยดุสิตธานีจับมือการบินไทย เสริมคุณภาพการบริการชั้นเฟิร์สคลาส". กรุงเทพธุรกิจ. 16 กุมภาพันธ์ 2018. สืบค้นเมื่อ 30 สิงหาคม 2025.
ข้อมูลเกี่ยวกับวิทยาลัยดุสิตธานี ยกระดับมาจาก "โรงเรียนการโรงแรมดุสิตธานี"
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- ประชาชาติ, การตลาด (2025-09-12). "ศุภจี ลาออกดุสิตธานี บอร์ดตั้ง ชนินทธ์ โทณวณิก นั่ง CEO แทน". สืบค้นเมื่อ 2025-09-12.
- Isranews (2025-09-12). "'ศุภจี' ลาออก 'ซีอีโอดุสิตธานี' - 'อรรถพล' ไขก๊อก กก.บริษัท เตรียมนั่ง รมต.'ครม.อนุทิน1'". สำนักข่าวอิศรา. สืบค้นเมื่อ 2025-09-12.
- "ที่ประชุมผู้ถือหุ้น 'ดุสิตธานี' ไม่อนุมัติถอดถอน 'ชนินทธ์ โทณวณิก' พ้นกรรมการ". bangkokbiznews. 2025-09-26. สืบค้นเมื่อ 2025-09-27.
แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์ทางการ
- เว็บไซต์เครือโรงแรม
วิกิพีเดีย, วิกิ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, มือถือ, โทรศัพท์, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, แอปเปิ้ล, สมาร์ทโฟน, พีซี, เว็บ, คอมพิวเตอร์, ข้อมูลเกี่ยวกับ เครือดุสิตธานี, เครือดุสิตธานี คืออะไร? เครือดุสิตธานี หมายความว่าอะไร?



ฝากคำตอบ
ต้องการเข้าร่วมการสนทนาหรือไม่?คุณสามารถร่วมเขียนได้!