อักษรไทธรรม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก )
อักษรธรรมล้านนา
image
"ตัวธัมม์" เมื่อเขียนด้วยอักษรธรรมล้านนา
ชนิด
อักษรสระประกอบ
ช่วงยุค
ป.คริสศตวรรษที่ 13–ปัจจุบัน
ทิศทางซ้ายไปขวา image
ภาษาพูดภาษาไทยถิ่นเหนือ, ภาษาไทลื้อ, ภาษาไทเขิน
อักษรที่เกี่ยวข้อง
ระบบแม่
ชุดอักษรไซนายดั้งเดิม[a]
  • ชุดตัวอักษรฟินิเชีย[a]
    • ชุดตัวอักษรแอราเมอิก[a]
      • พราหมี
        • ทมิฬ-พราหมี
          • ปัลลวะ[1]
            • มอญเก่า[1][2][3]
              • อักษรธรรมล้านนา
ระบบลูก
ไทลื้อใหม่
ISO 15924
ISO 15924Lana (351), Tai Tham (Lanna)
ยูนิโคด
ยูนิโคดแฝง
Tai Tham
ช่วงยูนิโคด
U+1A20–U+1AAF
[a] ต้นกำเนิดเซมิติกของอักษรพราหมีไม่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
 บทความนี้ประกอบด้วยสัญกรณ์การออกเสียงในสัทอักษรสากล (IPA) สำหรับคำแนะนำเบื้องต้นเกี่ยวกับสัญลักษณ์ IPA โปรดดู วิธีใช้:สัทอักษรสากล สำหรับความแตกต่างระหว่าง [ ], / / และ   ดูที่ สัทอักษรสากล § วงเล็บเหลี่ยมและทับ

อักษรธรรมล้านนา เป็นอักษรสระประกอบ (Abugida) ในตระกูลอักษรพราหฺมี ซึ่งใช้สำหรับเขียน ภาษาไทยถิ่นเหนือ (คำเมือง) ภาษาไทลื้อ และภาษาไทเขิน รวมไปถึงภาษาสำหรับพระพุทธศาสนาคือ ภาษาบาลี และภาษาสันสกฤต อักษรธรรมล้านนาแต่เดิมเรียกว่า ตัวธัมม์ หรือ ตั๋วธรรม (ᨲ᩠ᩅᩫᨵᨾ᩠ᨾ᩼​ หรือ ᨲ᩠ᩅᩫᨵᩢᨾ᩠ᨾ᩼) โดย ตัว หรือ ตั๋ว หมายถึง อักษร ส่วน ธัมม์ หรือ ธรรม หมายถึง คัมภีร์ แต่ในประเทศไทย ปัจจุบันนิยมเรียกอย่างเป็นทางการว่า อักษรธรรมล้านนา และเรียกแบบลำลองว่า ตั๋วเมือง (ᨲ᩠ᩅᩫᨾᩮᩬᩥᨦ​; ใช้คู่กับ คำเมือง ซึ่งเป็นชื่อเรียกภาษาพูด) นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกอักษรนี้อีกหลายอย่าง เช่น อักษรไทธรรม (Tai Tham script) ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกในระบบคอมพิวเตอร์ หรือ อักษรไทลื้อเก่า ซึ่งใช้เรียกในเมืองสิบสองปันนา ประเทศจีน เนื่องจากรัฐบาลจีนได้มีการประดิษฐ์อักษรแบบใหม่สำหรับภาษาไทลื้อ ซึ่งเรียกว่าอักษรไทลื้อใหม่ ส่วนในรัฐฉาน ประเทศพม่า ชาวไทใหญ่เรียกอักษรชนิดนี้ว่า ลิ่กยวน หมายถึงอักษรของชาวไทยวน (ชาวล้านนา) ใช้เขียนเอกสารทางศาสนา

ในประเทศลาว และภาคอีสานของไทย อักษรธรรมล้านนาได้รับการดัดแปลงรูปแบบให้เข้ากับภาษาลาว นิยมเรียกอักษรรูปแบบนี้ว่า โตธรรมลาว หรือ โตธรรมอีสาน ส่วนอักษรธรรมล้านนาแบบดั้งเดิมนั้น ทางฝ่ายลาวจะนิยมเรียกว่า อักษรยวน หรือ อักษรโยน ซึ่งเป็นชื่อที่เชื่อมโยงกับอาณาจักรโยนกเชียงแสน ซึ่งเป็นอาณาจักรโบราณแห่งหนึ่งของชาวไทยวน (ชาวล้านนา)

ประวัติ

[]

จารึกอักษรธรรมล้านนาที่เก่าแก่ที่สุดที่ค้นพบคือจารึกจารึกลานทองสมเด็จพระมหาเถรจุฑามุณิ พ.ศ. 1919 ซึ่งค้นพบที่วัดมหาธาตุ เมืองสุโขทัย[4] ในจารึกมีทั้งภาษาไทยและภาษาบาลี โดยภาษาบาลีจะจารึกเป็นอักษรธรรม ส่วนภาษาไทยจะจารึกเป็นอักษรไทยสุโขทัย จารึกที่เก่ารองลงมาคือจารึกวัดเชียงมั่นปี พ.ศ. 2008 โดยจารึกเป็นภาษาบาลีและภาษาไทย โดยอักษรธรรมในจารึกทั้งสองนี้มีรูปลักษณ์ที่ใกล้เคียงกับอักษรมอญที่ใช้กันในอาณาจักรหริภุญไชยราวพุทธศตวรรษที่ 18 นักวิชาการส่วนมากจึงสรุปว่าอักษรธรรมล้านนามีที่มาจากอักษรมอญโบราณ[5]

ในอาณาจักรล้านนานั้น ยังปรากฏการใช้อักษรไทยฝักขามซึ่งวิวัฒนาการมาจากอักษรไทยสุโขทัยควบคู่กันกับอักษรธรรมไปอีกด้วย (โดยอักษรนี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า อักษรไทยล้านนา[ต้องการอ้างอิง]) ซึ่งอักษรฝักขามนี้ ก็ได้ส่งอิทธิพลต่ออักษรธรรมล้านนาเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการใช้สัญลักษณ์แทนวรรณยุกต์[6] ต่อมาภายหลังก็ได้เกิดอักษรลูกผสมระหว่างอักษรฝักขามและอักษรธรรมเรียกว่าอักษรไทยนิเทศ ซึ่งพบว่ามีการใช้บันทึกงานวรรณกรรมในช่วงสั้น ๆ ประมาณ พ.ศ. 2100[7]

ในภายหลัง อักษรธรรมล้านนาได้แผ่ขยายออกไปสู่อาณาจักรข้างเคียง ได้แก่ เชียงตุง เชียงรุ่ง และ ล้านช้าง[5] โดยในเชียงตุงและเชียงรุ่ง อักษรธรรมล้านนาได้ถูกปรับอักขรวิธีและรูปลักษณ์ที่มีความกลมมนมากขึ้นจนเป็นเอกลักษณ์ของอักษรธรรมแบบไทเขิน (เชียงตุง) และไทลื้อ (เชียงรุ่ง) เช่นเดียวกับในล้านช้างที่อักษรธรรมล้านนาได้รับการดัดแปลงทั้งอักขระวิธีและรูปลักษณ์อักษรให้ต่างออกไป เรียกว่า โตธรรมลาว โดยนิยมใช้สำหรับงานเขียนเกี่ยวกับพุทธศาสนาเป็นสำคัญ

เนื่องจากนโยบายชาตินิยมของรัฐบาลไทยตั้งแต่สมัยอดีต ทำให้ไม่มีการสอนอักษรธรรมล้านนาในระบบโรงเรียนอย่างเป็นทางการอีกต่อไป ส่งผลให้ผู้รู้อักษรธรรมล้านนาในไทยในปัจจุบันมักมีจำกัดอยู่เฉพาะในแวดวงของพระสงฆ์ นักวิชาการ ช่างศิลป์พื้นเมือง และหมอพื้นบ้าน เท่านั้น ไม่เป็นที่รับรู้ของบุคคลทั่วไปมากนัก อย่างไรก็ดี ในเมืองเชียงตุงและเขตรัฐฉานประเทศเมียนมาร์ ยังพบว่ามีการใช้อักษรธรรมล้านนาในชีวิตประจำวันอยู่อย่างแพร่หลาย

พยัญชนะ

[]

อักษรธรรมล้านนามีพยัญชนะ 43 ตัว แบ่งเป็นสามกลุ่ม คือ พยัญชนะในวรรค (ᨻ᩠ᨿᩢᨬ᩠ᨩᨶᨶᩲᩅᩢᨣ᩠ᨣ᩼), พยัญชนะอวรรค (ᨻ᩠ᨿᩢᨬ᩠ᨩᨶᩋᩅᩢᨣ᩠ᨣ᩼), และ พยัญชนะเพิ่ม โดยพยัญชนะในวรรคและพยัญชนะอวรรค เป็นกลุ่มอักขระที่วิวัฒนาการมาจากอักษรมอญโบราณซึ่งใช้สำหรับการเขียนภาษาบาลีและสันสกฤต ในทำนองเดียวกับอักษรเทวนาครี อักษรปัลลวะ และ อักษรพม่า พยัญชนะในวรรคจะแบ่งได้เป็น 5 วรรค (ᩅᩢᨣ᩠ᨣ᩼) คือ วรรค ᨠ (ก), วรรค ᨧ (จ), วรรค ᨭ (ฏ), วรรค ᨲ (ต), วรรค ᨷ (ป) ส่วนพยัญชนะเพิ่มนั้น เป็นพยัญชนะที่ประดิษฐ์ขึ้นเพิ่มเติมสำหรับเขียนคำในภาษาตระกูลไท ซึ่งแต่เดิมจะไม่พบในภาษาบาลี อนึ่ง ในพจนานุกรม มักจัดเอาตัว ᩂ​ (ฤ) และ ᩄ (ฦ) เข้าไว้ในหมวดพยัญชนะด้วย โดยมีลำดับถัดมาจากอักษร ᩁ (ร) และ ᩃ (ล) ตามลำดับ แต่กระนั้น อักษรทั้งสองตัวนี้แท้จริงแล้วถือว่าเป็นอักขระแทนพยางค์ (syllabary) ไม่ใช่พยัญชนะแท้ นอกจากนี้อักษรธรรมล้านนายังมีพยัญชนะรูปพิเศษเช่น​ ᩕ​- (ร ควบ) ᩔ (สฺส)​ ᨬ᩠ᨬ (ญฺญ)​ ᩓ (แล) เป็นต้น อีกด้วย

ตารางพยัญชนะ

[]

อักษรธรรมล้านนามีพยัญชนะ 43 ตัว ได้แก่ พยัญชนะในวรรค 25 ตัว พยัญชนะอวรรค 10 ตัว และ พยัญชนะเพิ่ม 8 ตัว อย่างไรก็ดี อักษรไทยที่ปรากฏเป็นการปริวรรต (ถ่ายอักษร) เท่านั้น เสียงจริงของอักษรแสดงไว้ในสัทอักษร ซึ่งอาจจะออกเสียงต่างไปจากอักษรไทย

นอกจากนี้ ในทำนองเดียวกับอักษรมอญและเขมร อักษรธรรมล้านนายังมีพยัญชนะรูปตัวเชิง ซึ่งเป็นรูปของพยัญชนะที่ใส่ไว้ใต้พยัญชนะหรือสระ เรียกว่า หาง (ᩉᩣ᩠ᨦ) ตัวซ้อน (ᨲ᩠ᩅᩫᨪᩬ᩶ᩁ) ตัวห้อย (ᨲ᩠ᩅᩫᩉᩬ᩠ᨿ᩶) หรือ ตัวเสียบ (ᨲ᩠ᩅᩫᩈ᩠ᨿᨷ) พยัญชนะตัวเชิงใส่ไว้เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวสะกดหรือห้ามไม่ให้พยัญชนะตัวข่ม (อักษรที่อยู่ด้านบนของตัวเชิง) ออกเสียงอะ (ในกรณีที่เขียนภาษาบาลีสันสกฤต) เช่น ᨻᩩᨴ᩠ᨵ (พุทฺธ) จะอ่านเป็น ปุ๊ด-ทะ ไม่อ่านว่า ปุ๊ด-ต๊ะ-ทะ นอกจากนี้ ตัวเชิงของอักษร ᩅ​ (ว) ᨿ​ (ย) และ ᩋ​ (อ) ยังใช้เป็นรูปสระได้ด้วย ทั้งนี้ พยัญชนะในวรรคและอวรรคจะมีตัวเชิงทุกตัว และโดยทั่วไปก็มีลักษณะคล้ายเดิมกับพยัญชนะปกติ ยกเว้นบางตัวซึ่งเปลี่ยนรูปไป เช่น ตัวเชิงของ ᨮ​ (ฐ) ᨻ (พ) ᨷ​ (บ) ᨶ​ (น) ᨾ​ (ม) ᨿ​ (ย)​ ᩁ (ร) ᩋ​ (อ) อย่างไรก็ดี อักษรบางตัวเช่น ᩃ (ล)​ ᨷ (บ)​ ᩁ (ร) อาจจะมีรูปตัวเชิงมากกว่าหนึ่งแบบ ซึ่งตัวเชิงแต่ละแบบอาจมีวิธีการใช้ที่แตกต่างกันในแต่ละปริบทหรือตามความนิยม ตัวอย่างเช่น รูป ◌᩠ᨷ​​​ จะใช้ในกรณีที่เป็นตัวสะกด ส่วนรูป ◌ᩝ จะใช้ในกรณีที่เป็นคำสะกดแบบพิเศษ เช่น ᨣᩴ᩵ᩝ​ (ก็บ่) ส่วนพยัญชนะเพิ่ม (ซึ่งแสดงในแถวตารางสีเหลือง) จะไม่มีรูปตัวเชิงแต่อย่างใดเนื่องจากประดิษฐ์ขึ้นภายหลัง อนึ่ง ในการป้อนอักขระอักษรธรรมด้วยระบบยูนิโคด จะสามารถแปลงพยัญชนะเป็นรูปตัวเชิงได้ด้วยการป้อนสัญลักษณ์ สะกด (รหัสอักขระ U1A60) (◌᩠) ซึ่งในขณะที่ป้อน จะปรากฏเป็นสัญลักษณ์กากบาทอยู่ใต้อักษร[8]

ในส่วนของมาตราตัวสะกด อักษรธรรมล้านนาก็มีแม่ตัวสะกดเช่นดียวกับอักษรไทย คือ แม่กก แม่กบ แม่กด แม่กง แม่กม แม่เกย และ แม่เกอว โดยนิยมเรียกว่า แม่กัก แม่กับ แม่กัด แม่กัง แม่กัม แม่กัย และ แม่กัว อย่างไรก็ดีจะมีความแตกต่างจากอักษรไทยเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น ตัว ᨫ (ฌ) ในอักษรธรรมล้านนาสามารถเป็นตัวสะกดในมาตราแม่กดได้ แต่กับอักษรไทยจะทำเช่นนี้ไม่ได้ อนึ่งอักษรธรรมล้านนาสามารถจัดหมวดหมู่ไตรยางศ์ได้ในทำนองเดียวกับอักษรไทยและอักษรลาว

image
ป้ายชื่อวัดหม้อคำตวง ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เขียนด้วยอักษรธรรมล้านนา (ᩅᩢ᩠ᨯᩉ᩠ᨾᩬᩴᩢᨤᩣᩴᨴ᩠ᩅᨦ᩼)
ปริวรรตเป็นอักษรไทย : "วัดหม้อฅำทวง"
คำอ่าน : "วัดหม้อคำตวง"
วรรค อักษร รูปตัวเชิง ชื่ออักษร ปริวรรตเป็นอักษรไทย ปริวรรตเป็นอักษรละติน สัทอักษร ไตรยางศ์
คำอ่าน สัทอักษร พยัญชนะต้น ตัวสะกด พยัญชนะต้น ตัวสะกด พยัญชนะต้น ตัวสะกด
  1. วรรค 
image ◌᩠ᨠ ก๋ะ [kǎ] แม่กก k k [k] [k̚] สูง
image ◌᩠ᨡ ข๋ะ [xǎ], [kʰǎ] แม่กก x, kh k [x], [kʰ] [k̚] สูง
[a] image ฃ๋ะ [xǎ] แม่กก x, kh [x] [k̚] สูง
image ◌᩠ᨣ ก๊ะ [ka᷇] แม่กก k k [k] [k̚] ต่ำ
[a] image คะ, ฅะ [xa᷇] แม่กก x, kh [x] [k̚] ต่ำ
image ◌᩠ᨥ ฆะ [xa᷇], [kʰa᷇] แม่กก x, kh k [x], [kʰ] [k̚] ต่ำ
image ◌᩠ᨦ งะ [ŋa᷇] แม่กง ng ng [ŋ] [ŋ] ต่ำ
2. วรรค  image ◌᩠ᨧ จ๋ะ [t͡ɕǎ] แม่กด j, c t [t͡ɕ] [t̚] สูง
image -᩠ᨨ ส๋ะ, ฉ๋ะ [sǎ], [t͡ɕʰǎ] - s, ch [s], [t͡ɕʰ] สูง
image -᩠ᨩ จ๊ะ [t͡ɕa᷇] แม่กด j, c t [t͡ɕ] [t̚] ต่ำ
[a] image ซะ [sa᷇] แม่กด s t [s] [t̚] ต่ำ
image, image, image -᩠ᨫ ซะ, ชะ, ฌะ [sa᷇], [t͡ɕʰa᷄] แม่กด s, ch t [s], [t͡ɕʰa᷄] [t̚] ต่ำ
image -᩠ᨬ ญะ

(เสียงนาสิก)

[ɲa᷇] แม่กน ny, y n [ɲ], [j][b] [n] ต่ำ
3. วรรค  image -᩠ᨭ ระฏ๋ะ [lǎ.tǎ] ฏ, ฎ แม่กด t t [t] [t̚] สูง
image, image -᩠ᨮ , -ᩛ[c] ระฐ๋ะ [lǎ.tʰǎ] แม่กด th t [tʰ] [t̚] สูง
image -᩠ᨯ ระฑะ, ด๊ะ [dǎ] ฎ, ฑ, ด แม่กด d, th[d] t [d], [tʰ][d] [t̚] กลาง
image -᩠ᨰ ระฒะ [lǎ.tʰa᷇] แม่กด th t [tʰ] [t̚] ต่ำ
image -᩠ᨱ ระณะ [lǎ.na᷇] แม่กน n n [n] [n] ต่ำ
4. วรรค  image -᩠ᨲ ต๋ะ [tǎ] แม่กด t t [t] [t̚] สูง
image -᩠ᨳ ถ๋ะ [tʰǎ] แม่กด th t [tʰ] [t̚] สูง
image -᩠ᨴ ต๊ะ [ta᷇] แม่กด t t [t] [t̚] ต่ำ
image -᩠ᨵ ธะ [tʰa᷇] แม่กด th t [tʰ] [t̚] ต่ำ
image -᩠ᨶ นะ [na᷇] แม่กน n n [n] [n] ต่ำ
5. วรรค  image -᩠ᨷ , -ᩝ บ๋ะ [a] [bǎ] แม่กบ b p [b][e] [p̚] กลาง
-᩠ᨷ ป๋ะ[f] [pǎ] แม่กบ p p [p][f][9][10] [p̚] สูง[10][9]
[a][g] image   ป๋ะ [pǎ] แม่กบ p p [p] [p̚] สูง
image -᩠ᨹ ผ๋ะ [pʰǎ] - ph   [pʰ]   สูง
[a] image   ฝ๋ะ [fǎ] - f   [f]   สูง
image -᩠ᨻ , -ᩛ[c] ป๊ะ [pa᷇] แม่กบ p p [p] [p̚] ต่ำ
[a] image   ฟะ [fa᷇] แม่กบ f p [f] [p̚] ต่ำ
image -᩠ᨽ ภะ [pʰa᷇] แม่กบ ph p [pʰ] [p̚] ต่ำ
image -᩠ᨾ , -ᩜ มะ [ma᷇] แม่กม m m [m] [m] ต่ำ
6. อวรรค ᨿ image -᩠ᨿ ญะ

(เสียงนาสิก)

[ɲa᷇] แม่เกย ny, y   [ɲ], [j][b]   ต่ำ
[a] image   ยะ, อยะ [jǎ] อย - y   [j]   กลาง
[h] image -᩠ᩁ , -ᩕ ระ, ละ, ฮะ [la᷇] ร, ล, ฮ แม่กน r,[i] l, h n [r],[d][l],[d][h] [n] ต่ำ
image -᩠ᩃ​ , -ᩖ ละ [la᷇] แม่กน l n [l] [n] ต่ำ
image -᩠ᩅ วะ [wa᷇] แม่เกอว w [w] ต่ำ
image -᩠ᩆ ศ๋ะ [sǎ] แม่กด s t [s] [t̚] สูง
image -᩠ᩇ ษ๋ะ [sǎ] แม่กด s t [s] [t̚] สูง
image -᩠ᩈ , -ᩞ ส๋ะ [sǎ] แม่กด s t [s] [t̚] สูง
image -᩠ᩉ หะ [hǎ] - h   [h]   สูง
image -᩠ᩊ ฬะ [la᷇] แม่กน l n [l] [n] ต่ำ
image, image -ᩬ อ๋ะ [ʔǎ] -     [ʔ]   กลาง
[a] image   ฮะ [ha᷇] - h   [h]   ต่ำ
หมายเหตุ
  1. พยัญชนะเพิ่มซึ่งประดิษฐ์ขึ้นสำหรับเขียนคำในภาษาตระกูลไท พยัญชนะเหล่าแท้จริงจะไม่จัดอยู่ในวรรค และไม่มีรูปตัวเชิง แต่ในที่นี้จะแทรกไว้ในแต่ละวรรคเพื่อให้เทียบเคียงกับอักษรไทยได้ง่าย โดยจะมีชื่อว่า บะวรรค (ตั้งชื่อตาม บ)
  2. การออกเสียงเฉพาะในภาษาไทลื้อ
  3. พยัญชนะตัวเชิงของ ฐ และ พ มีรูปแบบเหมือนกัน คือ -ᩛ แต่จะมีรูปแบบการใช้ต่างกัน โดยถ้านำเชิงนำไปใส่ไว้ใต้พยัญชนะ วรรค ฏ จะออกเสียง ฐ แต่ถ้านำไปไว้ใต้พยัญชนะวรรค ป จะออกเสียง ป หรือ พ แทน
  4. อิทธิพลจากภาษาไทยมาตรฐาน และภาษาบาลีสันสฤต
  5. สำหรับเขียนคำในภาษาตระกูลไท
  6. สำหรับเขียนคำที่รากศัพท์มาจากภาษาบาลีสันสฤต
  7. สำหรับเขียนคำที่มาจากภาษาตระกูลไทเท่านั้น ไม่ใช้สำหรับคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาบาลีสันสฤต
  8. หากนำตัวอักษรนี้ไปเขียนบนตัวพยัญชนะอื่นๆ สามารถทำเป็นทัณฑฆาตได้ โดยจะเรียกตัวนี้ว่า ระห้าม
  9. นิยมปริวรรตเป็นอักษร ร สำหรับอักษรไทย หรือ r สำหรับอักษรละติน เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาไทยมาตรฐานหรือภาษาบาลีสันกฤต


image
รูปพยัญชนะตัวเต็มเทียบพยัญชนะตัวเชิงของอักษรธรรมล้านนาตามแบบอักษร LN Tilok ซึ่งได้รับการจัดสร้างโดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

พยัญชนะกลุ่ม ห นำ

[]

อักษรต่ำบางตัว ได้แก่ ᨦ​ (ง) ᨶ​ (น)​​ ᨾ (ม)​ ᨿ (ย) ᨬ​ (ญ) ᩁ​ (ร) ᩃ​ (ล) ᩅ​ (ว) จะไม่มีคู่อักษรสูงสำหรับผันเสียงวรรณยุกต์ได้ครบ อักษรเหล่านี้เรียกว่าอักษรต่ำเดี่ยว ดังนั้นเพื่อให้สามารถผันเสียงวรรณยุกต์ได้ครบ คู่อักษรสูงของอักษรเหล่านี้จะอยู่ในรูป ᩉ​ (ห) นำ โดยมีอักษรตัวตามอยู่ในรูปตัวเชิง ดังแสดงในตาราง โดยสำหรับอักษร ᨬ​ (ญ) จะนิยมใช้รูป ᩉ᩠ᨿ (หย) แทน[11]

อักษร ชื่ออักษร การปริวรรต สัทอักษร ไตรยางศ์
คำอ่าน สัทอักษร อักษรไทย อักษรละติน
ᩉ᩠ᨦ หง๋ะ [ŋǎ] หง ng [ŋ] สูง
ᩉ᩠ᨶ หน๋ะ [nǎ] หน n [n] สูง
ᩉ᩠ᨾ หม๋ะ [mǎ] หม m [m] สูง
ᩉ᩠ᨿ หญ๋ะ

(เสียงนาสิก)

[ɲǎ] หย, หญ ny [ɲ], [j][a] สูง
ᩉᩕ หร๋ะ, หล๋ะ, ห๋ะ [rǎ], [lǎ], [hǎ] หร r,[b] l, h [r],[c][l],[c][h] สูง
ᩉᩖ​, ᩉ᩠ᩃ หล๋ะ [lǎ] หล l [l] สูง
ᩉ᩠ᩅ หว๋ะ [wǎ] หว w [w] สูง
หมายเหตุ
  1. การออกเสียงเฉพาะในภาษาไทลื้อ
  2. นิยมปริวรรตเป็นอักษร ร สำหรับอักษรไทย หรือ r สำหรับอักษรละติน เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาไทยมาตรฐานหรือภาษาบาลีสันกฤต
  3. อิทธิพลจากภาษาไทยมาตรฐาน และภาษาบาลีสันสฤต

พยัญชนะรูปพิเศษ

[]
อักษร ชื่ออักษร หน่วยเสียงทางสัทอักษร หมายเหตุ
อักษรธรรม ปริวรรตเป็นอักษรไทย ปริวรรตเป็นอักษรละติน สัทอักษร
image,
image
ᩃᩯᩡ, ᩃᩯ และ, แล lae [lɛ̄ː] [lɛʔ], [lɛ̄ː] อักษร ᩃ (ล) เชื่อมกับรูปสระ ᩮ​ (เ) ซึ่งเขียนเป็นตัวยกไว้ด้านบน อักษร แล ยังมีรูปตัวเชิงด้วยคือ ◌᩠ᩓ จัดว่าเป็นอักขรวิธีพิเศษ สำหรับเขียนคำว่า​ ᨩ᩠ᩓ (ชะแล ย่อมาจาก เช่นนั้นแล)
ᨶᩣ image ᨶᩣ นา naa [nāː] [nāː] อักษร ᨶ (น) เชื่อมกับรูปสระ ᩣ (า). จะสามารถเรียกอีกชื่อหนึ่งคือ นะหัวแตก (ᨶ ᩉᩫ᩠ᩅᨲᩯ᩠ᨠ) ก็ได้[ต้องการอ้างอิง]
ᨬ᩠ᨬ image ᨬᨬ ญะญะ nya nya [ɲa᷇ʔ ɲa᷇ʔ] [n.ɲ] อักษร ᨱ​ (ณ) เชื่อมกับ ᨬ​ (ญ) สำหรับแทนตัว ᨬ ซ้อนสองตัว
image  ᩈᩬᨦᩉᩬ᩶ᨦ สะสองห้อง sa song hong [sǎː sɔ̌ːŋ hɔ᷇ːŋ] [t̚.s], [s̚.s] อักษร ᩈ​​ (ส) สองตัวเชื่อมติดกัน
image ᩁᩁᩰᩫ᩠ᨦ,​ ᩁ​​​ᩅᩫ᩠ᨦ ระโรง, ระโฮง, ระวง rarong, rahong, rawong [la᷇.hōːŋ] [r], [l], [ʰ] ระโรงจะใช้เป็นเป็นตัวเชิง (ra) เพื่อควบกล้ำ ร เช่น ᨷᩕ (ปฺร) ᨻᩕ (พฺร) ในขณะที่รูปเชิงซึ่งเป็นตัวสะกดจะใช้ -᩠ᩁ

    พยัญชนะควบ

    []

    อักษรธรรมล้านนามีพยัญชนะควบ 3 รูป คือ พยัญชนะควบตัวละ (ᩃ) พยัญชนะควบตัวระโรง (ᩕ) และ พยัญชนะควบตัววะ (ᩅ) โดยมีเพียงพยัญชนะควบตัววะเท่านั้นที่เป็นพยัญชนะควบแท้ ส่วนพยัญชนะควบตัวละ และควบตัวระโรง เป็นพยัญชนะควบไม่แท้ สาเหตุที่มีรูปพยัญชนะควบ 3 รูป (เหมือนภาษาไทย) แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ได้เกิดการผันแปรของเสียงอ่านไปมากจนเหลือแต่เสียงควบ ว ที่ยังเป็นพยัญชนะควบแท้ ก็เนื่องด้วยว่าสิ่งเหล่านี้เป็นร่องรอยของเสียงพยัญชนะต้นควบกล้ำในภาษาไทตะวันตกเฉียงใต้ดั้งเดิม (ต่อมาได้วิวัฒนาการเป็นภาษาล้านนา, ไทย ฯลฯ) ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้กันในดินแดนล้านนาและไทยในช่วงเวลาก่อน พ.ศ. 2000​ และคาบเกี่ยวกับช่วงต้นของการประดิษฐ์อักษรธรรม[12]

    พยัญชนะต้นควบตัวละ

    []

    การเขียนพยัญชนะต้นควบตัวละ (ᩃ) จะใช้รูปตัวเชิงตัวละหน้อย (◌ᩖ) หรือรูปตัวละเสียบ​ (-᩠ᩃ) ซ้อนไว้ใต้พยัญชนะ อย่างไรก็ตาม ในภาษาล้านนาปัจจุบันนั้น พยัญชนะควบตัวละถือเป็นพยัญชนะควบไม่แท้ เพราะจะไม่ออกเสียงควบกล้ำ ล แต่อย่างใด โดยยังคงออกเสียงตามเสียงพยัญชนะต้นเช่นเดิม เสมือนไม่มีการควบ เช่น คำว่า ​ᨸᩖᩦ (ปลี) หรือ​ ᨸᩦ (ปี) ก็ล้วนแต่ออกเสียงว่า ปี๋ ทั้งคู่

    อักษร ชื่ออักษร ปริวรรตเป็นอักษรไทย ปริวรรตเป็นอักษรละติน สัทอักษร ไตรยางศ์
    คำอ่าน สัทอักษร แบบเน้นเสียงอ่าน แบบเน้นนิรุกติ
    ᨠᩖ ᨠ᩠ᩃ ก๋ะ [kǎ] กฺล k kl [k] สูง
    ᨣᩖ ᨣ᩠ᩃ ก๊ะ [ka᷇] คฺล k kl [k] ต่ำ
    ᨸᩖ ᨸ᩠ᩃ ป๋ะ [pǎ] ปฺล p pl [p] สูง
    ᨹᩖ ᨹ᩠ᩃ ผ๋ะ [pʰǎ] ผฺล ph phl [pʰ] สูง
    ᨻᩖ ᨻ᩠ᩃ ป๊ะ [pa᷇] พฺล p pl [p] ต่ำ
    ᨽᩖ ᨽ᩠ᩃ ภะ [pʰa᷇] ภฺล ph phl [pʰ] ต่ำ
    ᨾᩖ ᨾ᩠ᩃ มะ [ma᷇] มฺล m ml [m] ต่ำ

    พยัญชนะต้นควบระโรง (ระโฮง หรือ ระวง)

    []

    การควบตัวระโรงเป็นรูปที่พิเศษที่ใช้เขียนการควบกล้ำด้วยตัว ᩁ (ร) ในทำนองเดียวกับอักขรวิธีของอักษรขอมไทย และอักษรเขมร ในขณะที่รูปเชิงซึ่งเป็นตัวสะกดจะใช้ -᩠ᩁ โดยระโรงอาจเรียกได้หลายอย่าง ซึ่งจะเรียกว่า ระโฮง (ตามการอ่านแบบล้านนา) หรือ ระวง ก็ได้

    พยัญชนะควบตัวระโรงถือเป็นพยัญชนะควบไม่แท้ การควบด้วยตัวระโรงนั้น แม้จะเทียบเคียงได้กับการควบพยัญชนะ ร ในภาษาไทย แต่ในภาษาล้านนานั้นไม่มีเสียง ร ดังนั้นการควบด้วยระโรงจึงไม่ใช่การควบเสียง ร อย่างที่ปรากฏในภาษาไทย ในทางตรงกันข้าม การควบด้วยระโรงจะมีกฎการผันเสียงโดยเฉพาะ สามารถแบ่งได้เป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มที่เกิดการผันเสียง และกลุ่มที่ไม่เกิดการผันเสียง และในบางกรณีอาจมีการเติมหน่วยเสียง ล เข้าไปแทรกในทำนองเดียวกับอักษรนำด้วย เช่น ᨴᩕᩣ᩠ᨿ (ทฺราย; หมายถึงทะลายมะพร้าว) อาจออกเสียงเป็น ทาย หรือ ทะลาย ก็ได้ (ไม่ออกเสียงว่า ซาย แบบภาษาไทย)

    การเขียนคำยืมที่มาจากภาษาต่างประเทศ ที่มีเสียงควบ ร หรือ r ก็อาจอนุโลมให้ใช้การควบด้วยรูประโรงก็ได้ เช่น ฟรี หรือ free สามารถเขียนเป็น ᨼᩕᩦ โดยอาจออกเสียงเป็น ฟี หรือ ฟรี ตามการออกเสียงในภาษาดั้งเดิมก็ได้[13]

    การควบระโรงแบบมีการผันเสียง
    []

    ในกรณีที่พยัญชนะต้นมีเสียงอโฆษะสิถิล ได้แก่ เสียง ก (ᨠ,​ ᨣ); ต​ (ᨲ​, ᨴ); ป​ (ᨷ,​​ ᨻ) การควบด้วยระโรงจะทำให้เกิดการผันเสียงเป็นเสียงอโฆษะธนิต ได้แก่ เสียง ค, ท, พ ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ในเอกสารโบราณอาจพบรูปที่มีการควบระโรงซ้ำซ้อนได้เช่นรูป ᨡᩕ​ (ขฺร) และ ᨹᩕ​ (ผฺร) หรือแม้แต่การควบ ปฺร ด้วยรูป ᨸᩕ อย่างไรก็ดี มักถือว่าเป็นการเขียนที่ไม่ตรงกับหลักอักขรวิธี

    อักษร ชื่ออักษร ปริวรรตเป็นอักษรไทย ปริวรรตเป็นอักษรละติน สัทอักษร ไตรยางศ์
    คำอ่าน สัทอักษร แบบเน้นเสียงอ่าน แบบเน้นนิรุกติ
    ᨠᩕ ข๋ะ, ฃ๋ะ [xǎ], [kʰǎ] กฺร kh, x kr [x] สูง
    ᨡᩕ ข๋ะ, ฃ๋ะ [xǎ], [kʰǎ] ขฺร kh, x khr [x] สูง
    ᨣᩕ คะ, ฅะ [xa᷇], [kʰa᷇] คฺร kh, x khr [x] ต่ำ
    ᨲᩕ ถะหล๋ะ [tʰa.lǎ] ตฺร thl tr [tʰa.l] สูง
    ถ๋ะ [tʰǎ] th [tʰ]
    ᨴᩕ ทะละ [tʰa᷇.la᷇] ทฺร thl thr [tʰa᷇.l] ต่ำ
    ทะ [tʰa᷇] th [tʰ]
    ᨷᩕ ผ๋ะ [pʰǎ] ปฺร ph pr [pʰ] สูง
    ᨹᩕ ผ๋ะ[14] [pʰǎ] ผฺร ph phr [pʰ] สูง
    ᨻᩕ พะ [pʰa᷇] พฺร ph phr [pʰ] ต่ำ
    การควบระโรงแบบไม่มีการผันเสียง
    []

    ในกรณีที่พยัญชนะต้นมีเสียงอื่นนอกจากเสียงอโฆษะสิถิล จะไม่มีการผันเสียงพยัญชนะ แต่มักจะนิยมเติมหน่วยเสียง ล เข้าไปในทำนองเดียวกับอักษรนำ เช่น ᩈᩕᩦ (สฺรี)​ อ่านว่า สะ-หลี เป็นต้น

    อักษร ชื่ออักษร ปริวรรตเป็นอักษรไทย ปริวรรตเป็นอักษรละติน สัทอักษร ไตรยางศ์
    คำอ่าน สัทอักษร แบบเน้นเสียงอ่าน แบบเน้นนิรุกติ
    ᨧᩕ จะหล๋ะ[15] [t͡ɕa.lǎ] จฺร chl, jl chr, jr [t͡ɕa.l] สูง
    จ๋ะ [t͡ɕʰǎ] ch, j [t͡ɕʰ]
    ᨩᩕ จะ[16] [t͡ɕa] ชฺร ch, j chr, jr [t͡ɕʰ] ต่ำ
    ᨪᩕ ซะละ[17] [sa᷇.la᷇] ซฺร sl sr [sa᷇.l] ต่ำ
    ᩈᩕ สะหล๋ะ [sa.lǎ] สฺร sl sr [sa.l] สูง
    ᩆᩕ ศะหล๋ะ [sa.lǎ] ศฺร sl sr [sa.l] สูง

    พยัญชนะต้นควบตัววะ

    []

    พยัญชนะควบตัววะถือเป็นพยัญชนะควบแท้ เพียงหนึ่งเดียว

    อักษร ชื่ออักษร การปริวรรต สัทอักษร ไตรยางศ์
    คำอ่าน สัทอักษร อักษรไทย อักษรละติน
    ᨠ᩠ᩅ กว๋ะ [kwǎ] กว kw [kw] สูง
    ᨡ᩠ᩅ ขว๋ะ, ฃว๋ะ [xwǎ] ขว khw, xw [xw] สูง
    ᨢ᩠ᩅ ขว๋ะ, ฃว๋ะ [xwǎ] ฃว khw, xw [xw] สูง
    ᨣ᩠ᩅ กว๊ะ [kwa᷇] คว kw [kw] ต่ำ
    ᨤ᩠ᩅ ควะ, ฅวะ [xwa᷇] ฅว khw, xw [xw] ต่ำ
    ᨦ᩠ᩅ งวะ [ŋwa᷇] งว ngw [ŋw] ต่ำ
    ᩉ᩠ᨦ᩠ᩅ หฺงวะ [ŋwǎ] หฺงว ngw [ŋw] สูง
    ᨧ᩠ᩅ จว๋ะ [t͡ɕwǎ] จว jw, chw [t͡ɕw] สูง
    ᨩ᩠ᩅ จว๊ะ [t͡ɕwa᷇] ชว jw, chw [t͡ɕw] ต่ำ
    ᨪ᩠ᩅ ซวะ [swa᷇] ซว sw [sw] ต่ำ
    ᨯ᩠ᩅ ดว๋ะ [dwǎ] ดว dw [dw] กลาง
    ᨲ᩠ᩅ ตว๋ะ [twǎ] ตว tw [tw] สูง
    ᨴ᩠ᩅ ตว๊ะ [tʰwa᷇] ทว thw [tʰw] ต่ำ
    ᨶ᩠ᩅ นวะ [nwa᷇] นว nw [nw] ต่ำ
    ᩀ᩠ᩅ ยว๋ะ, อฺยว๋ะ [jwǎ] อฺยว yw [jw] กลาง
    ᨿ᩠ᩅ ญวะ (เสียงนาสิก) [ɲwa᷇] ยว nyw, yw, gnw [ɲw] ต่ำ
    ᩉ᩠ᨿ᩠ᩅ หฺญวะ (เสียงนาสิก) [ɲwǎ] หฺยว, หฺญว nyw, yw, gnw [ɲw] สูง
    ᩁ᩠ᩅ ลวะ [lwa᷇] รว rw, lw [lw] ต่ำ
    ᩃ᩠ᩅ ลวะ [lwa᷇] ลว lw [lw] ต่ำ
    ᩈ᩠ᩅ สว๋ะ [swǎ] สว sw [sw] สูง
    ᩋ᩠ᩅ อว๋ะ [ʔwǎ] อว ʔw [ʔw] ต่ำ

    สระ

    []

    สระลอย

    []

    สระลอยคือรูปสระที่ออกเสียงได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องประสมกับพยัญชนะ สระลอยในอักษรธรรมล้านนามีใช้สำหรับเขียนภาษาบาลีสันสกฤตเป็นหลัก เว้นแต่รูปสระ ᩐᩣ (เอา) ซึ่งเป็นรูปสระพิเศษแทนคำว่า เอา ซึ่งเป็นคำภาษาตระกูลไท ไม่ใช้กับคำภาษาบาลีสันสกฤต[18]

    อักษรธรรม คำอ่าน การปริวรรต
    ถอดเสียง สัทอักษร อักษรไทย อักษรละติน
    image อ๋ะ /áʔ/ อะ a
    ᩋᩣ image อา /āː/ อา aa
    image อิ๋ /íʔ/ อิ i
    image อี /īː/ อี ii
    image อุ๋ /úʔ/ อุ u
    image อู /ūː/ อู uu
    image เอ /ēː/ เอ e
    image โอ /ōː/ โอ o
    image ลิ, ลึ,

    ลือ, เลอ

    /li/, /lɯ̄ː/,

    /lɯ᷇ʔ/, /lɤː/[19]

    ฤ, ฤๅ, รึ,

    รือ, ริ, เรอ[19]

    rue, ruue,

    ri, roe[19]

    image ฦ, ฦๅ, ลึ,

    ลือ, ลิ, เลอ[19]

    lue, luue,

    li, loe[19]

    ᩐᩣ image เอา /aw/ เอา aw, au, ao

    สระจม

    []

    เป็นสระที่ไม่สามารถออกเสียงได้ด้วยตัวเอง ต้องนำไปผสมกับพยัญชนะก่อนจึงจะสามารถออกเสียงได้ การเรียกชื่อสระจมจะเรียกชื่อคล้ายสระในอักษรไทยทุกประการ แต่ในอักษรธรรมจะเรียกโดยขึ้นต้นด้วยคำว่าไม้ เช่นว่า ไม้ก๋ะ ไม้ก๋า ไม้กิ ไม้กี๋ ฯลฯ

    สระเสียงสั้น
    (ใช้กับพยัญชนะ ᨠ)
    สระเสียงยาว
    (ใช้กับพยัญชนะ ᨠ)
    สระ ไม่มีตัวสะกด มีตัวสะกด (ᨦ)[a] สระ ไม่มีตัวสะกด มีตัวสะกด (ᨦ)[a]
    สระเดี่ยว
    อะ /a/ᨠ​, ᨠᩡ ᨠᩢ᩠ᨦ อา /aː/ ᨠᩣ[b] ᨠᩣ᩠ᨦ
    อิ /i/ᨠᩥ ᨠᩥ᩠ᨦ อี /iː/ ᨠᩦ ᨠᩦ᩠ᨦ
    อึ /ɯ/ᨠᩧ,​ ᨠᩨᩡ ᨠᩧ᩠ᨦ,​ ᨠᩨ᩠ᨦᩡ อือ /ɯː/ ᨠᩨ ᨠᩨ᩠ᨦ
    อุ /u/ᨠᩩ ᨠᩩᨦ,​ ᨠᩩᨦ᩼[c] อู /uː/ ᨠᩪ ᨠᩪᨦ,​ ᨠᩪᨦ᩼[c]
    เอะ /e/ ᨠᩮᩡ, ᨠᩮᩬᩡ ᨠᩮᩢ᩠ᨦ, ᨠᩮᩬᨦᩡ เอ /eː/ ᨠᩮ ᨠᩮ᩠ᨦ
    แอะ /ɛ/ ᨠᩯᩡ, ᨠᩯᩬᩡ ᨠᩯᩢ᩠ᨦ,​​ ᨠᩯᩬᨦᩡ แอ /ɛː/ ᨠᩯ ᨠᩯ᩠ᨦ
    โอะ /o/ ᨠᩰᩡ ᨠᩫ᩠ᨦ [d] โอ /oː/ ᨠᩰ,ᨠᩮᩣ[b][e] ᨠᩰᩫ᩠ᨦ,​ ᨠᩰ᩠ᨦ
    เอาะ /ɔ/ ᨠᩰᩬᩡ ᨠᩬᩢᨦ,​ ᨠᩬᨦᩡ ออ /ɔː/ ᨠᩬᩴ, ᨠᩳ[f] ᨠᩬᨦ, ᨠᩬᨦ᩼[c]
    เออะ /ɤ/ ᨠᩮᩬᩥᩡ ᨠᩮᩥᩢ᩠ᨦ,​ ᨠᩮᩥ᩠ᨦᩡ เออ /ɤː/ ᨠᩮᩥᩬ ᨠᩮᩥ᩠ᨦ
    สระเสียงควบ
    เอียะ /iaʔ/ ᨠᩮ᩠ᨿᩡ ᨠ᩠ᨿᩢᨦ, ᨠ᩠ᨿᨦᩡ เอีย /ia/ ᨠᩮ᩠ᨿ ᨠ᩠ᨿᨦ
    เอือะ /ɯaʔ/ ᨠᩮᩬᩥᩋᩡ ᨠᩮᩬᩥᩢᨦ,​ ᨠᩮᩬᩥᨦᩡ เอือ /ɯa/ ᨠᩮᩬᩥᩋ ᨠᩮᩬᩥᨦ
    ᨠᩮᩬᩨᩋᩡ ᨠᩮᩬᩨᩢᨦ,​ ᨠᩮᩬᩨᨦᩡ ᨠᩮᩬᩨᩋ ᨠᩮᩬᩨᨦ
    อัวะ /uaʔ/ ᨠ᩠ᩅᩫᩡ ᨠ᩠ᩅᩢᨦ,​ ᨠ᩠ᩅᨦᩡ อัว /ua/ ᨠ᩠ᩅᩫ ᨠ᩠ᩅᨦ,​ ᨠ᩠ᩅᨦ᩼[c]
    สระเสียงควบตามหลักสัทศาสตร์
    เอา /aw/ ᨠᩮᩢᩣ,[b]ᨠᩮᩫᩢᩣ ,ᨠᩮᩣ,[g]ᨠᩳ,[h]ᨠᩪᩦ[i] - อาว /aːw/ ᨠᩣ᩠ᩅ -
    อิว /iw/ ᨠᩥ᩠ᩅ -
    เอ็ว /ew/ ᨠᩮ᩠ᩅᩡ,​ ᨠᩮᩢ᩠ᩅ - เอว /eːw/ ᨠᩮ᩠ᩅ,​ ᨠ᩠ᨿᩅ,​ ᨠ᩠ᨿᩴ -
    แอ็ว /ɛw/ ᨠᩯ᩠ᩅᩡ,​ ᨠᩯᩢ᩠ᩅ - แอว /ɛːw/ ᨠᩯ᩠ᩅ -
    เอียว /iaw/ ᨠ᩠ᨿᩅ,​ ᨠ᩠ᨿᩴ -
    ไอ /aj/ ᨠᩱ, ᨠᩲ, ᨠᩱ᩠ᨿ, ᨠᩱᨿ᩠ᨿ, ᨠᩮᨿ᩠ᨿ,[20]ᨠᩢ᩠ᨿ[10] - อาย /aːj/ ᨠᩣ᩠ᨿ -
    อึย /ɯj/ ᨠᩧ᩠ᨿ,​ ᨠᩨ᩠ᨿᩡ - อืย /ɯːj/ ᨠᩨ᩠ᨿ -
    อุย /uj/ ᨠᩩ᩠ᨿ - อูย /uːj/ ᨠᩪ᩠ᨿ -
    โอย /oːj/ ᨠᩰᩫ᩠ᨿ,​ ​ᨠ᩠ᩅ᩠ᨿ -
    อ็อย​/ɔj/ ᨠᩬ᩠ᨿᩡ,​ ᨠᩬᩢ᩠ᨿ - ออย /ɔːj/ ᨠᩭ,[f][j]ᨠᩬ᩠ᨿ -
    เอย /ɤːj/ ᨠᩮᩥ᩠ᨿ,​ ᨠᩮᩬᩥ᩠ᨿ,​ ᨠᩮᩬᩨ᩠ᨿ -
    อวย /uaj/ ᨠ᩠ᩅ᩠ᨿ -
    เอือย /ɯaj/ ᨠᩮᩬᩥ᩠ᨿ,​ ᨠᩮᩬᩨ᩠ᨿ -
    สระรูปพิเศษ
    อํ /aŋ/ ᨠᩴ[k],[e]ᨠᩘ[e][l]
    อำ /am/ ᨠᩣᩴ[b]
    หมายเหตุ
    1. เป็นการสะกดที่จำลองขึ้นเพื่อแสดงตำแหน่งของสระและพยัญชนะ
    2. สระอาในรูป ◌ᩤ นิยมใช้กับอักษรที่มีรูปร่างกลมมน ได้แก่ ᨣ​ ᨧ​ ᨵ​ ᨰ​ ᨴ​ ᨷ​ ᩅ เพื่อให้อ่านง่าย ในที่นี้จะมีชื่อว่าไม้ก๋าหลวงหรือไม้ก๋าโว้ง (ᩱᨾ᩶ᨠᩣᩉᩖ᩠ᩅᨦ,​ ᨾᩱ᩶ᨠᩣᩅᩰᩫ᩠᩶ᨦ)
    3. ตัวอักษร ᩁ ที่อยู่บนตัวสะกดนี้ ( ᩺ , ᩼) เรียกว่า ระห้าม (ᩁᩉ᩶ᩣ᩠ᨾ) หรือ ระสะกด (ᩁ ᩈᨠᩫ᩠ᨯ) ทำหน้าที่เป็นทัณฑฆาต ( ์) หรือ วิราม
    4. เรียกว่า ไม้ก๋ง (ᩱᨾᩢᨠᩫ᩠ᨦ)
    5. ใช้สำหรับการเขียนภาษาบาลีเท่านั้น
    6. เป็นการสะกดแบบลื้อและขืน(เขิน)
    7. บางตำรามีการเล่นคำ ทำให้ ᩮᨠᩣ ออกเสียง เอา และ ᩮᨠᩫᩣ ออกเสียง โอ
    8. -ᩳ เรียกว่าไม้เก๋าห่อหนึ้ง (ᨾᩱ᩶ᨠᩮᩢᩣᩉᩬᩴ᩵ᩉ᩠ᨶᩧ᩶ᨦ)
    9. เรียกว่าไม้เก๋าจู้จี้ (ᨾᩱ᩶ᨠᩮᩢᩣᨧᩪ᩶ᨧᩦ᩶)
    10. ᩭ เรียกว่า ไม้ก๋อย (ᩱᨾ᩶ᨠᩬ᩠ᨿ)
    11. เรียกว่าไม้กั๋งมน (ᩱᨾ᩶ᨠᩢ᩠ᨦᨾᩫ᩠ᨶ)
    12. เรียกว่าไม้กั๋งไหล (ᩱᨾ᩶ᨠᩢ᩠ᨦᩉᩱᩖ) จะใช้เป็นตัวข่มในพยัญชนะวรรค กะ เท่านั้น

    สระพิเศษสำหรับภาษาสันสกฤต

    []

    อักษรธรรมล้านนานั้นแต่หนเดิมได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้เขียนภาษาบาลีก่อนเป็นเบื้องแรก ดังนั้นจึงใช้เขียนภาษาบาลีได้อย่างราบรื่น แต่ทว่าการณ์มิได้เป็นเช่นนั้นสำหรับภาษาสันสกฤต เนื่องจากการใช้อักษรธรรมเขียนภาษาสันสกฤตนั้นได้เกิดขึ้นในสมัยหลัง และแม้โดยพื้นฐานแล้วภาษาสันสกฤตจะใกล้เคียงกับภาษาบาลีมาก แต่ก็มีเสียงสระที่เพิ่มขึ้นมาคือ สระไอ และ สระเอา เพื่อให้สามารถเขียนภาษาสันสกฤตได้ จึงมีการดัดแปลงไม้แก๋ (รูปสระแอ) สำหรับใช้แทนเสียง สระไอ และ สระเอา ในภาษาสันสกฤต ดังตารางด้านล่าง จากหลักฐานจะพบเพียงรูปสระจมของสระทั้งสองนี้เท่านั้น ไม่พบรูปสระลอย และรูปสระ ᩐᩣ​ ก็จะไม่นำไปใช้กับภาษาสันสฤต นอกจากนี้ยังมีการประดิษฐ์รูปสระจมของตัว ฤ ขึ้นใช้สำหรับภาษาสันสกฤตด้วย โดยอักขระนี้อาจมีรูปลักษณ์คล้ายหางป๊ะ (◌ᩛ) หรือเขียนเป็นตัว ᩂ อยู่ใต้พยัญชนะ ​[19]

    สระ รูปสระจม

    (จำลองการสะกดด้วยตัว ᨠ)

    ไอ /ai/ ᨠᩯ
    เอา /au/ ᨠᩯᩣ
    ฤ /ṛ/ ᨠ᩠ᩂ

    วรรณยุกต์

    []

    รูปวรรณยุกต์

    []

    อักษรธรรมล้านนามีรูปวรรณยุกต์หลัก ๆ คือไม้เหยาะ (ᨾᩱ᩶ᩀᩰᩬᩡ) และไม้ขอจ๊าง (ᨾᩱ᩶ᨡᩬᩴᨩ᩶ᩣ᩠ᨦ) ซึ่งเทียบเท่ากับไม้เอกและไม้โทของอักษรไทย โดยไม่มีรูปที่เทียบเท่าไม้ตรีและจัตวา ทำให้การผันเสียงวรรณยุกต์มีระบบที่แตกต่างจากภาษาไทยมาตรฐานค่อนข้างมาก เนื่องจากภาษาล้านนามีเสียงวรรณยุกต์ถึง 6 เสียง แต่ในการเขียน จะผันเสียงโดยใช้รูปวรรณยุกต์เพียงสองรูปเท่านั้น ขณะที่ภาษาไทยมาตรฐานมีเสียงวรรณยุกต์ 5 เสียง แต่ก็มีการประดิษฐ์รูปวรรณยุกต์ให้ใช้ได้ครบทุกเสียง อนึ่ง ในภาษาไทเขิน ก็ได้มีความพยายามในการประดิษฐ์รูปวรรณยุกต์เพิ่มเติมอีก 3 รูป คือ ไม้ก๋อเหนือ (ᨾᩱ᩶​ᨠᩬᩴᩉ᩠ᨶᩮᩬᩥᩋ) ไม้สองเหนือ (ᨾᩱ᩶​ᩈᩬᨦᩉ᩠ᨶᩮᩬᩥᩋ) และไม้สามเหนือ (ᨾᩱ᩶​ᩈᩣ᩠ᨾᩉ᩠ᨶᩮᩬᩥᩋ) สำหรับใช้กับกลุ่มอักษรกลาง ᩋ​ (อ) ᨷ​ (บ) ᨯ​ (ด) ᩀ​ (อย) อย่างไรก็ตาม รูปวรรณยุกต์ที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่นี้ ยังจำกัดใช้เฉพาะในภาษาไทเขินแบบเชียงตุง ซึ่งมีการออกเสียงวรรณยุกต์ต่างจากภาษาล้านนาที่ใช้ในภาคเหนือของไทย ทั้งยังมีรูปแบบการใช้ที่สับสนและไม่เป็นระบบมากนัก จึงไม่เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายนัก[21]

    รูป​วรรณยุกต์ ชื่อเรียก หมายเหตุ
    ชื่อภาษาล้านนา ถอดเสียง สัทอักษร
    image ᨾᩱ᩶ᩀᩢ᩠ᨠ, ᨾᩱ᩶ᩀᩰᩬᩡ[22] ไม้หยัก, ไม้เหยาะ /máj.jǎk/, /máj.jɔ́ʔ/ เทียบได้กับไม้เอก
    image ᨾᩱ᩶ᨡᩬᩴᨩ᩶ᩣ᩠ᨦ[22] ไม้ขอจ๊าง /máj.xɔ̌ː.t͡ɕáːŋ/ เทียบได้กับไม้โท
    image ᨾᩱ᩶ᨪᩢ᩠ᨯ[21] ไม้ซัด /máj.sát/ เป็นรูปไม้หันอากาศ แต่สามารถใช้เป็นรูปไม้โทได้เช่นกัน และมักพบใช้ปะปนกันได้โดยทั่วไป
    image ᨾᩱ᩶​ᨠᩬᩴᩉ᩠ᨶᩮᩬᩥᩋ[23] ไม้ก๋อเหนือ /máj.kɔ̌.nɯa̯/ ประดิษฐ์ขึ้นใช้กับภาษาไทเขิน, รูปร่างเหมือนไม้ก๋อ (สระออ) -ᩳ ใช้สำหรับบังคับเสียงวรรณยุกต์อักษรกลาง แต่การใช้ยังลักลั่นอยู่มาก เนื่องจากบางตำราถือว่าใช้สำหรับเสียงวรรณยุกต์สามัญ แต่บางตำราก็ว่าให้ใช้สำหรับวรรณยุกต์ที่ใกล้เคียงกับเสียงตรีในภาษาไทยมาตรฐาน [21]
    image ᨾᩱ᩶​ᩈᩬᨦᩉ᩠ᨶᩮᩬᩥᩋ[23] ไม้สองเหนือ /máj.sɔ̌ːŋ.nɯa̯/ ประดิษฐ์ขึ้นใช้กับภาษาไทเขิน, รูปร่างเหมือนเลขสอง ใช้สำหรับเสียงวรรณยุกต์จัตวาของอักษรกลาง เพื่อป้องกันความสับสนในการออกเสียง[21]
    image ᨾᩱ᩶​ᩈᩣ᩠ᨾᩉ᩠ᨶᩮᩬᩥᩋ[23] ไม้สามเหนือ /máj.sǎːm.nɯa̯/ ประดิษฐ์ขึ้นใช้กับภาษาไทเขิน, รูปร่างเหมือนเลขสาม ใช้สำหรับเสียงวรรณยุกต์ของอักษรกลาง ซึ่งมีเสียงใกล้เคียงกับเสียโทในภาษาไทยมาตรฐาน[21]
    image ᨾᩱ᩶ᨡᩣᨸᩮ[24][25] ไม้ขาเป๋ /máj.kʰǎː.pěː/ ยืมจากอักษรไทยรูปไม้จัตวา สำหรับใช้ในภาษาไทเขิน เทียบได้กับไม้สองเหนือ[21]
    image ᨾᩱ᩶ᩈᩣ᩠ᨾᨡᩦ᩠ᨯ[24][25] ไม้สามขีด /máj.sǎːm.kʰìːt/ ยืมจากอักษรไทยรูปไม้โท สำหรับใช้ในภาษาไทเขิน เทียบได้กับไม้สามเหนือ[21]


    การผันวรรณยุกต์

    []

    คำเมืองสำเนียงเชียงใหม่มีวรรณยุกต์ 6 เสียง โดยพื้นฐานจะใกล้เคียงกับภาษาไทยมาตรฐานคือมีเสียง 5 เสียง ได้แก่ สามัญ เอก โท ตรี และ จัตตา แต่มีเสียงครึ่งโทครึ่งตรีเพิ่มมาอีกหนึ่งเสียง ซึ่งในวงวิชาการมักเรียกว่า เสียงโทพิเศษ วรรณยุกต์สำเนียงเชียงใหม่มีระดับเสียงที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับเสียงวรรณยุกต์ของภาษาไทยมาตรฐาน แต่สำเนียงในถิ่นอื่นอาจจะมีความแตกต่างไปจากภาษาไทยมาตรฐานได้มาก และอาจจะมีเสียงวรรณยุกต์มากถึง 8 เสียง

    เสียงวรรณยุกต์ภาษาไทยมาตรฐานเทียบภาษาล้านนาสำเนียงเชียงใหม่
    วรรณยุกต์ ภาษาไทย
    มาตรฐาน[26]
    ภาษาล้านนา
    สำเนียงเชียงใหม่[26]
    สามัญ 33 or ˧˧ 33 or ˧˧
    เอก 21 or ˨˩ 21 or ˨˩
    โท 43 or ˦˧ 42 or ˦˨
    โทพิเศษ 44ʔ or ˦˦ʔ
    ตรี 44 or ˦˦ 45 or ˦˥
    จัตวา 323 or ˧˨˧ 24 or ˨˦

      อักษรธรรมล้านนาแบ่งเป็นระบบไตรยางศ์สำหรับผันวรรณยุกต์ได้เช่นเดียวกับอักษรไทย แต่ก็มีความแตกต่างค่อนข้างมาก เนื่องจากอักษรธรรมมีรูปวรรณยุกต์เพียง 2 รูป คือ ไม้เหยาะ (เทียบเท่าไม้เอก) และ ไม้ขอจ๊าง (เทียบเท่าไม้โท) แต่ต้องผันเสียงถึง 6 เสียง อีกทั้งพยัญชนะหลายตัวก็ออกเสียงต่างจากอักษรไทย ดังนั้นในการผันวรรณยุกต์ดัวยอักษรธรรม จะเป็นการผันในลักษณะที่ผันอักษรต่ำคู่ไปกับอักษรสูงให้ครบ 6 เสียง และในส่วนของอักษรต่ำเดียว ก็จะมีรูป ᩉ​ (ห) นำ สำหรับเป็นคู่อักษรสูงเช่นเดียวกับอักษรไทย อย่างไรก็ดีเสียงพยัญชนะของอักษรธรรมจะต่างจากอักษรภาษาไทย เช่น รูป ᨠ​ (ก) กับ ᨣ​ (ค) มีเสียง ก เหมือนกัน และจะใช้ผันเป็นเสียง ก คู่กันจนครบ 6 เสียง คือ ​ᨣᩤ​ ᨠ᩵ᩣ​ ᨣ᩵ᩤ​ ᨠ᩶ᩣ​ ᨣ᩶ᩤ​ ᨠᩣ ดังนั้น คู่ของอักษรที่จะใช้ผันวรรณยุกต์คู่กันจะแตกต่างจากอักษรไทย ซึ่งจะได้แสดงไว้ในตารางข้างล่างนี้[27]

      คู่อักษรสูงและอักษรต่ำที่ใช้ในการผันเสียงวรรณยุกต์ด้วยอักษรธรรมล้านนา
      เสียงตามสัทอักษร อักษรธรรม อักษรไทย (เทียบเคียง)
      อักษรสูง อักษรต่ำ อักษรสูง อักษรต่ำ
      [k] (อักษรกลาง)
      [x] ᨡ, ᨢ ᨤ, ᨥ ข, ฃ ค, ฅ
      [ŋ] ᩉ᩠ᨦ หง
      [t͡ɕ] (อักษรกลาง)
      [s] ᨨ, ᩆ, ᩇ, ᩈ ᨪ, ᨫ ส, ศ, ษ
      [ɲ] ᩉ᩠ᨿ ᨬ, ᨿ หญ (เสียงนาสิก) (เสียงนาสิก)
      [t] ᨭ, ᨲ ต, ฏ (อักษรกลาง)
      [tʰ] ᨮ, ᨳ ᨰ, ᨵ ถ, ฐ ท, ฒ, ธ
      [n] ᩉ᩠ᨶ ᨱ, ᨶ หน
      [p] [a] (อักษรกลาง)
      [pʰ] พ, ภ
      [f]
      [m]

      วิกิพีเดีย, วิกิ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, มือถือ, โทรศัพท์, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, แอปเปิ้ล, สมาร์ทโฟน, พีซี, เว็บ, คอมพิวเตอร์, ข้อมูลเกี่ยวกับ อักษรไทธรรม, อักษรไทธรรม คืออะไร? อักษรไทธรรม หมายความว่าอะไร?

      0 ตอบกลับ

      ฝากคำตอบ

      ต้องการเข้าร่วมการสนทนาหรือไม่?
      คุณสามารถร่วมเขียนได้!

      เขียนคำตอบ

      ช่องที่จำเป็นถูกทำเครื่องหมายด้วยดาว *