อักษรไทธรรม
| อักษรธรรมล้านนา | |
|---|---|
"ตัวธัมม์" เมื่อเขียนด้วยอักษรธรรมล้านนา | |
| ชนิด | อักษรสระประกอบ |
ช่วงยุค | ป. คริสศตวรรษที่ 13–ปัจจุบัน |
| ทิศทาง | ซ้ายไปขวา |
| ภาษาพูด | ภาษาไทยถิ่นเหนือ, ภาษาไทลื้อ, ภาษาไทเขิน |
| อักษรที่เกี่ยวข้อง | |
ระบบแม่ | |
ระบบลูก | ไทลื้อใหม่ |
| ISO 15924 | |
| ISO 15924 | Lana (351), Tai Tham (Lanna) |
| ยูนิโคด | |
ยูนิโคดแฝง | Tai Tham |
ช่วงยูนิโคด | U+1A20–U+1AAF |
[a] ต้นกำเนิดเซมิติกของอักษรพราหมีไม่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล | |
| ส่วนหนึ่งของชุดบทความ |
| วัฒนธรรมล้านนา |
|---|
อักษรธรรมล้านนา เป็นอักษรสระประกอบ (Abugida) ในตระกูลอักษรพราหฺมี ซึ่งใช้สำหรับเขียน ภาษาไทยถิ่นเหนือ (คำเมือง) ภาษาไทลื้อ และภาษาไทเขิน รวมไปถึงภาษาสำหรับพระพุทธศาสนาคือ ภาษาบาลี และภาษาสันสกฤต อักษรธรรมล้านนาแต่เดิมเรียกว่า ตัวธัมม์ หรือ ตั๋วธรรม (ᨲ᩠ᩅᩫᨵᨾ᩠ᨾ᩼ หรือ ᨲ᩠ᩅᩫᨵᩢᨾ᩠ᨾ᩼) โดย ตัว หรือ ตั๋ว หมายถึง อักษร ส่วน ธัมม์ หรือ ธรรม หมายถึง คัมภีร์ แต่ในประเทศไทย ปัจจุบันนิยมเรียกอย่างเป็นทางการว่า อักษรธรรมล้านนา และเรียกแบบลำลองว่า ตั๋วเมือง (ᨲ᩠ᩅᩫᨾᩮᩬᩥᨦ; ใช้คู่กับ คำเมือง ซึ่งเป็นชื่อเรียกภาษาพูด) นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกอักษรนี้อีกหลายอย่าง เช่น อักษรไทธรรม (Tai Tham script) ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกในระบบคอมพิวเตอร์ หรือ อักษรไทลื้อเก่า ซึ่งใช้เรียกในเมืองสิบสองปันนา ประเทศจีน เนื่องจากรัฐบาลจีนได้มีการประดิษฐ์อักษรแบบใหม่สำหรับภาษาไทลื้อ ซึ่งเรียกว่าอักษรไทลื้อใหม่ ส่วนในรัฐฉาน ประเทศพม่า ชาวไทใหญ่เรียกอักษรชนิดนี้ว่า ลิ่กยวน หมายถึงอักษรของชาวไทยวน (ชาวล้านนา) ใช้เขียนเอกสารทางศาสนา
ในประเทศลาว และภาคอีสานของไทย อักษรธรรมล้านนาได้รับการดัดแปลงรูปแบบให้เข้ากับภาษาลาว นิยมเรียกอักษรรูปแบบนี้ว่า โตธรรมลาว หรือ โตธรรมอีสาน ส่วนอักษรธรรมล้านนาแบบดั้งเดิมนั้น ทางฝ่ายลาวจะนิยมเรียกว่า อักษรยวน หรือ อักษรโยน ซึ่งเป็นชื่อที่เชื่อมโยงกับอาณาจักรโยนกเชียงแสน ซึ่งเป็นอาณาจักรโบราณแห่งหนึ่งของชาวไทยวน (ชาวล้านนา)
ประวัติ
[]จารึกอักษรธรรมล้านนาที่เก่าแก่ที่สุดที่ค้นพบคือจารึกจารึกลานทองสมเด็จพระมหาเถรจุฑามุณิ พ.ศ. 1919 ซึ่งค้นพบที่วัดมหาธาตุ เมืองสุโขทัย[4] ในจารึกมีทั้งภาษาไทยและภาษาบาลี โดยภาษาบาลีจะจารึกเป็นอักษรธรรม ส่วนภาษาไทยจะจารึกเป็นอักษรไทยสุโขทัย จารึกที่เก่ารองลงมาคือจารึกวัดเชียงมั่นปี พ.ศ. 2008 โดยจารึกเป็นภาษาบาลีและภาษาไทย โดยอักษรธรรมในจารึกทั้งสองนี้มีรูปลักษณ์ที่ใกล้เคียงกับอักษรมอญที่ใช้กันในอาณาจักรหริภุญไชยราวพุทธศตวรรษที่ 18 นักวิชาการส่วนมากจึงสรุปว่าอักษรธรรมล้านนามีที่มาจากอักษรมอญโบราณ[5]
ในอาณาจักรล้านนานั้น ยังปรากฏการใช้อักษรไทยฝักขามซึ่งวิวัฒนาการมาจากอักษรไทยสุโขทัยควบคู่กันกับอักษรธรรมไปอีกด้วย (โดยอักษรนี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า อักษรไทยล้านนา[ต้องการอ้างอิง]) ซึ่งอักษรฝักขามนี้ ก็ได้ส่งอิทธิพลต่ออักษรธรรมล้านนาเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการใช้สัญลักษณ์แทนวรรณยุกต์[6] ต่อมาภายหลังก็ได้เกิดอักษรลูกผสมระหว่างอักษรฝักขามและอักษรธรรมเรียกว่าอักษรไทยนิเทศ ซึ่งพบว่ามีการใช้บันทึกงานวรรณกรรมในช่วงสั้น ๆ ประมาณ พ.ศ. 2100[7]
ในภายหลัง อักษรธรรมล้านนาได้แผ่ขยายออกไปสู่อาณาจักรข้างเคียง ได้แก่ เชียงตุง เชียงรุ่ง และ ล้านช้าง[5] โดยในเชียงตุงและเชียงรุ่ง อักษรธรรมล้านนาได้ถูกปรับอักขรวิธีและรูปลักษณ์ที่มีความกลมมนมากขึ้นจนเป็นเอกลักษณ์ของอักษรธรรมแบบไทเขิน (เชียงตุง) และไทลื้อ (เชียงรุ่ง) เช่นเดียวกับในล้านช้างที่อักษรธรรมล้านนาได้รับการดัดแปลงทั้งอักขระวิธีและรูปลักษณ์อักษรให้ต่างออกไป เรียกว่า โตธรรมลาว โดยนิยมใช้สำหรับงานเขียนเกี่ยวกับพุทธศาสนาเป็นสำคัญ
เนื่องจากนโยบายชาตินิยมของรัฐบาลไทยตั้งแต่สมัยอดีต ทำให้ไม่มีการสอนอักษรธรรมล้านนาในระบบโรงเรียนอย่างเป็นทางการอีกต่อไป ส่งผลให้ผู้รู้อักษรธรรมล้านนาในไทยในปัจจุบันมักมีจำกัดอยู่เฉพาะในแวดวงของพระสงฆ์ นักวิชาการ ช่างศิลป์พื้นเมือง และหมอพื้นบ้าน เท่านั้น ไม่เป็นที่รับรู้ของบุคคลทั่วไปมากนัก อย่างไรก็ดี ในเมืองเชียงตุงและเขตรัฐฉานประเทศเมียนมาร์ ยังพบว่ามีการใช้อักษรธรรมล้านนาในชีวิตประจำวันอยู่อย่างแพร่หลาย
พยัญชนะ
[]อักษรธรรมล้านนามีพยัญชนะ 43 ตัว แบ่งเป็นสามกลุ่ม คือ พยัญชนะในวรรค (ᨻ᩠ᨿᩢᨬ᩠ᨩᨶᨶᩲᩅᩢᨣ᩠ᨣ᩼), พยัญชนะอวรรค (ᨻ᩠ᨿᩢᨬ᩠ᨩᨶᩋᩅᩢᨣ᩠ᨣ᩼), และ พยัญชนะเพิ่ม โดยพยัญชนะในวรรคและพยัญชนะอวรรค เป็นกลุ่มอักขระที่วิวัฒนาการมาจากอักษรมอญโบราณซึ่งใช้สำหรับการเขียนภาษาบาลีและสันสกฤต ในทำนองเดียวกับอักษรเทวนาครี อักษรปัลลวะ และ อักษรพม่า พยัญชนะในวรรคจะแบ่งได้เป็น 5 วรรค (ᩅᩢᨣ᩠ᨣ᩼) คือ วรรค ᨠ (ก), วรรค ᨧ (จ), วรรค ᨭ (ฏ), วรรค ᨲ (ต), วรรค ᨷ (ป) ส่วนพยัญชนะเพิ่มนั้น เป็นพยัญชนะที่ประดิษฐ์ขึ้นเพิ่มเติมสำหรับเขียนคำในภาษาตระกูลไท ซึ่งแต่เดิมจะไม่พบในภาษาบาลี อนึ่ง ในพจนานุกรม มักจัดเอาตัว ᩂ (ฤ) และ ᩄ (ฦ) เข้าไว้ในหมวดพยัญชนะด้วย โดยมีลำดับถัดมาจากอักษร ᩁ (ร) และ ᩃ (ล) ตามลำดับ แต่กระนั้น อักษรทั้งสองตัวนี้แท้จริงแล้วถือว่าเป็นอักขระแทนพยางค์ (syllabary) ไม่ใช่พยัญชนะแท้ นอกจากนี้อักษรธรรมล้านนายังมีพยัญชนะรูปพิเศษเช่น ᩕ- (ร ควบ) ᩔ (สฺส) ᨬ᩠ᨬ (ญฺญ) ᩓ (แล) เป็นต้น อีกด้วย
ตารางพยัญชนะ
[]อักษรธรรมล้านนามีพยัญชนะ 43 ตัว ได้แก่ พยัญชนะในวรรค 25 ตัว พยัญชนะอวรรค 10 ตัว และ พยัญชนะเพิ่ม 8 ตัว อย่างไรก็ดี อักษรไทยที่ปรากฏเป็นการปริวรรต (ถ่ายอักษร) เท่านั้น เสียงจริงของอักษรแสดงไว้ในสัทอักษร ซึ่งอาจจะออกเสียงต่างไปจากอักษรไทย
นอกจากนี้ ในทำนองเดียวกับอักษรมอญและเขมร อักษรธรรมล้านนายังมีพยัญชนะรูปตัวเชิง ซึ่งเป็นรูปของพยัญชนะที่ใส่ไว้ใต้พยัญชนะหรือสระ เรียกว่า หาง (ᩉᩣ᩠ᨦ) ตัวซ้อน (ᨲ᩠ᩅᩫᨪᩬ᩶ᩁ) ตัวห้อย (ᨲ᩠ᩅᩫᩉᩬ᩠ᨿ᩶) หรือ ตัวเสียบ (ᨲ᩠ᩅᩫᩈ᩠ᨿᨷ) พยัญชนะตัวเชิงใส่ไว้เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวสะกดหรือห้ามไม่ให้พยัญชนะตัวข่ม (อักษรที่อยู่ด้านบนของตัวเชิง) ออกเสียงอะ (ในกรณีที่เขียนภาษาบาลีสันสกฤต) เช่น ᨻᩩᨴ᩠ᨵ (พุทฺธ) จะอ่านเป็น ปุ๊ด-ทะ ไม่อ่านว่า ปุ๊ด-ต๊ะ-ทะ นอกจากนี้ ตัวเชิงของอักษร ᩅ (ว) ᨿ (ย) และ ᩋ (อ) ยังใช้เป็นรูปสระได้ด้วย ทั้งนี้ พยัญชนะในวรรคและอวรรคจะมีตัวเชิงทุกตัว และโดยทั่วไปก็มีลักษณะคล้ายเดิมกับพยัญชนะปกติ ยกเว้นบางตัวซึ่งเปลี่ยนรูปไป เช่น ตัวเชิงของ ᨮ (ฐ) ᨻ (พ) ᨷ (บ) ᨶ (น) ᨾ (ม) ᨿ (ย) ᩁ (ร) ᩋ (อ) อย่างไรก็ดี อักษรบางตัวเช่น ᩃ (ล) ᨷ (บ) ᩁ (ร) อาจจะมีรูปตัวเชิงมากกว่าหนึ่งแบบ ซึ่งตัวเชิงแต่ละแบบอาจมีวิธีการใช้ที่แตกต่างกันในแต่ละปริบทหรือตามความนิยม ตัวอย่างเช่น รูป ◌᩠ᨷ จะใช้ในกรณีที่เป็นตัวสะกด ส่วนรูป ◌ᩝ จะใช้ในกรณีที่เป็นคำสะกดแบบพิเศษ เช่น ᨣᩴ᩵ᩝ (ก็บ่) ส่วนพยัญชนะเพิ่ม (ซึ่งแสดงในแถวตารางสีเหลือง) จะไม่มีรูปตัวเชิงแต่อย่างใดเนื่องจากประดิษฐ์ขึ้นภายหลัง อนึ่ง ในการป้อนอักขระอักษรธรรมด้วยระบบยูนิโคด จะสามารถแปลงพยัญชนะเป็นรูปตัวเชิงได้ด้วยการป้อนสัญลักษณ์ สะกด (รหัสอักขระ U1A60) (◌᩠) ซึ่งในขณะที่ป้อน จะปรากฏเป็นสัญลักษณ์กากบาทอยู่ใต้อักษร[8]
ในส่วนของมาตราตัวสะกด อักษรธรรมล้านนาก็มีแม่ตัวสะกดเช่นดียวกับอักษรไทย คือ แม่กก แม่กบ แม่กด แม่กง แม่กม แม่เกย และ แม่เกอว โดยนิยมเรียกว่า แม่กัก แม่กับ แม่กัด แม่กัง แม่กัม แม่กัย และ แม่กัว อย่างไรก็ดีจะมีความแตกต่างจากอักษรไทยเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น ตัว ᨫ (ฌ) ในอักษรธรรมล้านนาสามารถเป็นตัวสะกดในมาตราแม่กดได้ แต่กับอักษรไทยจะทำเช่นนี้ไม่ได้ อนึ่งอักษรธรรมล้านนาสามารถจัดหมวดหมู่ไตรยางศ์ได้ในทำนองเดียวกับอักษรไทยและอักษรลาว
ปริวรรตเป็นอักษรไทย : "วัดหม้อฅำทวง"
คำอ่าน : "วัดหม้อคำตวง"
| วรรค | อักษร | รูปตัวเชิง | ชื่ออักษร | ปริวรรตเป็นอักษรไทย | ปริวรรตเป็นอักษรละติน | สัทอักษร | ไตรยางศ์ | |||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| คำอ่าน | สัทอักษร | พยัญชนะต้น | ตัวสะกด | พยัญชนะต้น | ตัวสะกด | พยัญชนะต้น | ตัวสะกด | |||||
| ᨠ | ◌᩠ᨠ | ก๋ะ | [kǎ] | ก | แม่กก | k | k | [k] | [k̚] | สูง | |
| ᨡ | ◌᩠ᨡ | ข๋ะ | [xǎ], [kʰǎ] | ข | แม่กก | x, kh | k | [x], [kʰ] | [k̚] | สูง | ||
| ᨢ[a] | — | ฃ๋ะ | [xǎ] | ฃ | แม่กก | x, kh | — | [x] | [k̚] | สูง | ||
| ᨣ | ◌᩠ᨣ | ก๊ะ | [ka᷇] | ค | แม่กก | k | k | [k] | [k̚] | ต่ำ | ||
| ᨤ[a] | — | คะ, ฅะ | [xa᷇] | ฅ | แม่กก | x, kh | — | [x] | [k̚] | ต่ำ | ||
| ᨥ | ◌᩠ᨥ | ฆะ | [xa᷇], [kʰa᷇] | ฆ | แม่กก | x, kh | k | [x], [kʰ] | [k̚] | ต่ำ | ||
| ᨦ | ◌᩠ᨦ | งะ | [ŋa᷇] | ง | แม่กง | ng | ng | [ŋ] | [ŋ] | ต่ำ | ||
| 2. วรรค จ | ᨧ | ◌᩠ᨧ | จ๋ะ | [t͡ɕǎ] | จ | แม่กด | j, c | t | [t͡ɕ] | [t̚] | สูง | |
| ᨨ | -᩠ᨨ | ส๋ะ, ฉ๋ะ | [sǎ], [t͡ɕʰǎ] | ฉ | - | s, ch | — | [s], [t͡ɕʰ] | — | สูง | ||
| ᨩ | -᩠ᨩ | จ๊ะ | [t͡ɕa᷇] | ช | แม่กด | j, c | t | [t͡ɕ] | [t̚] | ต่ำ | ||
| ᨪ[a] | — | ซะ | [sa᷇] | ซ | แม่กด | s | t | [s] | [t̚] | ต่ำ | ||
| ᨫ | -᩠ᨫ | ซะ, ชะ, ฌะ | [sa᷇], [t͡ɕʰa᷄] | ฌ | แม่กด | s, ch | t | [s], [t͡ɕʰa᷄] | [t̚] | ต่ำ | ||
| ᨬ | -᩠ᨬ | ญะ (เสียงนาสิก) | [ɲa᷇] | ญ | แม่กน | ny, y | n | [ɲ], [j][b] | [n] | ต่ำ | ||
| 3. วรรค ฏ | ᨭ | -᩠ᨭ | ระฏ๋ะ | [lǎ.tǎ] | ฏ, ฎ | แม่กด | t | t | [t] | [t̚] | สูง | |
| ᨮ | -᩠ᨮ , -ᩛ[c] | ระฐ๋ะ | [lǎ.tʰǎ] | ฐ | แม่กด | th | t | [tʰ] | [t̚] | สูง | ||
| ᨯ | -᩠ᨯ | ระฑะ, ด๊ะ | [dǎ] | ฎ, ฑ, ด | แม่กด | d, th[d] | t | [d], [tʰ][d] | [t̚] | กลาง | ||
| ᨰ | -᩠ᨰ | ระฒะ | [lǎ.tʰa᷇] | ฒ | แม่กด | th | t | [tʰ] | [t̚] | ต่ำ | ||
| ᨱ | -᩠ᨱ | ระณะ | [lǎ.na᷇] | น | แม่กน | n | n | [n] | [n] | ต่ำ | ||
| 4. วรรค ต | ᨲ | -᩠ᨲ | ต๋ะ | [tǎ] | ต | แม่กด | t | t | [t] | [t̚] | สูง | |
| ᨳ | -᩠ᨳ | ถ๋ะ | [tʰǎ] | ถ | แม่กด | th | t | [tʰ] | [t̚] | สูง | ||
| ᨴ | -᩠ᨴ | ต๊ะ | [ta᷇] | ท | แม่กด | t | t | [t] | [t̚] | ต่ำ | ||
| ᨵ | -᩠ᨵ | ธะ | [tʰa᷇] | ธ | แม่กด | th | t | [tʰ] | [t̚] | ต่ำ | ||
| ᨶ | -᩠ᨶ | นะ | [na᷇] | น | แม่กน | n | n | [n] | [n] | ต่ำ | ||
| 5. วรรค ป | ᨷ | -᩠ᨷ , -ᩝ | บ๋ะ [a] | [bǎ] | บ | แม่กบ | b | p | [b][e] | [p̚] | กลาง | |
| -᩠ᨷ | ป๋ะ[f] | [pǎ] | ป | แม่กบ | p | p | [p][f][9][10] | [p̚] | สูง[10][9] | |||
| ᨸ[a][g] | – | ป๋ะ | [pǎ] | ป | แม่กบ | p | p | [p] | [p̚] | สูง | ||
| ᨹ | -᩠ᨹ | ผ๋ะ | [pʰǎ] | ผ | - | ph | – | [pʰ] | – | สูง | ||
| ᨺ[a] | – | ฝ๋ะ | [fǎ] | ฝ | - | f | – | [f] | – | สูง | ||
| ᨻ | -᩠ᨻ , -ᩛ[c] | ป๊ะ | [pa᷇] | พ | แม่กบ | p | p | [p] | [p̚] | ต่ำ | ||
| ᨼ[a] | – | ฟะ | [fa᷇] | ฟ | แม่กบ | f | p | [f] | [p̚] | ต่ำ | ||
| ᨽ | -᩠ᨽ | ภะ | [pʰa᷇] | ภ | แม่กบ | ph | p | [pʰ] | [p̚] | ต่ำ | ||
| ᨾ | -᩠ᨾ , -ᩜ | มะ | [ma᷇] | ม | แม่กม | m | m | [m] | [m] | ต่ำ | ||
| 6. อวรรค | ᨿ | -᩠ᨿ | ญะ (เสียงนาสิก) | [ɲa᷇] | ย | แม่เกย | ny, y | – | [ɲ], [j][b] | – | ต่ำ | |
| ᩀ[a] | – | ยะ, อยะ | [jǎ] | อย | - | y | – | [j] | – | กลาง | ||
| ᩁ[h] | -᩠ᩁ , -ᩕ | ระ, ละ, ฮะ | [la᷇] | ร, ล, ฮ | แม่กน | r,[i] l, h | n | [r],[d][l],[d][h] | [n] | ต่ำ | ||
| ᩃ | -᩠ᩃ , -ᩖ | ละ | [la᷇] | ล | แม่กน | l | n | [l] | [n] | ต่ำ | ||
| ᩅ | -᩠ᩅ | วะ | [wa᷇] | ว | แม่เกอว | w | – | [w] | – | ต่ำ | ||
| ᩆ | -᩠ᩆ | ศ๋ะ | [sǎ] | ศ | แม่กด | s | t | [s] | [t̚] | สูง | ||
| ᩇ | -᩠ᩇ | ษ๋ะ | [sǎ] | ษ | แม่กด | s | t | [s] | [t̚] | สูง | ||
| ᩈ | -᩠ᩈ , -ᩞ | ส๋ะ | [sǎ] | ส | แม่กด | s | t | [s] | [t̚] | สูง | ||
| ᩉ | -᩠ᩉ | หะ | [hǎ] | ห | - | h | – | [h] | – | สูง | ||
| ᩊ | -᩠ᩊ | ฬะ | [la᷇] | ฬ | แม่กน | l | n | [l] | [n] | ต่ำ | ||
| ᩋ | -ᩬ | อ๋ะ | [ʔǎ] | อ | - | – | – | [ʔ] | – | กลาง | ||
| ᩌ[a] | – | ฮะ | [ha᷇] | ฮ | - | h | – | [h] | – | ต่ำ | ||
- หมายเหตุ
- พยัญชนะเพิ่มซึ่งประดิษฐ์ขึ้นสำหรับเขียนคำในภาษาตระกูลไท พยัญชนะเหล่าแท้จริงจะไม่จัดอยู่ในวรรค และไม่มีรูปตัวเชิง แต่ในที่นี้จะแทรกไว้ในแต่ละวรรคเพื่อให้เทียบเคียงกับอักษรไทยได้ง่าย โดยจะมีชื่อว่า บะวรรค (ตั้งชื่อตาม บ)
- การออกเสียงเฉพาะในภาษาไทลื้อ
- พยัญชนะตัวเชิงของ ฐ และ พ มีรูปแบบเหมือนกัน คือ -ᩛ แต่จะมีรูปแบบการใช้ต่างกัน โดยถ้านำเชิงนำไปใส่ไว้ใต้พยัญชนะ วรรค ฏ จะออกเสียง ฐ แต่ถ้านำไปไว้ใต้พยัญชนะวรรค ป จะออกเสียง ป หรือ พ แทน
- อิทธิพลจากภาษาไทยมาตรฐาน และภาษาบาลีสันสฤต
- สำหรับเขียนคำในภาษาตระกูลไท
- สำหรับเขียนคำที่รากศัพท์มาจากภาษาบาลีสันสฤต
- สำหรับเขียนคำที่มาจากภาษาตระกูลไทเท่านั้น ไม่ใช้สำหรับคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาบาลีสันสฤต
- หากนำตัวอักษรนี้ไปเขียนบนตัวพยัญชนะอื่นๆ สามารถทำเป็นทัณฑฆาตได้ โดยจะเรียกตัวนี้ว่า ระห้าม
- นิยมปริวรรตเป็นอักษร ร สำหรับอักษรไทย หรือ r สำหรับอักษรละติน เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาไทยมาตรฐานหรือภาษาบาลีสันกฤต
พยัญชนะกลุ่ม ห นำ
[]อักษรต่ำบางตัว ได้แก่ ᨦ (ง) ᨶ (น) ᨾ (ม) ᨿ (ย) ᨬ (ญ) ᩁ (ร) ᩃ (ล) ᩅ (ว) จะไม่มีคู่อักษรสูงสำหรับผันเสียงวรรณยุกต์ได้ครบ อักษรเหล่านี้เรียกว่าอักษรต่ำเดี่ยว ดังนั้นเพื่อให้สามารถผันเสียงวรรณยุกต์ได้ครบ คู่อักษรสูงของอักษรเหล่านี้จะอยู่ในรูป ᩉ (ห) นำ โดยมีอักษรตัวตามอยู่ในรูปตัวเชิง ดังแสดงในตาราง โดยสำหรับอักษร ᨬ (ญ) จะนิยมใช้รูป ᩉ᩠ᨿ (หย) แทน[11]
| อักษร | ชื่ออักษร | การปริวรรต | สัทอักษร | ไตรยางศ์ | ||
|---|---|---|---|---|---|---|
| คำอ่าน | สัทอักษร | อักษรไทย | อักษรละติน | |||
| ᩉ᩠ᨦ | หง๋ะ | [ŋǎ] | หง | ng | [ŋ] | สูง |
| ᩉ᩠ᨶ | หน๋ะ | [nǎ] | หน | n | [n] | สูง |
| ᩉ᩠ᨾ | หม๋ะ | [mǎ] | หม | m | [m] | สูง |
| ᩉ᩠ᨿ | หญ๋ะ (เสียงนาสิก) | [ɲǎ] | หย, หญ | ny | [ɲ], [j][a] | สูง |
| ᩉᩕ | หร๋ะ, หล๋ะ, ห๋ะ | [rǎ], [lǎ], [hǎ] | หร | r,[b] l, h | [r],[c][l],[c][h] | สูง |
| ᩉᩖ, ᩉ᩠ᩃ | หล๋ะ | [lǎ] | หล | l | [l] | สูง |
| ᩉ᩠ᩅ | หว๋ะ | [wǎ] | หว | w | [w] | สูง |
- หมายเหตุ
- การออกเสียงเฉพาะในภาษาไทลื้อ
- นิยมปริวรรตเป็นอักษร ร สำหรับอักษรไทย หรือ r สำหรับอักษรละติน เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาไทยมาตรฐานหรือภาษาบาลีสันกฤต
- อิทธิพลจากภาษาไทยมาตรฐาน และภาษาบาลีสันสฤต
พยัญชนะรูปพิเศษ
[]| อักษร | ชื่ออักษร | หน่วยเสียงทางสัทอักษร | หมายเหตุ | ||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|
| อักษรธรรม | ปริวรรตเป็นอักษรไทย | ปริวรรตเป็นอักษรละติน | สัทอักษร | ||||
| ᩓ | ᩃᩯᩡ, ᩃᩯ | และ, แล | lae | [lɛ̄ː] | [lɛʔ], [lɛ̄ː] | อักษร ᩃ (ล) เชื่อมกับรูปสระ ᩮ (เ) ซึ่งเขียนเป็นตัวยกไว้ด้านบน อักษร แล ยังมีรูปตัวเชิงด้วยคือ ◌᩠ᩓ จัดว่าเป็นอักขรวิธีพิเศษ สำหรับเขียนคำว่า ᨩ᩠ᩓ (ชะแล ย่อมาจาก เช่นนั้นแล) | |
| ᨶᩣ | ᨶᩣ | นา | naa | [nāː] | [nāː] | อักษร ᨶ (น) เชื่อมกับรูปสระ ᩣ (า). จะสามารถเรียกอีกชื่อหนึ่งคือ นะหัวแตก (ᨶ ᩉᩫ᩠ᩅᨲᩯ᩠ᨠ) ก็ได้[ต้องการอ้างอิง] | |
| ᨬ᩠ᨬ | ᨬᨬ | ญะญะ | nya nya | [ɲa᷇ʔ ɲa᷇ʔ] | [n.ɲ] | อักษร ᨱ (ณ) เชื่อมกับ ᨬ (ญ) สำหรับแทนตัว ᨬ ซ้อนสองตัว | |
| ᩔ | ᩈ ᩈᩬᨦᩉᩬ᩶ᨦ | สะสองห้อง | sa song hong | [sǎː sɔ̌ːŋ hɔ᷇ːŋ] | [t̚.s], [s̚.s] | อักษร ᩈ (ส) สองตัวเชื่อมติดกัน | |
| ᩕ | ᩁᩁᩰᩫ᩠ᨦ, ᩁᩅᩫ᩠ᨦ | ระโรง, ระโฮง, ระวง | rarong, rahong, rawong | [la᷇.hōːŋ] | [r], [l], [ʰ] | ระโรงจะใช้เป็นเป็นตัวเชิง ᩁ (ra) เพื่อควบกล้ำ ร เช่น ᨷᩕ (ปฺร) ᨻᩕ (พฺร) ในขณะที่รูปเชิงซึ่งเป็นตัวสะกดจะใช้ -᩠ᩁ | |
พยัญชนะควบ
[]อักษรธรรมล้านนามีพยัญชนะควบ 3 รูป คือ พยัญชนะควบตัวละ (ᩃ) พยัญชนะควบตัวระโรง (ᩕ) และ พยัญชนะควบตัววะ (ᩅ) โดยมีเพียงพยัญชนะควบตัววะเท่านั้นที่เป็นพยัญชนะควบแท้ ส่วนพยัญชนะควบตัวละ และควบตัวระโรง เป็นพยัญชนะควบไม่แท้ สาเหตุที่มีรูปพยัญชนะควบ 3 รูป (เหมือนภาษาไทย) แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ได้เกิดการผันแปรของเสียงอ่านไปมากจนเหลือแต่เสียงควบ ว ที่ยังเป็นพยัญชนะควบแท้ ก็เนื่องด้วยว่าสิ่งเหล่านี้เป็นร่องรอยของเสียงพยัญชนะต้นควบกล้ำในภาษาไทตะวันตกเฉียงใต้ดั้งเดิม (ต่อมาได้วิวัฒนาการเป็นภาษาล้านนา, ไทย ฯลฯ) ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้กันในดินแดนล้านนาและไทยในช่วงเวลาก่อน พ.ศ. 2000 และคาบเกี่ยวกับช่วงต้นของการประดิษฐ์อักษรธรรม[12]
พยัญชนะต้นควบตัวละ
[]การเขียนพยัญชนะต้นควบตัวละ (ᩃ) จะใช้รูปตัวเชิงตัวละหน้อย (◌ᩖ) หรือรูปตัวละเสียบ (-᩠ᩃ) ซ้อนไว้ใต้พยัญชนะ อย่างไรก็ตาม ในภาษาล้านนาปัจจุบันนั้น พยัญชนะควบตัวละถือเป็นพยัญชนะควบไม่แท้ เพราะจะไม่ออกเสียงควบกล้ำ ล แต่อย่างใด โดยยังคงออกเสียงตามเสียงพยัญชนะต้นเช่นเดิม เสมือนไม่มีการควบ เช่น คำว่า ᨸᩖᩦ (ปลี) หรือ ᨸᩦ (ปี) ก็ล้วนแต่ออกเสียงว่า ปี๋ ทั้งคู่
| อักษร | ชื่ออักษร | ปริวรรตเป็นอักษรไทย | ปริวรรตเป็นอักษรละติน | สัทอักษร | ไตรยางศ์ | |||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| คำอ่าน | สัทอักษร | แบบเน้นเสียงอ่าน | แบบเน้นนิรุกติ | |||||
| ᨠᩖ | ᨠ᩠ᩃ | ก๋ะ | [kǎ] | กฺล | k | kl | [k] | สูง |
| ᨣᩖ | ᨣ᩠ᩃ | ก๊ะ | [ka᷇] | คฺล | k | kl | [k] | ต่ำ |
| ᨸᩖ | ᨸ᩠ᩃ | ป๋ะ | [pǎ] | ปฺล | p | pl | [p] | สูง |
| ᨹᩖ | ᨹ᩠ᩃ | ผ๋ะ | [pʰǎ] | ผฺล | ph | phl | [pʰ] | สูง |
| ᨻᩖ | ᨻ᩠ᩃ | ป๊ะ | [pa᷇] | พฺล | p | pl | [p] | ต่ำ |
| ᨽᩖ | ᨽ᩠ᩃ | ภะ | [pʰa᷇] | ภฺล | ph | phl | [pʰ] | ต่ำ |
| ᨾᩖ | ᨾ᩠ᩃ | มะ | [ma᷇] | มฺล | m | ml | [m] | ต่ำ |
พยัญชนะต้นควบระโรง (ระโฮง หรือ ระวง)
[]การควบตัวระโรงเป็นรูปที่พิเศษที่ใช้เขียนการควบกล้ำด้วยตัว ᩁ (ร) ในทำนองเดียวกับอักขรวิธีของอักษรขอมไทย และอักษรเขมร ในขณะที่รูปเชิงซึ่งเป็นตัวสะกดจะใช้ -᩠ᩁ โดยระโรงอาจเรียกได้หลายอย่าง ซึ่งจะเรียกว่า ระโฮง (ตามการอ่านแบบล้านนา) หรือ ระวง ก็ได้
พยัญชนะควบตัวระโรงถือเป็นพยัญชนะควบไม่แท้ การควบด้วยตัวระโรงนั้น แม้จะเทียบเคียงได้กับการควบพยัญชนะ ร ในภาษาไทย แต่ในภาษาล้านนานั้นไม่มีเสียง ร ดังนั้นการควบด้วยระโรงจึงไม่ใช่การควบเสียง ร อย่างที่ปรากฏในภาษาไทย ในทางตรงกันข้าม การควบด้วยระโรงจะมีกฎการผันเสียงโดยเฉพาะ สามารถแบ่งได้เป็นสองกลุ่มคือ กลุ่มที่เกิดการผันเสียง และกลุ่มที่ไม่เกิดการผันเสียง และในบางกรณีอาจมีการเติมหน่วยเสียง ล เข้าไปแทรกในทำนองเดียวกับอักษรนำด้วย เช่น ᨴᩕᩣ᩠ᨿ (ทฺราย; หมายถึงทะลายมะพร้าว) อาจออกเสียงเป็น ทาย หรือ ทะลาย ก็ได้ (ไม่ออกเสียงว่า ซาย แบบภาษาไทย)
การเขียนคำยืมที่มาจากภาษาต่างประเทศ ที่มีเสียงควบ ร หรือ r ก็อาจอนุโลมให้ใช้การควบด้วยรูประโรงก็ได้ เช่น ฟรี หรือ free สามารถเขียนเป็น ᨼᩕᩦ โดยอาจออกเสียงเป็น ฟี หรือ ฟรี ตามการออกเสียงในภาษาดั้งเดิมก็ได้[13]
การควบระโรงแบบมีการผันเสียง
[]ในกรณีที่พยัญชนะต้นมีเสียงอโฆษะสิถิล ได้แก่ เสียง ก (ᨠ, ᨣ); ต (ᨲ, ᨴ); ป (ᨷ, ᨻ) การควบด้วยระโรงจะทำให้เกิดการผันเสียงเป็นเสียงอโฆษะธนิต ได้แก่ เสียง ค, ท, พ ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ในเอกสารโบราณอาจพบรูปที่มีการควบระโรงซ้ำซ้อนได้เช่นรูป ᨡᩕ (ขฺร) และ ᨹᩕ (ผฺร) หรือแม้แต่การควบ ปฺร ด้วยรูป ᨸᩕ อย่างไรก็ดี มักถือว่าเป็นการเขียนที่ไม่ตรงกับหลักอักขรวิธี
| อักษร | ชื่ออักษร | ปริวรรตเป็นอักษรไทย | ปริวรรตเป็นอักษรละติน | สัทอักษร | ไตรยางศ์ | ||
|---|---|---|---|---|---|---|---|
| คำอ่าน | สัทอักษร | แบบเน้นเสียงอ่าน | แบบเน้นนิรุกติ | ||||
| ᨠᩕ | ข๋ะ, ฃ๋ะ | [xǎ], [kʰǎ] | กฺร | kh, x | kr | [x] | สูง |
| ᨡᩕ | ข๋ะ, ฃ๋ะ | [xǎ], [kʰǎ] | ขฺร | kh, x | khr | [x] | สูง |
| ᨣᩕ | คะ, ฅะ | [xa᷇], [kʰa᷇] | คฺร | kh, x | khr | [x] | ต่ำ |
| ᨲᩕ | ถะหล๋ะ | [tʰa.lǎ] | ตฺร | thl | tr | [tʰa.l] | สูง |
| ถ๋ะ | [tʰǎ] | th | [tʰ] | ||||
| ᨴᩕ | ทะละ | [tʰa᷇.la᷇] | ทฺร | thl | thr | [tʰa᷇.l] | ต่ำ |
| ทะ | [tʰa᷇] | th | [tʰ] | ||||
| ᨷᩕ | ผ๋ะ | [pʰǎ] | ปฺร | ph | pr | [pʰ] | สูง |
| ᨹᩕ | ผ๋ะ[14] | [pʰǎ] | ผฺร | ph | phr | [pʰ] | สูง |
| ᨻᩕ | พะ | [pʰa᷇] | พฺร | ph | phr | [pʰ] | ต่ำ |
การควบระโรงแบบไม่มีการผันเสียง
[]ในกรณีที่พยัญชนะต้นมีเสียงอื่นนอกจากเสียงอโฆษะสิถิล จะไม่มีการผันเสียงพยัญชนะ แต่มักจะนิยมเติมหน่วยเสียง ล เข้าไปในทำนองเดียวกับอักษรนำ เช่น ᩈᩕᩦ (สฺรี) อ่านว่า สะ-หลี เป็นต้น
| อักษร | ชื่ออักษร | ปริวรรตเป็นอักษรไทย | ปริวรรตเป็นอักษรละติน | สัทอักษร | ไตรยางศ์ | ||
|---|---|---|---|---|---|---|---|
| คำอ่าน | สัทอักษร | แบบเน้นเสียงอ่าน | แบบเน้นนิรุกติ | ||||
| ᨧᩕ | จะหล๋ะ[15] | [t͡ɕa.lǎ] | จฺร | chl, jl | chr, jr | [t͡ɕa.l] | สูง |
| จ๋ะ | [t͡ɕʰǎ] | ch, j | [t͡ɕʰ] | ||||
| ᨩᩕ | จะ[16] | [t͡ɕa] | ชฺร | ch, j | chr, jr | [t͡ɕʰ] | ต่ำ |
| ᨪᩕ | ซะละ[17] | [sa᷇.la᷇] | ซฺร | sl | sr | [sa᷇.l] | ต่ำ |
| ᩈᩕ | สะหล๋ะ | [sa.lǎ] | สฺร | sl | sr | [sa.l] | สูง |
| ᩆᩕ | ศะหล๋ะ | [sa.lǎ] | ศฺร | sl | sr | [sa.l] | สูง |
พยัญชนะต้นควบตัววะ
[]พยัญชนะควบตัววะถือเป็นพยัญชนะควบแท้ เพียงหนึ่งเดียว
| อักษร | ชื่ออักษร | การปริวรรต | สัทอักษร | ไตรยางศ์ | ||
|---|---|---|---|---|---|---|
| คำอ่าน | สัทอักษร | อักษรไทย | อักษรละติน | |||
| ᨠ᩠ᩅ | กว๋ะ | [kwǎ] | กว | kw | [kw] | สูง |
| ᨡ᩠ᩅ | ขว๋ะ, ฃว๋ะ | [xwǎ] | ขว | khw, xw | [xw] | สูง |
| ᨢ᩠ᩅ | ขว๋ะ, ฃว๋ะ | [xwǎ] | ฃว | khw, xw | [xw] | สูง |
| ᨣ᩠ᩅ | กว๊ะ | [kwa᷇] | คว | kw | [kw] | ต่ำ |
| ᨤ᩠ᩅ | ควะ, ฅวะ | [xwa᷇] | ฅว | khw, xw | [xw] | ต่ำ |
| ᨦ᩠ᩅ | งวะ | [ŋwa᷇] | งว | ngw | [ŋw] | ต่ำ |
| ᩉ᩠ᨦ᩠ᩅ | หฺงวะ | [ŋwǎ] | หฺงว | ngw | [ŋw] | สูง |
| ᨧ᩠ᩅ | จว๋ะ | [t͡ɕwǎ] | จว | jw, chw | [t͡ɕw] | สูง |
| ᨩ᩠ᩅ | จว๊ะ | [t͡ɕwa᷇] | ชว | jw, chw | [t͡ɕw] | ต่ำ |
| ᨪ᩠ᩅ | ซวะ | [swa᷇] | ซว | sw | [sw] | ต่ำ |
| ᨯ᩠ᩅ | ดว๋ะ | [dwǎ] | ดว | dw | [dw] | กลาง |
| ᨲ᩠ᩅ | ตว๋ะ | [twǎ] | ตว | tw | [tw] | สูง |
| ᨴ᩠ᩅ | ตว๊ะ | [tʰwa᷇] | ทว | thw | [tʰw] | ต่ำ |
| ᨶ᩠ᩅ | นวะ | [nwa᷇] | นว | nw | [nw] | ต่ำ |
| ᩀ᩠ᩅ | ยว๋ะ, อฺยว๋ะ | [jwǎ] | อฺยว | yw | [jw] | กลาง |
| ᨿ᩠ᩅ | ญวะ (เสียงนาสิก) | [ɲwa᷇] | ยว | nyw, yw, gnw | [ɲw] | ต่ำ |
| ᩉ᩠ᨿ᩠ᩅ | หฺญวะ (เสียงนาสิก) | [ɲwǎ] | หฺยว, หฺญว | nyw, yw, gnw | [ɲw] | สูง |
| ᩁ᩠ᩅ | ลวะ | [lwa᷇] | รว | rw, lw | [lw] | ต่ำ |
| ᩃ᩠ᩅ | ลวะ | [lwa᷇] | ลว | lw | [lw] | ต่ำ |
| ᩈ᩠ᩅ | สว๋ะ | [swǎ] | สว | sw | [sw] | สูง |
| ᩋ᩠ᩅ | อว๋ะ | [ʔwǎ] | อว | ʔw | [ʔw] | ต่ำ |
สระ
[]สระลอย
[]สระลอยคือรูปสระที่ออกเสียงได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องประสมกับพยัญชนะ สระลอยในอักษรธรรมล้านนามีใช้สำหรับเขียนภาษาบาลีสันสกฤตเป็นหลัก เว้นแต่รูปสระ ᩐᩣ (เอา) ซึ่งเป็นรูปสระพิเศษแทนคำว่า เอา ซึ่งเป็นคำภาษาตระกูลไท ไม่ใช้กับคำภาษาบาลีสันสกฤต[18]
| อักษรธรรม | คำอ่าน | การปริวรรต | |||
|---|---|---|---|---|---|
| ถอดเสียง | สัทอักษร | อักษรไทย | อักษรละติน | ||
| ᩋ | อ๋ะ | /áʔ/ | อะ | a | |
| ᩋᩣ | อา | /āː/ | อา | aa | |
| ᩍ | อิ๋ | /íʔ/ | อิ | i | |
| ᩎ | อี | /īː/ | อี | ii | |
| ᩏ | อุ๋ | /úʔ/ | อุ | u | |
| ᩐ | อู | /ūː/ | อู | uu | |
| ᩑ | เอ | /ēː/ | เอ | e | |
| ᩒ | โอ | /ōː/ | โอ | o | |
| ᩂ | ลิ, ลึ, ลือ, เลอ | /li/, /lɯ̄ː/, /lɯ᷇ʔ/, /lɤː/[19] | ฤ, ฤๅ, รึ, รือ, ริ, เรอ[19] | rue, ruue, ri, roe[19] | |
| ᩄ | ฦ, ฦๅ, ลึ, ลือ, ลิ, เลอ[19] | lue, luue, li, loe[19] | |||
| ᩐᩣ | เอา | /aw/ | เอา | aw, au, ao | |
สระจม
[]เป็นสระที่ไม่สามารถออกเสียงได้ด้วยตัวเอง ต้องนำไปผสมกับพยัญชนะก่อนจึงจะสามารถออกเสียงได้ การเรียกชื่อสระจมจะเรียกชื่อคล้ายสระในอักษรไทยทุกประการ แต่ในอักษรธรรมจะเรียกโดยขึ้นต้นด้วยคำว่าไม้ เช่นว่า ไม้ก๋ะ ไม้ก๋า ไม้กิ ไม้กี๋ ฯลฯ
| สระเสียงสั้น (ใช้กับพยัญชนะ ᨠ) | สระเสียงยาว (ใช้กับพยัญชนะ ᨠ) | |||||
|---|---|---|---|---|---|---|
| สระ | ไม่มีตัวสะกด | มีตัวสะกด (ᨦ)[a] | สระ | ไม่มีตัวสะกด | มีตัวสะกด (ᨦ)[a] | |
| สระเดี่ยว | ||||||
| อะ /a/ | ᨠ, ᨠᩡ | ᨠᩢ᩠ᨦ | อา /aː/ | ᨠᩣ[b] | ᨠᩣ᩠ᨦ | |
| อิ /i/ | ᨠᩥ | ᨠᩥ᩠ᨦ | อี /iː/ | ᨠᩦ | ᨠᩦ᩠ᨦ | |
| อึ /ɯ/ | ᨠᩧ, ᨠᩨᩡ | ᨠᩧ᩠ᨦ, ᨠᩨ᩠ᨦᩡ | อือ /ɯː/ | ᨠᩨ | ᨠᩨ᩠ᨦ | |
| อุ /u/ | ᨠᩩ | ᨠᩩᨦ, ᨠᩩᨦ᩼[c] | อู /uː/ | ᨠᩪ | ᨠᩪᨦ, ᨠᩪᨦ᩼[c] | |
| เอะ /e/ | ᨠᩮᩡ, ᨠᩮᩬᩡ | ᨠᩮᩢ᩠ᨦ, ᨠᩮᩬᨦᩡ | เอ /eː/ | ᨠᩮ | ᨠᩮ᩠ᨦ | |
| แอะ /ɛ/ | ᨠᩯᩡ, ᨠᩯᩬᩡ | ᨠᩯᩢ᩠ᨦ, ᨠᩯᩬᨦᩡ | แอ /ɛː/ | ᨠᩯ | ᨠᩯ᩠ᨦ | |
| โอะ /o/ | ᨠᩰᩡ | ᨠᩫ᩠ᨦ [d] | โอ /oː/ | ᨠᩰ, ᨠᩮᩣ[b][e] | ᨠᩰᩫ᩠ᨦ, ᨠᩰ᩠ᨦ | |
| เอาะ /ɔ/ | ᨠᩰᩬᩡ | ᨠᩬᩢᨦ, ᨠᩬᨦᩡ | ออ /ɔː/ | ᨠᩬᩴ, ᨠᩳ[f] | ᨠᩬᨦ, ᨠᩬᨦ᩼[c] | |
| เออะ /ɤ/ | ᨠᩮᩬᩥᩡ | ᨠᩮᩥᩢ᩠ᨦ, ᨠᩮᩥ᩠ᨦᩡ | เออ /ɤː/ | ᨠᩮᩥᩬ | ᨠᩮᩥ᩠ᨦ | |
| สระเสียงควบ | ||||||
| เอียะ /iaʔ/ | ᨠᩮ᩠ᨿᩡ | ᨠ᩠ᨿᩢᨦ, ᨠ᩠ᨿᨦᩡ | เอีย /ia/ | ᨠᩮ᩠ᨿ | ᨠ᩠ᨿᨦ | |
| เอือะ /ɯaʔ/ | ᨠᩮᩬᩥᩋᩡ | ᨠᩮᩬᩥᩢᨦ, ᨠᩮᩬᩥᨦᩡ | เอือ /ɯa/ | ᨠᩮᩬᩥᩋ | ᨠᩮᩬᩥᨦ | |
| ᨠᩮᩬᩨᩋᩡ | ᨠᩮᩬᩨᩢᨦ, ᨠᩮᩬᩨᨦᩡ | ᨠᩮᩬᩨᩋ | ᨠᩮᩬᩨᨦ | |||
| อัวะ /uaʔ/ | ᨠ᩠ᩅᩫᩡ | ᨠ᩠ᩅᩢᨦ, ᨠ᩠ᩅᨦᩡ | อัว /ua/ | ᨠ᩠ᩅᩫ | ᨠ᩠ᩅᨦ, ᨠ᩠ᩅᨦ᩼[c] | |
| สระเสียงควบตามหลักสัทศาสตร์ | ||||||
| เอา /aw/ | ᨠᩮᩢᩣ,[b]ᨠᩮᩫᩢᩣ ,ᨠᩮᩣ,[g]ᨠᩳ,[h]ᨠᩪᩦ[i] | - | อาว /aːw/ | ᨠᩣ᩠ᩅ | - | |
| อิว /iw/ | ᨠᩥ᩠ᩅ | - | ||||
| เอ็ว /ew/ | ᨠᩮ᩠ᩅᩡ, ᨠᩮᩢ᩠ᩅ | - | เอว /eːw/ | ᨠᩮ᩠ᩅ, ᨠ᩠ᨿᩅ, ᨠ᩠ᨿᩴ | - | |
| แอ็ว /ɛw/ | ᨠᩯ᩠ᩅᩡ, ᨠᩯᩢ᩠ᩅ | - | แอว /ɛːw/ | ᨠᩯ᩠ᩅ | - | |
| เอียว /iaw/ | ᨠ᩠ᨿᩅ, ᨠ᩠ᨿᩴ | - | ||||
| ไอ /aj/ | ᨠᩱ, ᨠᩲ, ᨠᩱ᩠ᨿ, ᨠᩱᨿ᩠ᨿ, ᨠᩮᨿ᩠ᨿ,[20]ᨠᩢ᩠ᨿ[10] | - | อาย /aːj/ | ᨠᩣ᩠ᨿ | - | |
| อึย /ɯj/ | ᨠᩧ᩠ᨿ, ᨠᩨ᩠ᨿᩡ | - | อืย /ɯːj/ | ᨠᩨ᩠ᨿ | - | |
| อุย /uj/ | ᨠᩩ᩠ᨿ | - | อูย /uːj/ | ᨠᩪ᩠ᨿ | - | |
| โอย /oːj/ | ᨠᩰᩫ᩠ᨿ, ᨠ᩠ᩅ᩠ᨿ | - | ||||
| อ็อย/ɔj/ | ᨠᩬ᩠ᨿᩡ, ᨠᩬᩢ᩠ᨿ | - | ออย /ɔːj/ | ᨠᩭ,[f][j]ᨠᩬ᩠ᨿ | - | |
| เอย /ɤːj/ | ᨠᩮᩥ᩠ᨿ, ᨠᩮᩬᩥ᩠ᨿ, ᨠᩮᩬᩨ᩠ᨿ | - | ||||
| อวย /uaj/ | ᨠ᩠ᩅ᩠ᨿ | - | ||||
| เอือย /ɯaj/ | ᨠᩮᩬᩥ᩠ᨿ, ᨠᩮᩬᩨ᩠ᨿ | - | ||||
| สระรูปพิเศษ | ||||||
| อํ /aŋ/ | ᨠᩴ[k],[e]ᨠᩘ[e][l] | — | ||||
| อำ /am/ | ᨠᩣᩴ[b] | — | ||||
| ||||||
สระพิเศษสำหรับภาษาสันสกฤต
[]อักษรธรรมล้านนานั้นแต่หนเดิมได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้เขียนภาษาบาลีก่อนเป็นเบื้องแรก ดังนั้นจึงใช้เขียนภาษาบาลีได้อย่างราบรื่น แต่ทว่าการณ์มิได้เป็นเช่นนั้นสำหรับภาษาสันสกฤต เนื่องจากการใช้อักษรธรรมเขียนภาษาสันสกฤตนั้นได้เกิดขึ้นในสมัยหลัง และแม้โดยพื้นฐานแล้วภาษาสันสกฤตจะใกล้เคียงกับภาษาบาลีมาก แต่ก็มีเสียงสระที่เพิ่มขึ้นมาคือ สระไอ และ สระเอา เพื่อให้สามารถเขียนภาษาสันสกฤตได้ จึงมีการดัดแปลงไม้แก๋ (รูปสระแอ) สำหรับใช้แทนเสียง สระไอ และ สระเอา ในภาษาสันสกฤต ดังตารางด้านล่าง จากหลักฐานจะพบเพียงรูปสระจมของสระทั้งสองนี้เท่านั้น ไม่พบรูปสระลอย และรูปสระ ᩐᩣ ก็จะไม่นำไปใช้กับภาษาสันสฤต นอกจากนี้ยังมีการประดิษฐ์รูปสระจมของตัว ฤ ขึ้นใช้สำหรับภาษาสันสกฤตด้วย โดยอักขระนี้อาจมีรูปลักษณ์คล้ายหางป๊ะ (◌ᩛ) หรือเขียนเป็นตัว ᩂ อยู่ใต้พยัญชนะ [19]
| สระ | รูปสระจม (จำลองการสะกดด้วยตัว ᨠ) |
|---|---|
| ไอ /ai/ | ᨠᩯ |
| เอา /au/ | ᨠᩯᩣ |
| ฤ /ṛ/ | ᨠ᩠ᩂ |
วรรณยุกต์
[]รูปวรรณยุกต์
[]อักษรธรรมล้านนามีรูปวรรณยุกต์หลัก ๆ คือไม้เหยาะ (ᨾᩱ᩶ᩀᩰᩬᩡ) และไม้ขอจ๊าง (ᨾᩱ᩶ᨡᩬᩴᨩ᩶ᩣ᩠ᨦ) ซึ่งเทียบเท่ากับไม้เอกและไม้โทของอักษรไทย โดยไม่มีรูปที่เทียบเท่าไม้ตรีและจัตวา ทำให้การผันเสียงวรรณยุกต์มีระบบที่แตกต่างจากภาษาไทยมาตรฐานค่อนข้างมาก เนื่องจากภาษาล้านนามีเสียงวรรณยุกต์ถึง 6 เสียง แต่ในการเขียน จะผันเสียงโดยใช้รูปวรรณยุกต์เพียงสองรูปเท่านั้น ขณะที่ภาษาไทยมาตรฐานมีเสียงวรรณยุกต์ 5 เสียง แต่ก็มีการประดิษฐ์รูปวรรณยุกต์ให้ใช้ได้ครบทุกเสียง อนึ่ง ในภาษาไทเขิน ก็ได้มีความพยายามในการประดิษฐ์รูปวรรณยุกต์เพิ่มเติมอีก 3 รูป คือ ไม้ก๋อเหนือ (ᨾᩱ᩶ᨠᩬᩴᩉ᩠ᨶᩮᩬᩥᩋ) ไม้สองเหนือ (ᨾᩱ᩶ᩈᩬᨦᩉ᩠ᨶᩮᩬᩥᩋ) และไม้สามเหนือ (ᨾᩱ᩶ᩈᩣ᩠ᨾᩉ᩠ᨶᩮᩬᩥᩋ) สำหรับใช้กับกลุ่มอักษรกลาง ᩋ (อ) ᨷ (บ) ᨯ (ด) ᩀ (อย) อย่างไรก็ตาม รูปวรรณยุกต์ที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่นี้ ยังจำกัดใช้เฉพาะในภาษาไทเขินแบบเชียงตุง ซึ่งมีการออกเสียงวรรณยุกต์ต่างจากภาษาล้านนาที่ใช้ในภาคเหนือของไทย ทั้งยังมีรูปแบบการใช้ที่สับสนและไม่เป็นระบบมากนัก จึงไม่เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายนัก[21]
| รูปวรรณยุกต์ | ชื่อเรียก | หมายเหตุ | |||
|---|---|---|---|---|---|
| ชื่อภาษาล้านนา | ถอดเสียง | สัทอักษร | |||
| ᩵ | ᨾᩱ᩶ᩀᩢ᩠ᨠ, ᨾᩱ᩶ᩀᩰᩬᩡ[22] | ไม้หยัก, ไม้เหยาะ | /máj.jǎk/, /máj.jɔ́ʔ/ | เทียบได้กับไม้เอก | |
| ᩶ | ᨾᩱ᩶ᨡᩬᩴᨩ᩶ᩣ᩠ᨦ[22] | ไม้ขอจ๊าง | /máj.xɔ̌ː.t͡ɕáːŋ/ | เทียบได้กับไม้โท | |
| ᩢ | ᨾᩱ᩶ᨪᩢ᩠ᨯ[21] | ไม้ซัด | /máj.sát/ | เป็นรูปไม้หันอากาศ แต่สามารถใช้เป็นรูปไม้โทได้เช่นกัน และมักพบใช้ปะปนกันได้โดยทั่วไป | |
| ᩷ | ᨾᩱ᩶ᨠᩬᩴᩉ᩠ᨶᩮᩬᩥᩋ[23] | ไม้ก๋อเหนือ | /máj.kɔ̌.nɯa̯/ | ประดิษฐ์ขึ้นใช้กับภาษาไทเขิน, รูปร่างเหมือนไม้ก๋อ (สระออ) -ᩳ ใช้สำหรับบังคับเสียงวรรณยุกต์อักษรกลาง แต่การใช้ยังลักลั่นอยู่มาก เนื่องจากบางตำราถือว่าใช้สำหรับเสียงวรรณยุกต์สามัญ แต่บางตำราก็ว่าให้ใช้สำหรับวรรณยุกต์ที่ใกล้เคียงกับเสียงตรีในภาษาไทยมาตรฐาน [21] | |
| ᩸ | ᨾᩱ᩶ᩈᩬᨦᩉ᩠ᨶᩮᩬᩥᩋ[23] | ไม้สองเหนือ | /máj.sɔ̌ːŋ.nɯa̯/ | ประดิษฐ์ขึ้นใช้กับภาษาไทเขิน, รูปร่างเหมือนเลขสอง ᪂ ใช้สำหรับเสียงวรรณยุกต์จัตวาของอักษรกลาง เพื่อป้องกันความสับสนในการออกเสียง[21] | |
| ᩹ | ᨾᩱ᩶ᩈᩣ᩠ᨾᩉ᩠ᨶᩮᩬᩥᩋ[23] | ไม้สามเหนือ | /máj.sǎːm.nɯa̯/ | ประดิษฐ์ขึ้นใช้กับภาษาไทเขิน, รูปร่างเหมือนเลขสาม ᪃ ใช้สำหรับเสียงวรรณยุกต์ของอักษรกลาง ซึ่งมีเสียงใกล้เคียงกับเสียโทในภาษาไทยมาตรฐาน[21] | |
| ๋ | ᨾᩱ᩶ᨡᩣᨸᩮ[24][25] | ไม้ขาเป๋ | /máj.kʰǎː.pěː/ | ยืมจากอักษรไทยรูปไม้จัตวา สำหรับใช้ในภาษาไทเขิน เทียบได้กับไม้สองเหนือ[21] | |
| ้ | ᨾᩱ᩶ᩈᩣ᩠ᨾᨡᩦ᩠ᨯ[24][25] | ไม้สามขีด | /máj.sǎːm.kʰìːt/ | ยืมจากอักษรไทยรูปไม้โท สำหรับใช้ในภาษาไทเขิน เทียบได้กับไม้สามเหนือ[21] | |
การผันวรรณยุกต์
[]คำเมืองสำเนียงเชียงใหม่มีวรรณยุกต์ 6 เสียง โดยพื้นฐานจะใกล้เคียงกับภาษาไทยมาตรฐานคือมีเสียง 5 เสียง ได้แก่ สามัญ เอก โท ตรี และ จัตตา แต่มีเสียงครึ่งโทครึ่งตรีเพิ่มมาอีกหนึ่งเสียง ซึ่งในวงวิชาการมักเรียกว่า เสียงโทพิเศษ วรรณยุกต์สำเนียงเชียงใหม่มีระดับเสียงที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับเสียงวรรณยุกต์ของภาษาไทยมาตรฐาน แต่สำเนียงในถิ่นอื่นอาจจะมีความแตกต่างไปจากภาษาไทยมาตรฐานได้มาก และอาจจะมีเสียงวรรณยุกต์มากถึง 8 เสียง
| วรรณยุกต์ | ภาษาไทย มาตรฐาน[26] | ภาษาล้านนา สำเนียงเชียงใหม่[26] |
|---|---|---|
| สามัญ | 33 or ˧˧ | 33 or ˧˧ |
| เอก | 21 or ˨˩ | 21 or ˨˩ |
| โท | 43 or ˦˧ | 42 or ˦˨ |
| โทพิเศษ | – | 44ʔ or ˦˦ʔ |
| ตรี | 44 or ˦˦ | 45 or ˦˥ |
| จัตวา | 323 or ˧˨˧ | 24 or ˨˦ |
อักษรธรรมล้านนาแบ่งเป็นระบบไตรยางศ์สำหรับผันวรรณยุกต์ได้เช่นเดียวกับอักษรไทย แต่ก็มีความแตกต่างค่อนข้างมาก เนื่องจากอักษรธรรมมีรูปวรรณยุกต์เพียง 2 รูป คือ ไม้เหยาะ (เทียบเท่าไม้เอก) และ ไม้ขอจ๊าง (เทียบเท่าไม้โท) แต่ต้องผันเสียงถึง 6 เสียง อีกทั้งพยัญชนะหลายตัวก็ออกเสียงต่างจากอักษรไทย ดังนั้นในการผันวรรณยุกต์ดัวยอักษรธรรม จะเป็นการผันในลักษณะที่ผันอักษรต่ำคู่ไปกับอักษรสูงให้ครบ 6 เสียง และในส่วนของอักษรต่ำเดียว ก็จะมีรูป ᩉ (ห) นำ สำหรับเป็นคู่อักษรสูงเช่นเดียวกับอักษรไทย อย่างไรก็ดีเสียงพยัญชนะของอักษรธรรมจะต่างจากอักษรภาษาไทย เช่น รูป ᨠ (ก) กับ ᨣ (ค) มีเสียง ก เหมือนกัน และจะใช้ผันเป็นเสียง ก คู่กันจนครบ 6 เสียง คือ ᨣᩤ ᨠ᩵ᩣ ᨣ᩵ᩤ ᨠ᩶ᩣ ᨣ᩶ᩤ ᨠᩣ ดังนั้น คู่ของอักษรที่จะใช้ผันวรรณยุกต์คู่กันจะแตกต่างจากอักษรไทย ซึ่งจะได้แสดงไว้ในตารางข้างล่างนี้[27]
| เสียงตามสัทอักษร | อักษรธรรม | อักษรไทย (เทียบเคียง) | ||
|---|---|---|---|---|
| อักษรสูง | อักษรต่ำ | อักษรสูง | อักษรต่ำ | |
| [k] | ᨠ | ᨣ | ก (อักษรกลาง) | |
| [x] | ᨡ, ᨢ | ᨤ, ᨥ | ข, ฃ | ค, ฅ |
| [ŋ] | ᩉ᩠ᨦ | ᨦ | หง | ง |
| [t͡ɕ] | ᨧ | ᨩ | จ (อักษรกลาง) | |
| [s] | ᨨ, ᩆ, ᩇ, ᩈ | ᨪ, ᨫ | ส, ศ, ษ | ซ |
| [ɲ] | ᩉ᩠ᨿ | ᨬ, ᨿ | หญ (เสียงนาสิก) | ญ (เสียงนาสิก) |
| [t] | ᨭ, ᨲ | ᨴ | ต, ฏ (อักษรกลาง) | |
| [tʰ] | ᨮ, ᨳ | ᨰ, ᨵ | ถ, ฐ | ท, ฒ, ธ |
| [n] | ᩉ᩠ᨶ | ᨱ, ᨶ | หน | น |
| [p] | ᨷ[a]ᨸ | ᨻ | ป (อักษรกลาง) | |
| [pʰ] | ᨹ | ᨽ | ผ | พ, ภ |
| [f] | ᨺ | ᨼ | ฝ | ฟ |
| [m] | ||||
วิกิพีเดีย, วิกิ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, มือถือ, โทรศัพท์, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, แอปเปิ้ล, สมาร์ทโฟน, พีซี, เว็บ, คอมพิวเตอร์, ข้อมูลเกี่ยวกับ อักษรไทธรรม, อักษรไทธรรม คืออะไร? อักษรไทธรรม หมายความว่าอะไร?


ฝากคำตอบ
ต้องการเข้าร่วมการสนทนาหรือไม่?คุณสามารถร่วมเขียนได้!