ยูนิส มะห์มูด

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ยูนิส มะห์มูด
image
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม Younis Mahmoud Khalaf
วันเกิด (1983-02-03) 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1983 (42 ปี)
สถานที่เกิด เขตอัดดิบส์ เขตผู้ว่าการคีร์คูก
อิรัก
ส่วนสูง 1.85 m (6 ft 1 in)
ตำแหน่ง กองหน้า
สโมสรเยาวชน
1997–1999 อัดดิบส์
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
1999–2001 คีร์คูก (24)
2001–2004 อัฏเฏาะละบะฮ์ 33 (26)
2003–2004 → อัลวะห์ดะฮ์ (ยืม) 0 (0)
2004–2006 อัลคูร 49 (39)
2006–2011 อัลฆ็อรรอฟะฮ์​ 95 (72)
2008 → อัลอะรอบี (ยืม) 6 (2)
2011–2013 อัลวักเราะฮ์ 33 (16)
2013 อัลซัด 7 (2)
2013 อัลอะฮ์ลี​ 6 (3)
2015 อัรบีล 0 (0)
2015–2016 อัฏเฏาะละบะฮ์ 19 (3)
รวม -​ (185)
ทีมชาติ
2001–2002 อิรัก U-19 8 (4)
2002–2004 อิรัก U-23 33 (21)
2014 อิรัก U-23
(เอเชียนเกมส์ 2014)
5 (4)
2002–2016 อิรัก 148 (57)
เกียรติประวัติ
ตัวแทนของ image อิรัก
ฟุตบอล
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชียตะวันตก
image 2002 ดามัสกัส อิรัก
กีฬาภูมิภาคเอเชียตะวันตก
image 2005 โดฮา อิรัก
เอเชียนเกมส์
image 2006 โดฮา อิรัก U-23
image 2014 อินช็อน อิรัก ชุดโอลิมปิก
เอเชียนคัพ
image 2007 อินโดนีเซีย/มาเลเซีย/
ไทย/เวียดนาม
อิรัก
อาราเบียนกัล์ฟคัพ
image 2013 บาห์เรน อิรัก
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 12 ธันวาคม 2015
‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด
ณ วันที่ 29 มีนาคม 2016

ยูนิส มะห์มูด เคาะลัฟ (อาหรับ: يونس محمود خلف, เกิด 3 กุมภาพันธ์ 1983 ที่จังหวัดคีร์คูก ประเทศอิรัก) เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวอิรัก ตำแหน่งกองหน้า โดย มะห์มูด ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทีมชาติอิรัก​และเคยถูกจัดให้เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลชั้นนำของทวีปเอเชีย​ โดยเขาเป็นเจ้าของสถิติลงสนามให้กับทีมชาติมากที่สุดเป็นอันดับ 1 มาจนถึงปัจจุบัน และเคยเป็นกัปตันทีมชาติอิรักมายาวนานกว่า 10 ปี[1][2] นอกจากนี้เขายังเคยได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย​และเป็นนักฟุตบอลจากทวีปเอเชียเพียงไม่กี่คนที่ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลฟีฟ่าบาลงดอร์ ในปี 2007 โดยเขาได้รับการโหวตให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมลำดับที่ 29 ของโลกในปีดังกล่าว

ยูนิส มะห์มูด เริ่มมีชื่อเสียงในวงการฟุตบอลระดับชาติจากการเป็นหนึ่งในผู้เล่นของทีมชาติอิรัก รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2004 ที่ประเทศกรีซ ซึ่งทีมชาติอิรักสามารถคว้าอันดับสี่มาครองได้อย่างเหนือความคาดหมาย โดยเขาสามารถยิงประตูในกีฬาโอลิมปิกได้ 1 ลูก จากรอบแบ่งกลุ่มที่เอาชนะทีมชาติโปรตุเกส รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีไป 4–2 และได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลนักฟุตบอลเยาวชนยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปเอเชีย ประจำปี 2004

ต่อมาในปี 2006 มะห์มูดพาทีมชาติอิรักรุ่นอายุไม่เกิน 23 คว้าเหรียญเงินได้ในกีฬาเอเชียนเกมส์ 2006 ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ และได้ก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันของทีมชาติอิรักชุดใหญ่ที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ฟุตบอลเอเชียนคัพ 2007 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับมาเลเซีย, อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งนับเป็นการได้แชมป์รายการใหญ่ที่สุดของทวีปเอเชียครั้งแรกและครั้งเดียวของสมาคมฟุตบอลอิรัก โดยในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวนอกจาก ยูนิส มะห์มูด จะคว้ารางวัลผู้ทำประตูสูงสุดร่วมกับนาโอฮิโระ ทากาฮาระ จากทีมชาติญี่ปุ่นและยาซิร อัลเกาะห์ฏอนี จากทีมชาติซาอุดีอาระเบียแล้ว เขายังได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำรายการไปครองอีกด้วย

ถึงแม้ในปี 2010 มะห์มูด ต้องพลาดโอกาสในการลงเล่นในเอเชียนเกมส์ 2010 ที่เมืองกว่างโจว ประเทศจีน เพราะสมาคมฟุตบอลอิรักถูกฟีฟ่าลงโทษ จากการปล่อยให้การเมืองในประเทศเข้ามาแทรกแซงการทำงานของสมาคม ทำให้ต้องถอนทีมออกไป แต่ในปี 2014 เขาก็ได้รับโอกาสลงเล่นในกีฬาเอเชียนเกมส์อีกครั้งในกีฬาเอเชียนเกมส์ 2014 ที่เมืองอินช็อน ประเทศเกาหลีใต้ โดยลงเล่นในโควตาผู้เล่นที่อายุเกิน 23 ปี และสามารถคว้าเหรียญทองแดงได้สำเร็จ โดยในนัดชิงอันดับ 3 เขาเป็นผู้โหม่งประตูชัยให้ทีมชาติอิรักชนะทีมชาติไทย 1–0

ในการแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพ 2015 ที่ประเทศออสเตรเลีย ยูนิส มะห์มูด ยิงประตูได้ในนัดที่ชนะทีมชาติปาเลสไตน์ 2–0 ทำให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลคนแรกและคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่สามารถยิงประตูได้ในการแข่งขันเอเชียนคัพ​ ถึง 4 สมัยติดต่อกัน (2004,2007,2011,2015)

การเล่นฟุตบอลระดับสโมสร

[]

ยูนิส มะห์มูด เริ่มต้นจากการเล่นกีฬาบาสเกตบอล ในตำแหน่งชูตติงการ์ด​ จากนั้นเขาหันไปเล่นกีฬาฟุตบอลแทน โดยเขาได้เล่นให้กับสโมสรฟุตบอลเล็กๆในคีร์คูก​อย่าง อัดดิบส์ ซึ่งอยู่ในดิวิชัน 4 และไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนัก หลังจากนั้นเขาย้ายไปเป็นนักเตะระดับเยาวชนของทีมประจำเมืองคีร์คูกอย่าง สโมสรฟุตบอลคีร์คูก ที่ลงเล่นในลีกอิรักดิวิชัน 1 และถูกค้นพบโดยแมวมองของสโมสรกีฬาอัฏเฏาะละบะฮ์ ทีมใหญ่ประจำอิรักพรีเมียร์ลีกที่ต้องการตัวเขาไปร่วมทีม

อัฏเฏาะละบะฮ์

[]

หลังจากที่มะห์มูด ตกลงย้ายมาเล่นให้สโมสรอัฏเฏาะละบะฮ์ ทีมดังแห่งกรุงแบกแดด เขาก็ได้พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาอีกระดับ โดยเขาได้เล่นเคียงข้างกับผู้เล่นทีมชาติอิรักชื่อดังในทีมอย่างอับดุลวะฮาบ อะบู อัลฮาอิล และดาวรุ่งของทีมในขณะนั้นอย่างบัซซิม อับบาส ที่ต่อมากลายเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมชาติอิรักอีกคนหนึ่ง

มะมูดห์ทำผลงานในฤดูกาลแรกกับทีมอย่างยอดเยี่ยมและพาทีมคว้าดับเบิลแชมป์ได้สำเร็จ โดยสามารถคว้าแชมป์อิรักพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2001–2002 พร้อมกับคว้าแชมป์อิรักเอฟเอคัพได้ในปีเดียวกัน

จากฟอร์มการเล่นในฤดูกาลดังกล่าวทำให้เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเซียตะวันตก 2002 ที่กรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย โดยมะห์มูดเป็นผู้เล่นทีมชาติอิรักที่มีอายุน้อยที่สุดที่ติดทีมชาติชุดใหญ่ และสามารถสร้างผลงานผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ไปพบกับทีมชาติจอร์แดน โดยในนัดชิงชนะเลิศที่สนามกีฬาอัลอับบาซียีน เขาสามารถยิงประตูได้และพาทีมชนะ 3-2 คว้าแชมป์รายการนี้มาครองได้เป็นครั้งแรกของประเทศ

หลังจากนั้นได้เกิดเหตุการณ์การบุกครองอิรัก​ โดยสหรัฐอเมริกา​และสหราชอาณาจักร​ เพื่อโค่นล้มรัฐบาลของประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน​ ทำให้การแข่งขันฟุตบอลลีกในประเทศอิรักต้องหยุดลง และเขาต้องเดินทางออกนอกประเทศไปที่กรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อไปเล่นฟุตบอลกับสโมสร อัลวะห์ดะฮ์ ด้วยสัญญายืมตัว

อัลวะห์ดะฮ์

[]

เนื่องจากเกิดสงครามอิรักและการก่อความไม่สงบในประเทศ รวมถึงการสู้รบระหว่างกลุ่มอิรักนิกายซุนนีย์​และชีอะฮ์​หลายกลุ่ม ทำให้ใน​ฤดูกาล 2003–2004 ยูนิส มะห์มูด ต้องเดินทางออกนอกประเทศอิรักมาที่อาบูดาบี​, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์​ เพื่อเล่นฟุตบอลให้กับสโมสรอัลวะห์ดะฮ์ ในยูเออีโปร-ลีก​ ด้วยสัญญายืมตัว โดยถึงแม้ว่า มะห์มูด จะสามารถทำประตูได้ในเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2004 ​ในรอบแบ่งกลุ่ม แต่เขากลับประสบปัญหาความขัดแย้งและการโต้เถียงกับ ไรนุส อิสราเอล ผู้จัดการทีมในขณะนั้นจนทำให้เขาไม่ถูกส่งลงเล่นอีกเลย

อย่างไรก็ตามแม้จะประสบสถานการณ์ที่ยากลำบากในการเล่นให้สโมสรแต่จากผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาในทีมชาติอิรักชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ที่สามารถคว้าอันดับสี่ได้ในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2004 ที่ประเทศกรีซ ทำให้เขาถูกเสนอชื่อเพื่อเข้าชิงรางวัลนักฟุตบอลระดับเยาวชนยอดเยี่ยมของทวีปเอเชียประจำปี 2004 ร่วมกับผู้เล่นอย่างเคซุเกะ ฮนดะ, พัก จู-ย็อง, ยาวัด เนคูนาม และพัก จี-ซ็อง

อัลคูร

[]

หลังจากหมดสัญญายืมตัว มะห์มูดย้ายไปเล่นฟุตบอลในประเทศกาตาร์​ให้กับ​สโมสรฟุตบอลอัลคูรในกาตาร์สตาร์สลีก และสามารถสร้างสถิติใหม่ในลีกกาตาร์ได้ในฤดูกาล 2004–2005 โดยในเกมส์ที่สโมสรอัลคูร ถล่มสโมสรอัชชะมาลไปถึง 8–0 เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2005 ยูนิส มะห์มูด ยิงประตูในเกมดังกล่าวถึง 6 ประตู จึงทำให้เขาเป็นผู้เล่นคนแรกที่สามารถทำดับเบิลแฮตทริกได้ในลีกสูงสุดของประเทศกาตาร์ และสร้างสถิติยิงประตูได้เร็วที่สุดในเกมส์ลีกหลังจากการแข่งขันเริ่มไปได้เพียง 30 วินาที ในเกมส์ดังกล่าวนอกจากเขาทำดับเบิลแฮตทริกและสร้างสถิติยิงเร็วที่สุดแล้ว เขายังเป็นคนส่งให้เพื่อนยิงประตูได้อีก 2 ประตูอีกด้วย หลังจบฤดูกาลเขาพาสโมสรคว้าอันดับ 3 ในลีก และชนะเลิศฟุตบอลถ้วยพระราชทานมกุฏราชกุมารแห่งกาตาร์ (Qatar Crown Prince Cup) โดยนับเป็นการคว้าแชมป์รายการนี้ได้เป็นครั้งแรกของสโมสร

อัลฆ็อรรอฟะฮ์

[]

ปี 2006 เขาย้ายไปเล่นให้ทีมใหญ่ประจำกรุงโดฮาอย่างอัลฆ็อรรอฟะฮ์ โดยในฤดูกาล 2006–2007 ฤดูกาลแรกของเขากับสโมสร ก็สามารถยิงประตูอย่างถล่มทลายคว้ารางวัลผู้ทำประตูสูงสุดในกาตาร์สตาร์ลีก ที่จำนวน 19 ประตู และพาสโมสรคว้าตำแหน่งรองแชมป์เมื่อจบฤดูกาล รวมทั้งได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปีของสโมสร ทั้งผลงานที่ยอดเยี่ยมในระดับสโมสรและในระดับทีมชาติที่สามารถคว้าแชมป์เอเชียนคัพ 2007 ได้ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของทวีปเอเชีย ประจำปี 2007 ร่วมกับยาซิร อัลเกาะห์ฏอนี และนะชาต อักร็อม และคว้าอันดับ 2 ไปครอง

image

ในฤดูกาล 2007–2008 มะห์มูดยิงในลีกไป 16 ประตู พาสโมสรคว้าแชมป์กาตาร์สตาร์ลีกได้สำเร็จ โดยเป็นการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกของยูนิส มะห์มูดพร้อมกันนี้สโมสรยังได้ตำแหน่งรองแชมป์ในฟุตบอลชิงถ้วยเอมีร์แห่งกาตาร์ และได้สิทธิแข่งขันในรายการเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ในปี 2009

ในเดือนพฤศจิกายน 2008 มะห์มูดย้ายไปเล่นให้สโมสรกีฬาอัลอะรอบี ซึ่งเป็นทีมร่วมกรุงโดฮาของสโมสรอัลเฆาะรอฟะฮ์ เป็นการชั่วคราวด้วยสัญญายืมตัวในช่วงสั้น ๆ เป็นระยะเวลา 2 เดือน เนื่องจากสโมสรอัลเฆาะรอฟะฮ์ ต้นสังกัดของเขามีผู้เล่นต่างชาติเกินโควตาที่กำหนด

หลังหมดสัญญายืมตัว และ เฟร์นังเดา อดีตนักเตะทีมชาติบราซิลย้ายออกจากทีมไป ทำให้มีโควตาผู้เล่นต่างชาติในทีมว่าง ในเดือนมกราคม 2009 เขาจึงได้กลับมาเล่นให้อัลเฆาะรอฟะฮ์อีกครั้ง แม้จะเคยตกเป็นที่สนใจจากทีมอาแอ็ส มอนาโก ในลีกเอิง ฝรั่งเศส และทีมอื่น ๆ ในยุโรปตลอดช่วงที่ผ่านมา แต่เขาก็ยังเล่นให้สโมสรอัลเฆาะรอฟะฮ์ต่อไป

การแข่งขันเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก 2009 สโมสรตกรอบแรกและทำผลงานได้ไม่ดีนัก แต่ช่วงที่เหลือของฤดูกาล 2008–2009 เขาก็มีส่วนช่วยให้สโมสรป้องกันแชมป์ลีกได้สำเร็จ โดยเป็นแชมป์ลีกกาตาร์สมัยที่ 2 ของตัวเขาเอง

ฤดูกาล 2009–2010 ยูนิส มะห์มูด คว้ารางวัลดาวซัลโวกาตาร์สตาร์ลีกได้อีกครั้ง โดยยิงในลีกไปถึง 21 ประตู และพาสโมสรคว้าแชมป์กาตาร์สตาร์ลีกเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันได้สำเร็จ

ต่อมาในฤดูกาล 2010–2011 สโมสรอัลเฆาะรอฟะฮ์เสียตำแหน่งแชมป์ลีกให้สโมสรเลคห์วิยา โดยได้ตำแหน่งรองแชมป์เมื่อจบฤดูกาล อย่างไรก็ตามยูนิส มะห์มูด ยังคงคว้าตำแหน่งดาวซัลโวกาตาร์สตาร์ลีกไปครองได้อีกสมัยที่ 15 ประตู โดยนับเป็นการคว้ารางวัลดาวซัลโวในลีกสูงสุดของกาตาร์ได้เป็นสมัยที่ 3 ของตัวเขาเอง ก่อนจะหมดสัญญากับสโมสรในเวลาต่อมา

อัลวักเราะฮ์

[]

ฤดูกาล 2011–2012 ยูนิส มะห์มูด ย้ายมาเล่นให้กับสโมสรอัลวักเราะฮ์แบบไม่มีค่าตัว โดยเขายิงในกาตาร์สตาร์ลีกในฤดูกาลนี้ไป 8 ประตู และจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 7

ต่อมาในฤดูกาล 2012–2013 ช่วงครึ่งฤดูกาลแรก ยูนิส มะห์มูด ยิงในลีกให้อัลวักเราะฮ์ไป 8 ประตู ก่อนจะตัดสินใจย้ายไปเล่นให้กับสโมสรอัลซัด ในเดือนกุมภาพันธ์ 2013 ช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล

อัลซัด

[]

เดือนกุมภาพันธ์ 2013 มะห์มูด ย้ายมาเล่นให้กับอัลซัดจนจบฤดูกาล 2012–2013 โดยเขาได้เล่นคู่กับกองหน้าระดับโลกอย่างราอุล กอนซาเลซ ที่ย้ายมาจากสโมสรชัลเคอ 04 โดยมะห์มูดยิงในครึ่งฤดูกาลหลังให้อัลซัดไป 2 ประตู และมีส่วนช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์กาตาร์สตาร์ลีกได้ในที่สุด

อัลอะฮ์ลี

[]

ในเดือนกันยายน 2013 ยูนิส มะห์มูด ย้ายมาเล่นฟุตบอลในลีกสูงสุดของประเทศซาอุดีอาระเบีย กับสโมสรอัลอะฮ์ลี​หลังจากเล่นที่ประเทศกาตาร์มายาวนานถึง 9 ปี โดยเซ็นสัญญาระยะสั้นเป็นเวลา 4 เดือน

มะห์มูด ลงเล่นในซาอุดีโปรเฟสชันนัลลีก​ เป็นนัดแรกเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2013 ในนัดที่บุกมาชนะสโมสรอันนะฮ์เฎาะฮ์ 5–1 ที่สนามกีฬามุฮัมมัด บิน ฟะฮัด โดยมะห์มูดยิงได้ 2 ประตูในการลงสนามนัดแรกของเขา

ต่อมาในเดือนธันวาคม 2013 ยูนิส มะห์มูด ตัดสินใจยกเลิกสัญญาก่อนสัญญาครบกำหนด 2 สัปดาห์ เนื่องจากปัญหาส่วนตัว โดยมะห์มูดลงสนามในซาอุดีโพรเฟชชันนัลลีก 6 นัด ยิงได้ 3 ประตู

อัรบีล

[]

หลังหมดสัญญากับสโมสรอัลอะฮ์ลี ยูนิส มะห์มูด ที่ไม่ได้เล่นให้กับสโมสรใดมากว่า 1 ปี เซ็นสัญญาย้ายกลับไปเล่นฟุตบอลในบ้านเกิดที่ประเทศอิรัก กับสโมสรกีฬาอัรบีลในเดือนกุมภาพันธ์ 2015 และมีเงื่อนไขว่าจะลงเล่นให้สโมสรเฉพาะในรายการเอเอฟซีคัพเท่านั้น โดยวันที่ 15 เมษายน 2015 มะห์มูด ลงสนามให้สโมสรเป็นครั้งแรกในการแข่งขันเอเอฟซีคัพ นัดที่พบกับสโมสรเอฟซี อะฮาล จากประเทศเติร์กเมนิสถาน ที่สนามกีฬาซะอูด บิน อับดุลเราะห์มาน ประเทศกาตาร์และเขายิงคนเดียว 2 ประตู แต่สโมสรกลับเป็นฝ่ายแพ้ไป 3–2

ชีวิตส่วนตัว

[]

ยูนิส มะห์มูด เป็นนักฟุตบอลที่มีเชื้อสายมาจากชาวเติร์กที่อาศัยอยู่ในอิรัก และเป็นชาวมุสลิมนิกายซุนนีย์ ในช่วงของการเป็นนักฟุตบอลเขาทำกิจกรรมทางการกุศลมากมาย โดยในฤดูกาล 2006–2007 ที่เขาค้าแข้งอยู่กับสโมสรอัลเฆาะรอฟะฮ์ในกาตาร์สตาร์ลีก เขาได้รับรางวัลผู้ทำประตูสูงสุดประจำฤดูกาล และบริจาคเงินรางวัลที่ได้รับจากสมาคมฟุตบอลกาตาร์​ถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.2 ล้านบาท)​ เพื่อสร้างมัสยิดในบ้านเกิดของเขาที่จังหวัดคีร์คูก ประเทศอิรัก และบริจาคเงินเพื่อการกุศลในอิรักอีกเป็นจำนวนมากในโอกาสต่าง ๆ

อ้างอิง

[]
  1. "Asian Icons: Younis Mahmoud (Iraq)". สืบค้นเมื่อ 29 January 2018.
  2. "Younis Mahmoud – What next for Iraq's beleaguered captain? Hassanin Mubarak". 7 March 2016. สืบค้นเมื่อ 10 July 2016.

วิกิพีเดีย, วิกิ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, มือถือ, โทรศัพท์, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, แอปเปิ้ล, สมาร์ทโฟน, พีซี, เว็บ, คอมพิวเตอร์, ข้อมูลเกี่ยวกับ ยูนิส มะห์มูด, ยูนิส มะห์มูด คืออะไร? ยูนิส มะห์มูด หมายความว่าอะไร?

0 ตอบกลับ

ฝากคำตอบ

ต้องการเข้าร่วมการสนทนาหรือไม่?
คุณสามารถร่วมเขียนได้!

เขียนคำตอบ

ช่องที่จำเป็นถูกทำเครื่องหมายด้วยดาว *