ฉันท์ เป็นลักษณ์หนึ่งของการประพันธ์ประเภทร้อยกรองในวรรณคดีไทยที่บังคับเสียงหนัก - เบาของพยางค์ ที่เรียกว่า ครุ - ลหุ ฉันท์ในภาษาไทยรับแบบมาจากประเทศอินเดีย ตำราฉันท์ที่เก่าแก่ที่สุดของอินเดียเป็นภาษาสันสกฤต คือ ปิงคลฉันทศาสตร์ แต่งโดยปิงคลาจารย์ ส่วนตำราฉันท์ภาษาบาลีเล่มสำคัญที่สุดได้แก่ คัมภีร์วุตโตทัยปกรณ์ ผู้แต่งคือ พระสังฆรักขิตมหาสามี เถระชาวลังกา แต่งเมื่อ พ.ศ. 1703 เป็นที่มาของ คัมภีร์วุตโตทัย ซึ่งเป็นต้นตำหรับการแต่งฉันท์ของไทย เมื่อคัมภีร์วุตโตทัยแพร่หลายเข้ามาในประเทศไทย กวีจึงได้ปรับปรุงให้เหมาะกับขนบร้อยกรองไทย เช่น จัดวรรค เพิ่มสัมผัส และเปลี่ยนลักษณะครุ-ลหุแตกต่างไปเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความไพเราะของภาษาไทยลงไป
ฉันท์ ในคัมภีร์วุตโตทัยได้แปลงเป็นฉันท์ไทยครบทั้ง 108 ชนิด ในสมัยรัชกาลที่ 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยนายฉันท์ ขำวิไล เป็นผู้ดัดแปลงเพิ่มเติมจนครบถ้วนและจัดพิมพ์รวมเล่มทั้งหมดในปี พ.ศ. 2474 ใช้ชื่อว่า ฉันทศาสตร์
นอกเหนือจากฉันท์ทั้ง 108 ชนิดดังกล่าวแล้ว กวีได้ทดลองประดิษฐ์ฉันท์ในรูปแบบใหม่ ๆ โดยดัดแปลงจากฉันท์เดิมบ้าง โดยเลียนเสียงเครื่องดนตรีบ้าง หรือโดยแรงบันดาลใจจากฉันท์ต่างประเทศ หรือชื่อบุคคลสำคัญบ้าง อย่างไรก็ตาม ฉันท์ที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ ล้วนจัดอยู่ในประเภทฉันท์วรรณพฤติทั้งสิ้น
ฉันท์ในคัมภีร์วุตโตทัย
] มีทั้งสิ้น 108 ชนิด แบ่งเป็น ฉันท์วรรณพฤติ ซึ่งบังคับพยางค์ จำนวน 81 ชนิด กับ ฉันท์มาตราพฤติ ซึ่งบังคับมาตรา จำนวน 27 ชนิด
ฉันท์วรรณพฤติ
] ฉันท์วรรณพฤติ มีทั้งสิ้น 81 ชนิด บังคับจำนวนพยางค์ ตั้งแต่ บาทละ 6 พยางค์ ถึง 25 พยางค์ แต่ ฉันท์ที่คนไทยนิยมแต่ง มีเพียงไม่กี่ชนิด ได้แก่
จิตรปทาฉันท์ 8
] หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 8 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอน
ลักษณะครุ-ลหุเหมือนกับทุกบาท คือ ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| เหตุพินาศ | | อนุศาสน์ แสดง |
| ฉัพพิธะแจง | | นรปรีชา |
| เชิญมละโทษ | | ดุจพรรณนา |
| จักยศถา | | วรสวัสดี |
| ฉันทภิปราย | | อธิบายบท |
| คามภิรพจน์ | | ศุภสารศรี |
| จิตระปทา | | พฤตินามมี |
| จินตกวี | | รนิพนธ์แถลง |
| — (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ) |
วิชชุมมาลาฉันท์ 8
] วิชชุมมาลาฉันท์ มีความหมายว่า "ระเบียบแห่งสายฟ้า" ประกอบด้วยครุล้วน จึงใช้บรรยายความอย่างธรรมดา
หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 8 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอน
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ครุ-ครุ ครุ-ครุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| แรมทางกลางเถื่อน | | ห่างเพื่อนหาผู้ |
| หนึ่งในนึกดู | | เห็นใครไป่มี |
| หลายวันถั่นล่วง | | เมืองหลวงธานี |
| นามเวสาลี | | ดุ่มเดาเข้าไป |
| ผูกไมตรีจิต | | เชิงชิดชอบเชื่อง |
| กับหมู่ชาวเมือง | | ฉันอัชฌาสัย |
| เล่าเรื่องเคืองขุ่น | | ว้าวุ่นวายใจ |
| จำเป็นมาใน | | ด้าวต่างแดนตน |
| — สามัคคีเภทคำฉันท์, ชิต บุรทัต |
มาณวกฉันท์ 8
] มาณวกฉันท์ มีความหมายว่า "ประดุจเด็กหนุ่ม" ใช้แต่งบรรยายความที่รวดเร็ว
หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 8 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 4 คำ ส่งสัมผัสแบบกลอน
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| ล่วงลุประมาณ | | กาลอนุกรม |
| หนึ่งณนิยม | | ท่านทวิชงค์ |
| เมื่อจะประสิทธิ์ | | วิทยะยง |
| เชิญวรองค์ | | เอกกุมาร |
| เธอจรตาม | | พราหมณไป |
| โดยเฉพาะใน | | ห้องรหุฐาน |
| จึงพฤฒิถาม | | ความพิสดาร |
| ขอ ธ ประทาน | | โทษะและไข |
| — สามัคคีเภทคำฉันท์, ชิต บุรทัต |
ปมาณิกฉันท์ 8
] หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 8 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอน
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาทคือ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| ประดิษฐ์ประดับ | | ประคับประคอง |
| ละเบงละบอง | | จำแนกจำนรร |
| ระเบียบและบท | | สุพจน์สุพรรณ์ |
| จะเฉิดจะฉัน | | วิเรขวิไล |
| ลิลิตลิลาศ | | มิคลาดมิคล้อย |
| ก็เรียบก็ร้อย | | อำพนอำไพ |
| จะจัดจะแจง | | ผิแขงผิไข |
| แถลงไถล | | ก็เสื่อมก็ทราม |
| — (ฉันทศาสตร์) |
อุปัฏฐิตาฉันท์ 11
] หมายถึงฉันท์ที่กล่าวสำเนียงอันดังก้องให้ปรากฏ
หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| เห็นเชิงพิเคราะห์ช่อง | | ชนะคล่องประสบสม |
| พราหมณ์เวทอุดม | | ธก็ลอบแถลงการณ์ |
| ให้วัลลภะชน | | คมะดลประเทศฐาน |
| กราบทูลนฤบาล | | อภิเผ้ามคธไกร |
| — สามัคคีเภทคำฉันท์, ชิต บุรทัต |
อินทรวิเชียรฉันท์ 11
] อินทรวิเชียรฉันท์ มีความหมายว่า "ฉันท์ที่มีลีลาดุจสายฟ้าของพระอินทร์" เป็นฉันท์ที่นิยมแต่งกันมากที่สุด มีลักษณะและจำนวนคำคล้ายกับกาพย์ยานี 11 แต่ต่างกันเพียงที่ว่าอินทรวิเชียรฉันท์ มีข้อบังคับ ครุและลหุ
หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| บงเนื้อก็เนื้อเต้น | | พิศะเส้นสรีร์รัว |
| ทั่วร่างและทั้งตัว | | ก็ระริกระริวไหว |
| แลหลังก็หลั่งโล- | | หิตโอ้เลอะหลั่งไป |
| เพ่งผาดอนาถใจ | | ตละล้วนระรอยหวาย |
| — สามัคคีเภทคำฉันท์, ชิต บุรทัต |
อุเปนทรวิเชียรฉันท์ 11
] หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| ทิชงค์เจาะจงเจตน์ | | กละห์เหตุยุยงเสริม |
| กระหน่ำและซ้ำเติม | | นฤพัทธะก่อการ |
| ละครั้งระหว่างครา | | ทินะวาระนานนาน |
| เหมาะท่าทิชาจารย์ | | ธก็เชิญเสด็จไป |
| — สามัคคีเภทคำฉันท์, ชิต บุรทัต |
อุปชาติฉันท์ 11
] หนึ่งบทมี 4 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ
- บาทที่ 1 และบาทที่ 4 เป็นอุเปนทรวิเชียรฉันท์ คือ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
- บาทที่ 2 และบาทที่ 3 เป็นอินทรวิเชียรฉันท์ คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| พิธีณะฉันทศาสตร์ | | อุปชาตินามเห็น |
| เชลงลักษณลำเค็ญ | | กลนัยสลับกัน |
| นาเนกะบัณฑิตย์ | | จะประกิจประกอบฉันท์ |
| พินิจฉบับบรรพ์ | | บทแน่ตระหนักใจ |
| — (ประชุมจารึกวัดประเชตุพนฯ) |
สาลินีฉันท์ 11
] หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| พราหมณ์ครูรู้สังเกต | | ประจักษ์เหตุตระหนักครัน |
| ราชาวัชชีสรร | | พะจักสู่พินาศสม |
| ยินดีบัดนี้กิจ | | จะสัมฤทธิ์มนารมณ์ |
| ทำมาด้วยปรากรม | | และอุตสาหะแห่งตน |
| — สามัคคีเภทคำฉันท์, ชิต บุรทัต |
สวาคตาฉันท์ 11
] หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 11 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 7 พยางค์ วรรคหลัง 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| ข้าสดับสุมะทะนา | | วจะว่าวอน |
| ใจก็นึกกรุณะหล่อน | | ฤดิสงสาร |
| เล็งก็รู้ณพะหุเหต | | ทุขะเภทพาล |
| ใคร่จะช่วยและอุปะการ | | ยุวะนารี |
| — มัทนะพาธา, พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว |
วังสัฏฐฉันท์ 12
] หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 7 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| อนี้และนามวัง | | สฐะดั่งฉบับนิพนธ์ |
| ประกอบวิธียล | | บทแบบก็แยบขบวน |
| ดิเรกะวิญญู | | ชนะรู้แลใคร่แลครวญ |
| สนุกเสนอควร | | สุขจิตรประดิษฐ์ณะฉันท์ |
| — (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ) |
อินทวงศ์ฉันท์ 12
] หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 5 พยางค์ วรรคหลัง 7 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| ราชาประชุมดำ- | | ริหะโดยประการะดัง |
| ดำรัสตระบัดยัง | | วจนัตถ์ปวัตติพลัน |
| ให้ราชภัฏโป | | ริสะไปขมีขมัน |
| หาพราหมณ์ทุพลอัน | | บุระเนระเทศะมา |
| — สามัคคีเภทคำฉันท์, ชิต บุรทัต |
โตฎกฉันท์ 12
] หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| มะทะนาดนุรัก | | วรยอดยุพะดี |
| และจะรักบมิมี | | ฤดิหน่ายฤระอา |
| ผิวะอายุจะยืน | | ศะตะพรรษะฤกว่า |
| ก็จะรักมะทะนา | | บมิหย่อนฤดิหรรษ์ |
| — มัทนะพาธา, พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว |
ภุชงคประยาตฉันท์ 12
] ภุชงคประยาตฉันท์ 12 มีความหมาย "งูเลื้อย" มีทำนองที่สละสลวย มักใช้แต่งกับเนื้อหาที่มีการต่อสู้ บทสดุดี บทชมความงาม บทถวายพระพร และบทสนุกสนาน นอกจักนั้นยังสามารถใช้แต่งบรรยายความให้รวดเร็วได้
หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| ทิชงค์ชาติ์ฉลาดยล | | คเนกลคนึงการ |
| กษัตริย์ลิจฉวีวาร | | ระวังเหือดระแวงหาย |
| เหมาะแก่การจะเสกสัน | | ปวัตติ์วัญจะโนบาย |
| มล้างเหตุพิเฉทสาย | | สมัคคิ์สนธิ์สโมสร |
| — สามัคคีเภทคำฉันท์, ชิต บุรทัต |
กมลฉันท์ 12
] หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 12 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคละ 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| ทวิโลกยาฤๅคุณ | | ก็บุลยบันดาล |
| อภิมงคลาลาญ | | ทุวิบากวิบัติภัย |
| คณะฉันทสรรค์นาม | | กรตามบุราณไข |
| บทกลอนกระมลไพ | | เราะหพร้องลบองแสดง |
| — (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ) |
วสันตดิลกฉันท์ 14
] วสันตดิลกฉันท์ มีความหมายว่า "ฉันท์ที่มีลีลาดังจอมเมฆในฤดูใบไม้ผลิ (ฤดูฝน)" เป็นหนึ่งในฉันท์ที่นิยมแต่งกันมากที่สุด เนื่องจากอ่านแล้วฟังได้รื่นหู รู้สึกซาบซึ้งจับใจ มักใช้แต่งชมความงาม และสดุดีความรักหรือของสูง
หนึ่งบทมี 2 บาท บาทละ 14 พยางค์ แบ่งเป็น 2 วรรค วรรคแรก 8 พยางค์ วรรคหลัง 6 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกาพย์
ลักษณะครุ-ลหุ เหมือนกันทุกบาท คือ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| แสงดาววะวาวระกะวะวับ | | ดุจะดับ บ เด่นดวง |
| แขลับก็กลับพิภพะสรวง | | มิสะพรึบพะพราวเพรา |
| เคยเห็นพระเพ็ญ ณ รัศมี | | รัชนีถนัดเนา |
| เหนือนั่นแน่ะพลันจะสละเงา | | กลเงินอร่ามงาม |
| — เหมือนพระจันทร์ข้างแรม, ชิต บุรทัต |
มาลินีฉันท์ 15
] ชื่อฉันท์แปลว่า ดอกไม้ เป็นฉันท์ที่แต่งยากแต่ทว่ามีความงามประดุจดอกไม้ ทำนองฉันท์สั้นกระชับในตอนต้น แล้วราบรื่นในตอนปลาย เป็นฉันท์ที่มีท่วงทำนองเคร่งขรึมน่ายำเกรง กวีมักใช้แต่งเพื่ออวดความสามารถในการใช้ศัพท์และเป็นเชิงกลบท
หนึ่งบทมี 15 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรคแรก 8 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ วรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ-ครุ ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| กษณะทวิชะรับฐา | | นันดร์และที่วา |
| จกาจารย์ | | |
| นิรอลสะประกอบภาร | | พีริโยฬาร |
| และเต็มใจ | | |
| — สามัคคีเภทคำฉันท์, ชิต บุรทัต |
ประภัททกฉันท์ 15
] หนึ่งบทมี 15 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 7 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 4 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| สุวุติปภัททกา | | รจิตนา |
| มกรประกาศ | | |
| บทคณฉันทศาสตร์ | | นิกรปราชญ์ |
| ประพฤติเพียร | | |
| พจนพิจิตรเรียน | | อลสะเพียร |
| มโนวิจารณ์ | | |
| วิบุลยปรีชญาณ | | พลจะชาญ |
| ฉลาดนิพนธ์ | | |
| — (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ) |
วาณินีฉันท์ 16
] หนึ่งบทมี 16 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรคแรก 7 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 5 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| นรนฤนาทภิบาล | | กลประมาณ |
| ประเล่ห์อุประมา | | |
| จะประพฤติราชกิจา | | นุกิจสา \ |
| ธุธรรม์บอาธรรม์ | | |
| บุพบทวากยวรร | | ณวุดิฉัน |
| ทวณินีนาม | | |
| — (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ) |
กุสุมิตลดาเวลลิตาฉันท์ 18
] หนึ่งบทมี 18 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรคแรก 11 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| เสวกพึงศึกษาณสุวสดิดอุด- | | |
| ดมดิเรกดุจ | | วิการกถา |
| ฉันท์นี้ธีเรศอ้างกุสุมิตลดา | | |
| เวลลิตานา | | มกรขนาน |
| — (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ) |
เมฆวิปผุชชิตาฉันท์ 19
] หนึ่งบทมี 19 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 12 พยางค์ วรรคสอง 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ลหุ-ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| ขบวรเลบงเพรงพากย์พร้องก็เพราะพจนกลอน | | |
| เสนอกระวีวร | | ทฤษฎี |
| ลบองเมฆวิปผุชชาติตาสุวุฒิกลมี | | |
| ฉันทคัมภีร์ | | พฤโตทัย |
| — (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ) |
สัททุลลวิกกีฬิตฉันท์ 19
] สัททุลลวิกกีฬิตฉันท์ มีความหมาย "เสือผยอง" ใช้แต่งบทไหว้ครู บทโกรธ และบทยอพระเกียรติ
หนึ่งบทมี 19 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรคแรก 12 พยางค์ วรรคสอง 5 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 2 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ครุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ ลหุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| พร้อมเบญจางคประดิษฐ์สฤษติตษฎี | | |
| กายจิตร์วจีไตร | | ทวาร |
| ไหว้คุณพระสุคตอนาวรณญาณ | | |
| ยอดศาสดาจารย์ | | มุนี |
| อีกคุณสุนทรธรรมะคัมภิรวิธี | | |
| พุทธ์พจน์ประชุมตรี | | ปิฎก |
| — สามัคคีเภทคำฉันท์, ชิต บุรทัต |
อีทิสังฉันท์ 20
] อีทิสังฉันท์ 20 เป็นฉันท์ที่มีจังหวะกระแทกกระทั้น ฉะนั้นจึงใช้แต่งบรรยายความรัก ความวิตก และความโกรธ
หนึ่งบทมี 20 พยางค์ แบ่งเป็น 3 วรรค วรรแรก 9 พยางค์ วรรคสอง 8 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ลหุ-ครุ ลหุ-ครุ-ครุ
ตัวอย่างคำประพันธ์
| อ้าอรุณแอร่มระเรื่อรุจี | | |
| ประดุจมโนภิรมย์ระตี | | ณ แรกรัก |
| แสงอรุณวิโรจน์นภาประจักษ์ | | |
| แฉล้มเฉลาและโศภินัก | | ณ ฉันใด |
| หญิงและชาย ณ ยามระตีอุทัย | | |
| สว่าง ณ กลางกมลละไม | | ก็ฉันนั้น |
| — มัทนะพาธา, พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว |
สัทธราฉันท์ 21
] ฉันท์ที่มีลีลาวิจิตรประดุจสตรีเพศผู้ประดับด้วยพวงมาลัย
หนึ่งบทมี 21 พยางค์ แบ่งเป็น 4 วรรค วรรแรก 7 พยางค์ วรรคสอง 7 พยางค์ วรรคสาม 4 พยางค์ และวรรคสุดท้าย 3 พยางค์ ส่งสัมผัสแบบกลอนสังขลิก
ลักษณะครุ-ลหุ คือ
| ครุ-ครุ-ครุ-ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ | | ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ลหุ-ครุ |
| ครุ-ลหุ-ครุ-ครุ | | ลหุ-ครุ-ครุ |
ตัวอย่างคำประพันธ์
| อรรถแสดงแห่งเหตุพิเศษผล | | นิกรวิธุรชน |
| เชิญประกอบกล | | ประกาศสาร |
| รังสรรค์ฉันทพากยโบราณ | | บุนรจนวิถาร |
| สัทธราขนาน | | ณนามกร |
| — (ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ) |
ฉันท์มาตราพฤติ
] ฉันท์มาตราพฤติ เป็นฉันท์ที่บังคับมาตรา โดยกำหนดให้พยางค์เสียงหนักคือ พยางค์ครุเป็นพยางค์ละ 2 มาตรา ส่วนพยางค์เสียงเบา คือ พยางค์ลหุ เป็นพยางค์ละ 1 มาตรา ในคัมภีร์วุตโตทัยมีฉันท์มาตราพฤติ 27 ชนิด ตั้งแต่บทละ 45 มาตรา จนถึง 68 มาตรา แบ่งเป็น 4 พวกใหญ่ ๆ คือ
อริยชาติฉันท์
] มี ๗ ชนิด ได้แก่ อริยฉันท์, อริยสามัญญฉันท์, อริยปัฐยาฉันท์, อริยวิปุลาฉันท์, อริยจปลาฉันท์, อริยมุขจปลาฉันท์ และ อริยชฆนจปลาฉันท์
คีติชาติฉันท์
] มี ๔ ชนิด ได้แก่ คีติฉันท์, อุปคีติฉันท์, อูคีติฉันท์ และอริยคีติฉันท์
เวตาฬิยชาติฉันท์
] มี ๙ ชนิด ได้แก่ เวตาฬิยฉันท์, โอปัจฉันทสกะฉันท์, อาปาตลิฉันท์, ลักขณันตฉันท์, อุทิจจวุตติฉันท์, ปัจจวุตติฉันท์, ปวัตตกฉันท์, อปรันติกฉันท์ และจารุหาสินีฉันท์
มัตตาสมกชาติฉันท์
] มี ๗ ชนิด ได้แก่ อจลฐิติฉันท์, มัตตาสมกฉันท์, วิสิโลกฉันท์, วานวาสิกฉันท์, จิตราฉันท์, อุปจิตราฉันท์ และปาทากุลกฉันท์
ฉันท์มาตราพฤติเป็นฉันท์ที่กำหนดมาตรา ไม่กำหนดคณะฉันท์ ผู้แต่งสามารถพลิกแพลงอักษรใช้ได้หลายแบบในมาตราที่กำหนด ทำให้ดูขาดระเบียบ และไม่กำหนดฉันทลักษณ์ที่แน่นอนลงได้ รวมทั้งกำหนดจังหวะอ่านลำบาก กวีจึงไม่นิยมใช้ฉันท์มาตราพฤติในงานกวีนิพนธ์ จะมีก็แต่ในตำราฉันท์ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเท่านั้น
ฉันท์ประดิษฐ์ขึ้นใหม่
] การประดิษฐ์ฉันท์ใหม่ของกวีตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ปรากฏว่ามี 2 ลักษณะคือ
- ฉันท์ที่ประดิษฐ์จากฉันท์เดิมในคัมภีร์วุตโตทัย
- ฉันท์ที่ประดิษฐ์ใหม่จากแหล่งที่มาอื่น
ฉันท์ที่ประดิษฐ์จากฉันท์เดิมในคัมภีร์วุตโตทัย
] ฉันท์ที่ประดิษฐ์ขึ้นในสมัยอยุธยาและปรากฏชื่อในจินดามณี
] มี ๓ ชนิด คือ วิเชียรดิลกฉันท์, ดิลกวิเชียรฉันท์ และโตฎกดิลกฉันท์
- วิเชียรดิลกฉันท์ เกิดจากการผสมระหว่างอินทรวิเชียรฉันท์ กับวสันตดิลกฉันท์ หนึ่งบทมี ๒ บาท ๒๕ พยางค์ บาทแรกเป็นอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ พยางค์ บาทที่ ๒ เป็นวสันตดิลกฉันท์ ๑๔ พยางค์ มีบังคับระหว่างบาทกับระหว่างบท ตัวอย่าง
| เคยพาดพระหัตถ์เหนือ(๕) | | อุรราชกัลยา(๖) |
| กอดเกี้ยวคือกาญจนลดา(๘) | | อันโอบอ้อมทุมามาลย์(๖) |
| พิศพักตรมณฑลศศิ | | บริสุทธิเปรียบปาน |
| เปรมร่วมมฤธูรสุบันดาน | | รดีดัดบันเจิดใจ |
| — (จินดามณี) |
- ดิลกวิเชียรฉันท์ เกิดจากการผสมระหว่างวสันตดิลกฉันท์ กับอินทรวิเชียรฉันท์ หนึ่งบทมี ๒ บาท ๒๕ พยางค์ บาทแรกเป็นวสันตดิลกฉันท์ ๑๔ พยางค์ บาทที่ ๒ เป็นอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ พยางค์ มีบังคับสัมผัสระหว่างบาทกับสัมผัสระหว่างบท ตัวอย่าง
| อุรประทับอรถนัง(๘) | | บรามัสสิวรไวย(๖) |
| จุมพิตริมไร(๕) | | โอษฐคันฐกัลยา(๖) |
| บริสังคติพระอุระองค์ | | อานุชพนิดา |
| สมสนุกนิเสน่หา | | รสราคเอมอร |
| — (จินดามณี) |
- 'โตฎกวิเชียรฉันท์ เกิดจากการผสมระหว่างโตฎกฉันท์ กับวสันตดิลกฉันท์ หนึ่งบทมี ๒ บาท ๒๖ พยางค์ บาทแรกเป็นโตฎกฉันท์ ๑๒ พยางค์ บาทที่ ๒ เป็นวสันตดิลกฉันท์ ๑๔ พยางค์ มีบังคับสัมผัสระหว่างบาทกับสัมผัสระหว่างบท ตัวอย่าง
| วรรังษิประไพ(๖) | | บุรโชติพรายพรรณ(๖) |
| เสตาเจนิรัตนสรรพ(๘) | | ปริโตปิลังโค(๖) |
| หรคัณหปิงคำ | | กปิโลโลปิตโต |
| สิหัษรโทโพอรุโณ | | ภาศรัศศมี |
| — (จินดามณี) |
ฉันท์ที่ประดิษฐ์ในสมัยรัตนโกสินทร์
] - กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ได้ทรงประดิษฐ์ฉันท์ขึ้น ๕ ชนิด ในพระนิพนธ์เฉลิมเกียรติกษัตรีคำฉันท์ โดยผสมฉันท์ ๔ ชนิดได้แก่ อินทรวิเชียรฉันท์ วสันตดิลกฉันท์ ภุชงคปยาตฉันท์ และอินทวงศ์ฉันท์ เข้าด้วยกันเกิดเป็น ภุชพงศ์ฉันท์ (ผสมระหว่างภุชงคปยาตฉันท์กับอินทวงศ์ฉันท์) วสันตวงศ์ฉันท์ (ผสมระหว่างวสันตดิลกฉันท์กับอินทวงศ์ฉันท์) วสันตปยาตฉันท์ (ผสมระหว่างวสันตดิลกฉันท์กับภุชงคปยาตฉันท์) ภุชงควิเชียรฉันท์ (ผสมระหว่างภุชงคปยาตฉันท์กับอินทรวิเชียรฉันท์) และอินทรลิลาตฉันท์ (ผสมระหว่างอินทรวิเชียรฉันท์กับภุชงคปยาตฉันท์)
ตัวอย่างวสันตวงศ์ฉันท์ 15
| ผัวเมียพม่าทุพละพาศน์ | | หินะชาตินิวาศพนอม |
| ขัดแคลนนิแสนทุรนะตรอม | | อุระเท้งเขยงขยัน |
| ทำตาลก็นานนิตยะเพียง | | ผละเลี้ยงชีวินละวัน |
| เกิดบุตรีก็สุดจะปิยะฉัน | | ชิวะพ่อพะนอถนอม |
| — (เฉลิมเกียรติกษัตรีคำฉันท์) |
ตัวอย่างอินทรลิลาตฉันท์ 11
| ผ่านฟ้าพญาเสือ | | ดุร้ายเหลือและโลภโกง |
| เสมือนต้อนตะโพงโขลง | | พศกหาภุกาเมนทร์ |
| ไทเอือนพระเหมือนม่าน | | เพราะบักอานกะการเกณฑ์ |
| เดือดดาลกะบาลเบน | | ขบถไท้ผิใครชวน |
| — (เฉลิมเกียรติกษัตรีคำฉันท์) |
- เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี หรือ ครูเทพได้นำเอาอินทรวิเชียรฉันท์มาแต่งสลับกับวสันตดิลกฉันท์ ใช้ชื่อว่า อินทวสัสตดิลกฉันท์ ดังตัวอย่าง
| ราตรีก็แม่นมี | | ขณะดีและร้ายปน |
| ไป่ผิดกะคนคน | | คุณโทษประโยชน์ถม |
| ราตรีกลีกลพิโรธ | | หฤโหดกระหึมลม |
| มืดตื้อกระพือพิรุณพรม | | และฤเราจะแยแส |
| — (โคลงกลอนของครูเทพ เล่ม ๒) |
- ชิต บุรทัต ได้แทรกครุ - ลหุ เพิ่มในกาพย์สุรางคนางค์ 28 ทำให้เกิดความไพเราะมากยิ่งขึ้น คนรุ่นต่อมาจึงมักเรียกเป็น สุรางคนางค์ฉันท์ 28 และเห็นว่าเหมาะสำหรับข้อความที่คึกคัก สนุกสนาน โลดโผน ตื่นเต้น
ตัวอย่างคำประพันธ์
| | | สะพรึบสะพรั่ง |
| ณหน้าและหลัง | | ณซ้ายและขวา |
| ละหมู่ละหมวด | | ก็ตรวจก็ตรา |
| ประมวลกะมา | | สิมากประมาณ |
| | | นิกายเสบียง |
| ก็พอก็เพียง | | พโลปการ |
| และสัตถภัณ | | ฑสรรพภาร |
| จะยุทธราญ | | กะเรียกระดม |
| — สามัคคีเภทคำฉันท์, ชิต บุรทัต |
- ประสาทพร ภูสุศิลป์ธร หรือนามปากกา คมทวน คันธนู ประดิษฐ์ฉันท์ใหม่ 15 ชนิด โดย
- ผสมฉันเดิมสองแบบเข้าด้วยกัน 9 ชนิด ได้แก่
- ทวนไฟฉันท์ 39 (สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ 19 ผสมกับอีทิสังฉันท์ 20)
- เหมันตดิเรกฉันท์ 15 (วสันตดิลกฉันท์ 14 ผสมกับอินทวงศ์ฉันท์ 12) (ซ้ำกับวสันตวงศ์ฉันท์ 11 ของ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์)
- อุเปนทรวังสัฏฐฉันท์ 23 (อุเปนทรวิเชียรฉันท์ 11 ผสมกับวังสัฏฐฉันท์ 12)
- วงศ์วิเชียรฉันท์ 23 (อินทรวิเชียรฉันท์ 11 ผสมกับอินทวงศ์ฉันท์ 12)
- นาคเล่นน้ำฉันท์ 26 (ภุชงคปยาตฉันท์ 12 ผสมกับวสันตดิลกฉันท์ 26)
- อินทวงศ์วังสัฏฐฉันท์ 12 (อินทวงศ์ฉันท์ 12 ผสมกับวังสัฏฐฉันท์ 12)
- ภุชงควิเชียรฉันท์ 12 (ภุชงคปยาตฉันท์ 12 ผสมกับอินทรวิเชียรฉันท์ 11)
- วิเชียรภุชงค์ฉันท์ 11 (อินทรวิเชียรฉันท์ 11 ผสมกับภุชงคปยาตฉันท์ 12) (ซ้ำกับอินทรลิลาตฉันท์ 11 ของ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์)
- อินทรวสันตฉันท์ 25 (อินทรวิเชียรฉันท์ 11 ผสมกับวสันตดิลกฉันท์ 14)
- เปลี่ยนแปลงครุลหุในฉันท์เดิม 6 ชนิด ได้แก่
- ธนูฝนฉันท์ 17 (เพิ่มจากวสันตดิลกฉันท์ 14 อีก 3 พยางค์)
- คิมหันตดรงฉันท์ 29 (เพิ่มลหุในวรรคที่ 2 ของวสันตดิลก 14)
- คันฝุ่นฉันท์ 11 (ดัดแปลงอุปัฏฐิตาฉันท์ 11)
- คมแฝกฉันท์ 40 (ดัดแปลงจากวิชชุมมาลาฉันท์ 8) บางทีเรียก ฉันท์ 40 หรือ อัษฎาดุริยางค์
| ความลับจะดำมืด | | ความชืดจะชินชา |
| ด้วยเล่ห์ ณ เวลา | | มองฟ้าสิอาจม |
| คนไทยไฉนเล่า | | โง่เง่าและงายงม |
| หลงชื่นระรื่นชม | | นานนมนิยมมา |
| ต่างเห็นจะเป็นเหยื่อ | | เฝ้าเชื่อและบูชิต |
| ยิ่งคาดอนาถผิด | | เจ็บจิตอนิจจา |
| ฝังปลูกกระดูกผี | | กี่ปีก็เปรมปรา |
| โคตรใครจะไคลคลา | | ไพร่ฟ้าสิหน้าเขียว |
| — สามแพร่งชีวิตคำฉันท์, คมทวน คันธนู |
- นิรนามฉันท์ 20 (กำหนดครุลหุลงในกาพย์ฉบัง)
- อินทรธนูฉันท์ 12 (ดัดแปลงจากอินทวงศ์ฉันท์ 12)
ฉันท์ที่ประดิษฐ์ใหม่จากแหล่งที่มาอื่น
] - พระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ หรือ น.ม.ส. ทรงประดิษฐ์ฉันท์ ๓ ชนิด คือ สยามรัตนฉันท์, สยามวิเชียรฉันท์ และ สยามมณีฉันท์ จาก อินเมโมเรียม ของ อังกฤษ โดยดัดแปลงสัมผัสให้แตกต่างกัน (ภายหลังมีการค้นพบว่า สยามมณีฉันท์ พ้องกับ ประมาณิกาฉันท์ ในตำราฉันโทมัญชรี ซึ่งมีมากว่า ๑,๐๐๐ ปีแล้ว)
- ตัวอย่าง สยามมณีฉันท์ 8 (สัมผัสแบบกลอนสุภาพ)
| ชโยสยาม ณ ยามจะรุ่น | | สยามดรุณจะเร็วเจริญ |
| ณ คราวจะเรียนก็เพียรจะเพลิน | | ฤ ใครจะเกินสยามดรุณฯ |
| กุมาระไทยไฉนจะหลง | | จะลืมพระองคะทรงสกุล |
| ยามะรัฐอุบัติเพราะบุญ | | พระเดชพระคุณพระราชะวงศฯ |
- สุภร ผลชีวิน ประดิษฐ์ฉันใหม่ ๒ ชนิด คือ เปษณนาทฉันท์ จากเสียงครกกระเดื่องตำข้าว และ มุทิงคนาทฉันท์ จากเสียงจังหวะตะโพนประกอบการรำโทน
- ตัวอย่าง เปษณนาทฉันท์ 16 (สัมผัสแบบกลอนสุภาพ)
| ณยามสายัณห์ตะวันย้อยต่ำ | | เถอะเร่งเท้าตำจะค่ำแล้วหนอ |
| ตะแล้กแต้กแต้กจะแหลกแล้วพ่อ | | กระด้งเขารอจะขอรับไป |
| บุรุษรอทีสตีเร่งเท้า | | บุรุษยั่วเย้ากระเซ้าเสียงใส |
| กระเดื่องตำข้าวก็กราวเสียงไกล | | สนุกน้ำใจสมัยราตรี |
- พันโท สุจิต ศิกษมัต ประดิษฐ์ พิบูลรัชนีฉันท์ เพื่อสดุดีจอมพล แปลก พิบูลสงคราม นางสาวจิรา จันทรานนท์นัยวินิจ นำไปแต่งเผยแพร่ในนามปากกา จิราจันท์
| โอ้องค์พระทรงสมญา | | "ปิยมหาจุฬาลงกรณ์" |
| ไทยสามิภักดิ์ภูธร | | หทยเทอดพระเลิศเลอธรรม์ |
| แสงสูริย์จรูญจำรัส | | รพิประภัสสร์ก็เพียงกลางวัน |
| แสงโสมชโลมแหล่งสรรพ์ | | ภพอร่ามก็ยามกลางคืน |
- ถวัลย์ นวลักษณ์กวี ประดิษฐ์ฉันท์ 3 ชนิด คือ ภูมิพลอดุลยเดชฉันท์ และ วชิราโสมสวลีฉันท์ โดยกำหนดครุลหุจากชื่อฉันท์ โดยได้รับพระบรมราชานุญาต ส่วน ฉันท์ 20 เป็นการประดิษฐ์ถวายสมเด็จพระบรมราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ คราวเสด็จเยือนประเทศไทย พ.ศ. 2515
- ตัวอย่าง ภูมิพลอดุลยเดชฉันท์
| รวมปฐมพระจักริวงศ์ | | วีระทรงบำราบอมิตร |
| เบญจมงค์วรงค์มหิทธิ์ | | ปิยะราชผนิตสยาม |
| ดั่งพระเนาวมงค์พระนาม | | ไท้พระภัทร "ภูมิพลฯ" |
| ครบฉนำเฉลิมพระชนม์ | | ปกประชาพิเศษพิชัย |
- เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ประดิษฐ์ รพีพัฒน์ฉันท์ 6 โดยกำหนดครุลหุจากพระนามวรรคแรกของพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ตัวอย่าง
| รพีพัฒนศักดิ์ | | พระเอกอัครคุณ |
| อร่ามเรือง ณ อรุณ | | สถิตทอนิติธรรม |
- ชยศรี สุนทรพิพิธ ชาลี ประดิษฐ์ฉันท์ใหม่ คือ ชยสุนทรฉันท์ 23 ตัวอย่าง
| ละครวิทยุ | | ประลุวิทยานันท์ |
| กระแสส่งนภาพลัน | | ระกะสายกระจายเสียง |
| มิเปลืองฉากธนะ | | ผิแสดงก็สรรเพียง |
| ประโลมโลกนิยายเรียง | | รจเรขรำพันครวญ |
- พันเอก ชัยวิทย์ ชยาภินันท์ ได้ประดิษฐ์ กลาโหมกีรติฉันท์ 12 ใน กลาโหมคำฉันท์ เมื่อ พ.ศ. 2552 ตัวอย่าง
| สยามชาติเจริญรุ่ง | | คติมุ่งจรุงมั่น |
| วิบูลย์สุขขจายครัน | | ศุภนันทนาการ |
| ผดุงกิจการแผ้ว | | ก่อทแกล้ววิวัฒน์งาน |
| สฤษฎีวิถีภาร | | ฐิติสานลุมั่นคง |
- พรหมเทพ ชัยกิตติวณิชย์ ประดิษฐ์ฉันท์ใหม่ คือ สุริยดิลกฉันท์ เมื่อ 2 เมษายน พ.ศ. 2558 โดยผสมผสานวสันตดิลกฉันท์กับกลอนวะกะหรือทังกะของญี่ปุ่น กล่าวคือ สองวรรคสุดท้ายจบคล้ายกลอนทังกะ แต่ใช้จำนวนพยางค์ 8 พยางค์ให้เท่ากับวรรคแรกของวสันตดิลกฉันท์ ในขณะที่ในกลอนทังกะ 2 วรรคสุดท้ายมีจำนวนพยางค์วรรคละ 7 พยางค์ญี่ปุ่น ตัวอย่าง
| ในศุภวารติถิมาส | | นรราษฏร์ก็จงรัก |
| แต่งปาฏลีสตุติภัก | | ดิเฉลิมพระชนมา |
| องค์เทพรัตนสุดา | | พรมังคลาฐิตะนิรันดร์ |
| | | |
- ภูวรินทร์ กนกพรไพบูลย์ ประดิษฐ์ฉันท์ใหม่ คือ ภูวรอินทรฉันท์ ๑๖ เป็นฉันท์ที่มีรากฐานมาจากอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ และมีจำนวนคำเหมือนกลอน ๘ โดยที่ ๑ บท มี ๔ วรรค และในแต่ล่ะวรรคมี ๘ คำ โดยที่วรรคแรกของภูวรอินทรฉันท์จะนำวรรคที่ ๑ ของอินทรวิเชียรฉันท์มา และนำ ๓ คำแรกของวรรคที่สองมาต่อท้าย และวรรคที่สองของภูวรอินทรฉันท์จะนำวรรคที่ ๑ ของอินทรวิเชียรฉันท์มาและนำ ๓ คำสุดท้ายของวรรคที่สองมาต่อท้าย ส่วนวรรคที่ ๓ และ ๔ จะเหมือนกับวรรคที่ ๑ และ ๒ ตามลำดับ ใน ๑ บท
| แก้วกัลยาสวยบริสุทธิ์ | | ความงามฤดีผุดสกาวใส |
| ผิวพรรณอนงค์นางระอุใจใจ | | นวลขาวมิใครเทียบบ่เทียมเคียง |
| ปรางเจ้ากมลเย้าจิตแผ้ว | | วาจาก็เพริศแพร้วระรื่นเสียง |
| ทุมถันระริกตั้งอุระเรียง | | ทำได้พินิจเพียงมิได้ยล |
อ้างอิง
] - กวีนิพนธ์ไทย ๑ - ๒, สุภาพร มากแจ้ง, กรุงเทพฯ, โอเดียนสโตร์, 2539.
- ครรภครรลองร้อยกรองไทย, กรมศิลปากร, กรุงเทพ, พ.ศ. 2544, หน้า 265.
ฝากคำตอบ
ต้องการเข้าร่วมการสนทนาหรือไม่?คุณสามารถร่วมเขียนได้!