กลูโคส
| ชื่อ | |
|---|---|
| IUPAC names 6- (hydroxymethyl) oxane -2,3,4,5-tetrol OR (2R,3R,4S,5R,6R) -6 - (hydroxymethyl) tetrahydro -2H-pyran-2,3,4,5-tetraol | |
| ชื่ออื่น Dextrose | |
| เลขทะเบียน | |
เลขทะเบียน CAS | |
3D model (JSmol) | |
| ตัวย่อ | Glc |
| เคมสไปเดอร์ | |
ผับเคม CID | |
SMILES
| |
| คุณสมบัติ | |
สูตรเคมี | C6H12O6 |
| มวลโมเลกุล | 180.156 g mol−1 |
| ความหนาแน่น | 1.54 g cm−3 |
| จุดหลอมเหลว | α-D-glucose: 146 °C β-D-glucose: 150 °C |
| อุณหเคมี | |
ความจุความร้อน (C) | 218.6 J/(K·mol)[1] |
Std molar entropy (S⦵298) | 209.2 J/(K·mol)[1] |
Std enthalpy of formation (ΔfH⦵298) | −1271 kJ/mol[2] |
ความร้อนจากการเผาไหม้ ค่าที่สูงขึ้น (HHV) | 2,805 kJ/mol (670 kcal/mol) |
| เภสัชวิทยา | |
ATC code | B05CX01 (WHO) V04CA02, V06DC01 |
| ความอันตราย | |
| NFPA 704 (fire diamond) | 0 1 0 |
| เอกสารข้อมูลความปลอดภัย (SDS) | ICSC 08655 |
หากมิได้ระบุเป็นอื่น ข้อมูลข้างต้นนี้คือข้อมูลสาร ณ ภาวะมาตรฐานที่ 25 °C, 100 kPa อ้างอิงกล่องข้อมูล | |
กลูโคส (อังกฤษ: Glucose; คำย่อ: Glc) เป็นน้ำตาลประเภทโมโนแซคคาไรด์ (monosaccharide) ที่มีปริมาณมากที่สุด[3] และมีความสำคัญที่สุดในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตด้วยกัน เซลล์ของสิ่งมีชีวิติทุกชนิดใช้กลูโคสเป็นแหล่งพลังงาน และสารเผาผลาญขั้นกลาง (metabolic intermediate) กลูโคสเป็นหนึ่งในผลผลิตหลักของการสังเคราะห์แสง (photosynthesis) และเป็นแหล่งพลังงานสำหรับการหายใจของเซลล์ (cellular respiration) โครงสร้างโมเลกุลตามธรรมชาติของมัน (D-glucose) จะอยู่ในรูปที่เรียกว่า เดกซ์โตรส (dextrose) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมอาหาร
การผลิต
[]จากธรรมชาติ
[]- ในพืชและสิ่งมีชีวิตจำพวกโพรแคริโอต จากการสังเคราะห์แสง[4]
- ในสัตว์และเชื้อรา จากการแยกสลายไกลโคเจน โดยกระบวนการที่รู้จักกันในชื่อ การสลายไกลโคเจน (Glycogenolysis) ในพืชจะเป็นการแยกสลาย ซับสเตรต คือ แป้ง[5]
- ในสัตว์ กลูโคสจะถูกสังเคราะห์ในตับและไต[6] จากสารขั้นกลาง (intermediates) ที่ไม่ใช่คาร์โบไฮเดรต (non-carbohydrate) เช่น ไพรูเวต (pyruvate) และ กลีเซอรอล (glycerol) โดยกระบวนการที่เรียกว่า กลูโคนีโอเจนีสิส (gluconeogenesis)
ผลิตเพื่อการค้า
[]กลูโคสสามารถผลิตเป็นการค้าได้โดยการ ไฮโดรไลซิสแป้ง ที่มี เอ็นไซม์ ช่วยเร่งปฏิกิริยา[7] พืชผักมากมายสามารถใช้เป็นแหล่งของแป้งได้เช่น ข้าว ข้าวโพด ข้าวสาลี มันเทศ มันสำปะหลัง (cassava)[7]ต้นไม้เท้ายายม่อม (arrowroot) และ สาคู การใช้แป้งจากพืชจะแตกต่างกันไปตามส่วนต่าง ๆ ของโลก ในสหรัฐอเมริกาแป้งส่วนใหญ่จะเป็นแป้งข้าวโพด (จากต้นข้าวโพด) ในประเทศแถบเอเชียอย่างประเทศไทย จะใช้ข้าวทำแป้งเช่น แป้งข้าวเจ้าและแป้งข้าวเหนียว
กระบวนการที่ใช้เอนไซม์ช่วยจะมี 2 ขั้นตอน ดังนี้
- ขั้นตอนแรกใช้เวลาประมาณ 1–2 ชั่วโมง อุณหภูมิประมาณ 100 °C เอนไซม์เหล่านี้จะ ไฮโดรไลซ์แป้งให้กลายเป็นคาร์โบไฮเดรตที่เล็กลง โดยจะมีโมเลกุลของกลูโคส 5–10 หน่วย ความผิดเพี้ยนของกระบวนการจะอยู่ที่การต้มส่วนผสมของแป้งที่อุณหภูมิ 130 °C หรือร้อนกว่านี้ หนึ่งครั้งหรือมากกว่า การใช้ความร้อนระดับนี้เพื่อช่วยการละลายของแป้งในน้ำแต่มันก็จะทำลายฤทธิ์เอนไซม์ ซึ่งจะต้องเติมเอนไซม์เข้าไปใหม่ในการต้มแต่ละครั้ง
- ขั้นตอนที่สองเรียกว่า แซคคาริฟิเคชัน (saccharification) ขั้นตอนนี้จะไฮโดรไลซ์แป้งบางส่วนและไฮโดรไลซ์กลูโคสอย่างสมบูรณ์โดยใช้เอนไซม์ กลูโคอะไมเลส (glucoamylase) จาก เชื้อราแอสเปอร์จิลลัสไนเกอร์ (Aspergillus niger)[8] สภาวะของปฏิกิริยาจะต้องควบคุมให้อยู่ที่ pH 4.6–5.2, 55–60 °C[9] และความเข้มข้นของคาร์โบไฮเดรตจะต้องอยู่ที่ 30–35% โดยน้ำหนัก ภายใต้สภาวการณ์เหล่านี้แป้งจะถูกเปลี่ยนเป็นกลูโคสประมาณ 96% หลังจากใช้เวลา 1–4 วัน ถ้าจะให้ผลผลิตสูงกว่านี้สามารถทำได้โดยการทำให้สารละลายจางลง แต่จะต้องใช้หม้อต้มที่ใหญ่กว่าและต้องการน้ำมากกว่าซึ่งสรุปแล้วไม่ประหยัดกว่า สารละลายกลูโคสที่ได้จะถูกทำให้บริสุทธิ์โดย การกรอง และเคี่ยวให้งวดใน เครื่องระเหยเอนกประสงค์ (multiple-effect evaporator) ดี-กลูโคสที่เป็นของแข็งจะทำได้โดย การตกผลึก (crystallization)
อ้างอิง
[]- Boerio-Goates, Juliana (1991), "Heat-capacity measurements and thermodynamic functions of crystalline α-D-glucose at temperatures from 10K to 340K", J. Chem. Thermodynam., 23 (5): 403–09, doi:10.1016/S0021-9614(05)80128-4
- Ponomarev, V. V.; Migarskaya, L. B. (1960), "Heats of combustion of some amino-acids", Russ. J. Phys. Chem. (Engl. Transl.), 34: 1182–83
- Domb, Abraham J.; Kost, Joseph; Wiseman, David (1998-02-04). Handbook of Biodegradable Polymers. p. 275. ISBN 978-1-4200-4936-7.
- "Chemistry for Biologists: Photosynthesis". www.rsc.org. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-08-04. สืบค้นเมื่อ 2018-02-05.
- Smith, Alison M.; Zeeman, Samuel C.; Smith, Steven M. (2005). "Starch Degradation". Annu. Rev. Plant Biol. 56: 73–98. doi:10.1146/annurev.arplant.56.032604.144257. PMID 15862090.
- Leszek Szablewski: Glucose Homeostasis and Insulin Resistance. Bentham Science Publishers, 2011, ISBN 978-1-608-05189-2, p. 46.
- P. J. Fellows: Food Processing Technology. Woodhead Publishing, 2016, ISBN 978-0-081-00523-1, p. 197.
- Norman, B. E. (1982). "A Novel Debranching Enzyme for Application in the Glucose Syrup Industry". Starch – Stärke. 34 (10): 340–346. doi:10.1002/star.19820341005.
- Encyclopedia of Food and Health (ภาษาอังกฤษ). Academic Press. 2015. p. 239. ISBN 9780123849533. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-02-23.
แหล่งข้อมูลอื่น
[]- "Glucose". Drug Information Portal. U.S. National Library of Medicine.
- "Dextrose mixture with sodium chloride". Drug Information Portal. U.S. National Library of Medicine.
- บทความที่ไม่มีแหล่งที่มาของ InChI
- บทความที่ไม่มีแหล่งที่มาของ UNII
- โภชนาการ
- พยาธิวิทยาเคมี
- น้ำตาล
- วัตถุให้ความหวาน
- เมแทบอลิซึมของคาร์โบไฮเดรต
- ยาหลักขององค์การอนามัยโลก
- โมโนแซ็กคาไรด์
- กลูโคส
- บทความเกี่ยวกับ เคมี ที่ยังไม่สมบูรณ์
วิกิพีเดีย, วิกิ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, มือถือ, โทรศัพท์, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, แอปเปิ้ล, สมาร์ทโฟน, พีซี, เว็บ, คอมพิวเตอร์, ข้อมูลเกี่ยวกับ กลูโคส, กลูโคส คืออะไร? กลูโคส หมายความว่าอะไร?


ฝากคำตอบ
ต้องการเข้าร่วมการสนทนาหรือไม่?คุณสามารถร่วมเขียนได้!