กรมรถไฟหลวง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก )
การรถไฟแห่งประเทศไทย
State Railway of Thailand
ก่อนหน้ากรมรถไฟ
ก่อตั้งกรมรถไฟ: พ.ศ. 2433; 135 ปีที่แล้ว (2433)
การรถไฟแห่งประเทศไทย: พ.ศ. 2494; 74 ปีที่แล้ว (2494)[1]
ผู้ก่อตั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)
ประเภทรัฐวิสาหกิจ
สํานักงานใหญ่เลขที่ 1 ถนนรองเมือง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
พื้นที่ให้บริการ
ประเทศไทย
ผู้ว่าการ
อนันต์ โพธิ์นิ่มแดง board_of_directors =
บุคลากรหลัก
  • จิรุตม์ วิศาลจิตร
  • (ประธานกรรมการ)
องค์กรแม่กระทรวงคมนาคม
หน่วยงานในกํากับรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.
งบประมาณ (2569)
19,348,539,700 บาท[a]
พนักงาน (2565)
13,008[2]
เว็บไซต์www.railway.co.th
ภาพรวม
สถานีให้บริการ82 สถานี
สัญลักษณ์รฟท. / SRT
ข้อมูลเทคนิค
ช่วงกว้างราง1,000 mm (3 ft 3 38 in) มีเตอร์เกจ
ช่วงกว้างรางเดิม1,435 mm (4 ft 8 12 in) สแตนดาร์ดเกจ
ความยาว4,070 km (2,530 mi)

การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. (อังกฤษ: State Railway of Thailand ย่อว่า SRT) เป็นรัฐวิสาหกิจในกระทรวงคมนาคม ทำหน้าที่ดูแลกิจการด้านรถไฟของประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2494[3] มีทางรถไฟอยู่ภายใต้ขอบเขตดำเนินการทั้งหมด 4,070 กิโลเมตร แต่เดิมมีสถานะเป็นส่วนราชการระดับกรม อยู่ในสังกัดกระทรวงคมนาคม ก่อตั้งเมื่อเดือน ตุลาคม พ.ศ. 2433 ปัจจุบัน (1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568) จิรุตม์ วิศาลจิตร เป็นประธานกรรมการ และ อนันต์ โพธิ์นิ่มแดง เป็นรักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย

กำเนิดกรมรถไฟ

[]

รถไฟเป็นระบบขนส่งมวลชนสมัยใหม่ซึ่งถูกประดิษฐ์คิดค้นขึ้นที่สหราชอาณาจักร และมีใช้ในอังกฤษก่อนที่ใด ๆ ในโลก การที่อังกฤษจะนำระบบคมนาคมแบบใหม่เข้ามาใช้ในเมืองขึ้นของตนจึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่กลับเป็นความน่าตื่นเต้นสำหรับคนไทยซึ่งไม่เคยมีรถไฟและไม่เคยเห็นรถไฟมาก่อน แค่จะได้นั่งรถไฟก็ยังต้องเดินทางไปขึ้นถึงในอังกฤษ

คนไทยเห็นรถไฟจากอังกฤษครั้งแรกใน พ.ศ. 2398 (ค.ศ. 1855) ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) เป็นเพียงรถไฟ "ของเล่น" เท่านั้น ซึ่งสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย สมเด็จพระราชินีนาถแห่งสหราชอาณาจักร ได้ทรงจัดส่งรถไฟจำลองเข้ามาถวาย โดยให้ราชทูตชื่อ นายแฮร์รี่ ปาร์คส์ (Harry Parkes) เข้ามาแลกเปลี่ยนสนธิสัญญากับฝ่ายไทย ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2398 ดังข้อความตามหลักฐานของทางการไทยตอนหนึ่งว่า

"ในปีเถาะ เดือน 4 นั้น มิสเตอร์ฮารีปักซึ่งเป็นทูตเข้ามาทำสัญญาด้วย เซอร์ยอน เบาริง แต่ก่อนนั้น นำหนังสือออกไปประทับตราแผ่นดินอังกฤษแล้ว กลับเข้ามาเปลี่ยนหนังสือสัญญาซึ่งประทับตรากรุงเทพพระมหานคร มีพระราชสาส์นและเครื่องราชบรรณาการเข้ามาเป็นอันมาก มิสเตอร์ฮารีปักเข้ามาด้วยเรือกลไกชื่อ ออกแกลน ถึงกรุงเทพพระนครทอดอยู่ที่หน้าป้อมป้องปัจจามิตร ป้อมปิดปัจจนึก ณ วันอังคาร เดือน 4 แรม 3 ค่ำ ได้ยิงปืนสลุตธงแผ่นดิน 21 นัด ทั้ง 2 ฝ่าย ครั้น ณ วันจันทร์ เดือน 4 แรม 10 ค่ำ มิสเตอร์ฮารีปักกับขุนนางอังกฤษ 17 นาย เข้าเฝ้าออกใหญ่ถวายพระราชสาส์น ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ถวายเครื่องราชบรรณาการอย่างรถไฟ 1 อย่าง กำปั่นไฟ 1 กระจกฉากรูปควีนเป็นกษัตริย์ฉาก 1 กระจกฉากรูปควีนวิคตอเรียเมื่อมีบุตร 8 คน กับเครื่องเขียนหนังสือสำรับ 1 และของต่าง ๆ เป็นอันมาก เจ้าพนักงานในตำแหน่งทั้งปวงมารับไปต่อมือฮารีปักเองเนืองๆ เจ้าพนักงานกรมท่า จึงได้บัญชีไว้บ้าง ของถวายในพระบวรราชวังก็มีเป็นอันมาก ท่านก็ให้เจ้าพนักงานมารับไปเหมือนกัน"[4]

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) การล่าอาณานิคมของอังกฤษและฝรั่งเศสได้แผ่ขยายมาถึงบริเวณแหลมอินโดจีน พระองค์ทรงตระหนักถึงความสำคัญของการคมนาคมโดยเส้นทางรถไฟ เพราะการใช้แต่ทางเกวียนและแม่น้ำลำคลองเป็นพื้นนั้น ไม่เพียงพอแก่การบำรุงรักษาพระราชอาณาเขต ราษฎรที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงมีจิตใจโน้มเอียงไปทางประเทศใกล้เคียง จึงเห็นว่าควรสร้างทางรถไฟขึ้นในประเทศเพื่อติดต่อกับมณฑลที่ติดต่อกับชายแดนอื่นก่อน เพื่อความสะดวกแก่การปกครอง ตรวจตราป้องกันการรุกราน เป็นการเปิดภูมิประเทศให้ประชาชนพลเมืองเข้าบุกเบิกพื้นที่รกร้างว่างเปล่าให้เป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ และจะเป็นเส้นทางให้สามารถขนส่งผู้โดยสารและสินค้าไปมาถึงกันได้ง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2430 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เซอร์แอนดรู คลาก และบริษัทปันชาร์ด แมกทักการ์ด โลเธอร์ ดำเนินการสำรวจเพื่อสร้างทางรถไฟสายกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา และมีทางแยกตั้งแต่เมืองลพบุรี - เชียงใหม่ 1 สาย จากเมืองอุตรดิตถ์ - ตำบลท่าเดื่อริมฝั่งแม่น้ำโขงอีก 1 สาย และจากเมืองเชียงใหม่ไปยังเชียงราย - เชียงแสนหลวงอีก 1 สาย โดยทำการสำรวจให้แล้วเสร็จเป็นตอน ๆ รวม 8 ตอน ในราคาค่าจ้างโดยเฉลี่ยไม่เกินไมล์ละ 100 ปอนด์ หรือประมาณ 24,500 บาทต่อกิโลเมตร ทั้งสองฝ่ายลงนามในสัญญา เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2430[5]

image
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเปิดเส้นทางรถไฟสายกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2439

และในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา กรมรถไฟ ขึ้นเป็นครั้งแรกในสังกัดกระทรวงโยธาธิการ[6][7] โดยมีการใช้ธงตราเครื่องหมายสำหรับกรมรถไฟคือธงช้างทรงเครื่องยืนแท่นตามพระราชบัญญัติธง ร.ศ. 118 มาตรา 5 ที่มุมมีตรารูปล้อรถมีปีกมีพระมหาพิไชยมงกุฎอยู่เบื้องบน[8]

image
ธงกรมรถไฟ

และทรงพระราชทานพระบรมราชานุมัติให้กระทรวงโยธาธิการว่าจ้าง มิสเตอร์ จี. มูเร แคมป์เบลล์ สร้างทางรถไฟหลวงจากกรุงเทพ (หัวลําโพง) ถึงนครราชสีมา เป็นสายแรก เป็นทางขนาดกว้าง 1.435 เมตร และได้เสด็จพระราชดำเนินประกอบพระราชพิธีกระทำพระฤกษ์ เริ่มการสร้างทางรถไฟ ณ บริเวณย่านสถานีกรุงเทพ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2434 (ปัจจุบัน การรถไฟฯ ได้สร้างอนุสรณ์ปฐมฤกษ์รถไฟหลวงเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานรำลึกเหตุการณ์สำคัญในอดีต และเพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณ เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2534 โดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร เสด็จมาทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด) จากนั้นในวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2439 พระองค์ได้เสด็จฯ ทรงเปิดการเดินรถไฟเส้นทางรถไฟสายแรกของสยาม คือ สายกรุงเทพ-นครราชสีมา กรมรถไฟจึงถือเอาวันที่ 26 มีนาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสถาปนากิจการรถไฟจนถึงปัจจุบัน

image
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน

ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บุคคลสำคัญที่ผลักดันให้กิจการรถไฟของไทยเติบใหญ่อย่างมั่นคงในเวลาต่อมา คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ที่วิทยาลัยตรีนิตี้ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ได้รับฉายาว่าพระบิดาแห่งการรถไฟไทย โดยปี พ.ศ. 2453 ได้รักษาการตำแหน่งเจ้ากรมรถไฟสายเหนือ ต่อมาได้พระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้รวมกรมรถไฟสายเหนือกับสายใต้เข้าด้วยกันเป็น กรมรถไฟหลวง เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2460 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง พระองค์แรกซึ่งเป็นคนไทย แลดูเหมือนจะเป็นพระราชประสงค์จำนงหมายไว้แต่เดิมมากกว่าเป็นการบังเอิญจากสงคราม

สังกัดกระทรวงคมนาคม

[]

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศพระบรมราชโองการ ประกาศจัดราชการและให้เปลี่ยนนามกระทรวงโยธาธิการใหม่ เป็นกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2455 (1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ขณะนั้น) มีการแบ่งส่วนราชการกระทรวงคมนาคม แบ่งเป็น กรมรถไฟ กรมไปรษณีย์โทรเลข และกรมทาง

ประกาศเปลี่ยนนามแห่งกรมรถไฟ

[]

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2467 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนามจากกรมรถไฟ เป็น กรมรถไฟหลวงแห่งกรุงสยาม ย่อว่า ร.ฟ.ล. (Royal State Railways of Siam, R.S.R.)[9]

พระบิดาแห่งการรถไฟไทย

[]

พระองค์เจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เป็นพระองค์แรกที่ได้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง พระองค์ได้ทรงจัดการไม่แต่ให้การคมนาคมโดยทางรถไฟติดต่อเชื่อมถึงกันได้โดยสะดวกแต่ภายในพระราชอาณาจักรเท่านั้น ยังทรงเป็นผู้นำชื่อเสียงและเกียรติคุณของกรมรถไฟแห่งราชอาณาจักรไทยไปอุโฆษในต่างประเทศ จนได้รับความยกย่องในสมรรถภาพและประสิทธิภาพว่า เป็นกรมรถไฟไทยที่ไม่ต้องใช้วิศวกรชาวต่างประเทศ เป็นเหตุให้ประชาชาติในนานาประเทศสนใจในการเดินทางท่องเที่ยว หรือเพื่อธุรกิจอย่างอื่นเข้ามาในราชอาณาจักรไทยกันมากหลาย และไม่เฉพาะแก่การรถไฟเท่านั้นที่พระองค์ได้ทรงกอบเกื้อ หรือปลุกปล้ำทะนุบำรุงให้รุ่งเรืองวัฒนามาแต่สมัยนั้นจนกาลบัดนี้ ถึงในด้านอื่นๆ เกี่ยวกับการคมนาคมของประเทศทุกสาขา พระองค์ก็ได้ทรงฟื้นฟูให้ก้าวหน้าทันสมัยด้วยเหมือนกัน แนวนโยบายเกี่ยวกับการรถไฟหลวงที่ผู้บัญชาการกรมรถไฟพระองค์แรกได้ทรงวางไว้ กรมรถไฟก็ได้ถือเป็นหลักปฏิบัติและดำเนินการตามตลอดมาจนถึงกาลปัจจุบันนี้

นับแต่แรกที่ทรงปฏิบัติราชการในกรมรถไฟ พระองค์ทรงฝึกให้ข้าราชการไทย โดยการแนะนำสั่งสอนด้วยพระองค์เอง และโดยจัดให้มีนักเรียนสอบชิงทุนของกรมรถไฟหลวงออกไปศึกษาวิชาการรถไฟและการพาณิชย์ ณ ต่างประเทศ เพื่อเข้ามาสวมตำแหน่งสำคัญ ๆ แทนชาวต่างประเทศดั่งที่เคยจำเป็นต้องจ้างมาใช้แต่ก่อน ได้ทรงเริ่มนโยบายนี้เมื่อต้นปี พ.ศ. 2461 และรุ่นสุดท้าย ได้ส่งไปในปี พ.ศ. 2466 รวมเป็นนักเรียน 51 คน นโยบายนี้ได้รับผลอันสมบูรณ์ราวต้นปี พ.ศ. 2475 นอกจากนั้นยังทรงรับโอนนักศึกษาไทยที่ศึกษาอยู่ ณ ต่างประเทศแล้วมาเป็นนักเรียนใช้ทุนของกรมรถไฟหลวงก็อีกหลายนาย ทรงเป็นผู้ก่อกำเนิดชักนำให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ผู้น้อยในกรมรถไฟมีความรู้สึกฉันมิตรซึ่งกันและกัน ร่วมมือฏิบัติราชการโดยมิให้เป็นไปเยี่ยงนายกับบ่าว ความร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของข้าราชการกรมรถไฟนับแต่สมัยพระองค์ทรงบังคับบัญชา เป็นผลความเจริญแก่กรมรถไฟมาจนทุกวันนี้

สังกัดกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม

[]

ต่อมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศรวมหน้าที่ราชการกระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป็นกระทรวงคมนาคมและพาณิชยการ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2468 และได้ประกาศเปลี่ยนนามใหม่เป็นกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2468 กรมรถไฟหลวงแห่งกรุงสยาม จึงอยู่ในสังกัดกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ยุคหลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475

[]

ใน พ.ศ. 2476 หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีการแบ่งส่วนราชการของกระทรวงเศรษฐการ[10] ทำให้กรมรถไฟอยู่ในสังกัดราชการส่วนคมนาคม กระทรวงเศรษฐการ

เปลี่ยนชื่อเป็นกรมรถไฟ

[]

รัฐบาลคณะราษฎรได้เปลี่ยนชื่อกรมรถไฟหลวงแห่งกรุงสยาม เป็น กรมรถไฟ ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พุทธศักราช 2476 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 50 หน้า 770 ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2476[11]

การปรับปรุงการบริหารงาน

[]

หลังจากได้มีการปรับปรุงการบริหารราชการของกรมรถไฟแล้วเสร็จ รัฐบาลจึงได้ออกพระราชกฤษฎีกาจัดวางระเบียบราชการสำนักงานและกรมในกระทรวงเศรษฐการ ประกาศในราชกิจจานุเบกษาลงวันที่ 30 พฤษภาคม 2481[12]

ใน พ.ศ. 2484 กรมรถไฟได้ถูกปรับปรุงให้กลับมาสังกัดกระทรวงคมนาคมตามเดิม ตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม พุทธศักราช 2484 ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 58 หน้า 1044 ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2484[13]

กรมรถไฟในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

[]

ครั้นราชอาณาจักรไทยตกอยู่ในภาวะสงครามโลกครั้งที่สองตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2484 เป็นเหตุให้กิจการรถไฟได้รับความกระทบกระเทือนจากภัยสงคราม ต้องรับภาระในการขนส่งทหารและร่วมมือกับกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นเพื่อขนส่งทหารเข้าสู่ยุทธภูมิ โดยกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นมีหน่วยทหารขนส่งรถไฟ มีนายพลอิชิดาฯ เป็นผู้บังคับหน่วย มีนายทหารขนส่งรถไฟส่งไปประจำทุกย่านสถานีรถไฟของไทย คอยควบคุมการขนส่งของหน่วยทหารญี่ปุ่น ดูแลให้มีการขนขึ้นลงให้ทันภายในกำหนดเวลาเดินรถของกรมรถไฟ ควบคุมการบรรทุกอาวุธหนักยานพาหนะ การผูกมัดรัดตรึงให้มั่นคง ตักเตือนระเบียบวินัยการเดินทางแก่ทหารในขบวนรถพิเศษนั้น ขบวนรถพิเศษญี่ปุ่นในระยะหลังได้ใช้ล้อเลื่อนโดยสารและรถสินค้าที่ทหารญี่ปุ่นนำมาจากมลายู อินโดจีนฝรั่งเศส และชะวา คละกันไปและใช้รถแซมเพื่อการผสมขอพ่วงเป็นขบวนรถเดินทางต่อไปได้ คงใช้รถจักรของกรมรถไฟไทย มีพนักงานขับรถ (พขร.) และช่างไฟ (ชฟ.1,2) เป็นผู้ขับ ส่วนใหญ่เดินในทางสายใต้ พอพ้นปาดังเบซาร์ก็เปลี่ยนเป็นรถจักรของทหารขนส่งรถไฟญี่ปุ่นนำขบวนรถนั้นต่อไปในมลายู บางครั้งความไม่เข้าใจกันระหว่างเจ้าหน้ากรมรถไฟของไทยและเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น ก่อให้เกิดปัญหาในการเดินรถ ดังเช่นกรณีเจ้าหน้าที่รถไฟญี่ปุ่นที่ตามทหารญี่ปุ่นเข้ามาควบคุมการเดินรถและสับเปลี่ยนรถที่ย่านสถานีสำคัญ ๆ ของกรมรถไฟไทยไม่ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับระเบียบการเดินรถของกรมรถไฟ จนมีเหตุทะเลาะวิวาทชกต่อยกันไม่เว้นแต่ละวันเพราะสื่อภาษากันไม่รู้เรื่อง จนต้องให้นักเรียนไทยที่จบจากญี่ปุ่นเข้ามารับราชการเป็นล่ามประจำสถานีรถไฟ หรือใช้ล่ามคนญี่ปุ่นที่พูดภาษาไทยแบบต้องเอียงหูฟัง หนักเข้าก็เกิดเหตุการณ์กรณีนายสถานีรถไฟสงขลาถูกทหารญี่ปุ่นรุมชกต่อยจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และกรณีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2485 ทหารญี่ปุ่นได้รุมทุบตีนายฉัตร์ พนักงานขับรถจักร และนายพุฒ คนการโรงรถจักรหาดใหญ่ของกรมรถไฟ ขณะทำขบวนรถไฟจากสถานีสุไหงโกลกไปชุมทางหาดใหญ่ เมื่อรถจอดที่ชุมทางหาดใหญ่ ทหารญี่ปุ่นก็รุมทุบตีซ้ำอีกจนถึงเวลา 17.30 น. ก็ยังไม่ยอมหยุดทุบตี

ในช่วงปลายสงครามฯ การโจมตีทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรหนักหน่วงมากขึ้นเนื่องจากกองทัพญี่ปุ่นประสบความเพลี่ยงพล้ำในสมรภูมิ กล่าวคือ บรรดาอาคารบ้านพักข้าราชการ อาคารสถานี สะพาน ล้อเลื่อน โรงงานโรงรถจักร อาณัติสัญญาณประจำที่และทางรถไฟ ฯลฯ ได้รับความเสียหายจากภัยทางอากาศทั่วถึงกันทุกแห่ง คือ ทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่นภูมิภาค คำนวณค่าเสียหายทั้งสิ้นตามราคาเดิม เมื่อก่อนสงครามตกเป็นเงินประมาณ 37,333,100 บาท หากคำนวณตามราคาปัจจุบันจะสูงขึ้นอีกประมาณ 14 เท่า มีข้าราชการกรมรถไฟได้รับอันตรายจากภัยสงครามและประสบภัยทางอากาศ เป็นอันตรายถึงสิ้นชีวิต 103 คน บาดเจ็บ 9 คน และถึงความสิ้นเนื้อประดาตัว 1,370 คน

กำเนิดการรถไฟแห่งประเทศไทย

[]

ใน พ.ศ. 2494 สมัยรัฐบาลที่มีจอมพลแปลก พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา เลขที่ 40 หมวด ก ฉบับพิเศษ ลงในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2494 และให้ประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ปีเดียวกัน ดังนั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย จึงถูกจัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจประเภทสาธารณูปโภค สังกัดกระทรวงคมนาคม และให้มีการโอนกิจการ ทรัพย์สิน หนี้สิน สิทธิ หน้าที่ต่าง ๆ รวมไปถึงข้าราชการพลเรือนรัฐพาณิชย์ ลูกจ้าง และสายงานทั้งหมด ของกรมรถไฟไปอยู่ในการดำเนินงานของ การรถไฟแห่งประเทศไทย โดยมีพลเอกจรูญ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ เป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยคนแรก และเป็นอธิบดีกรมรถไฟคนสุดท้าย ซึ่งมีพิธีส่งมอบกิจการของกรมรถไฟให้การรถไฟแห่งประเทศไทยรับมาดำเนินการเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2494 จัดขึ้น ณ วังสวนกุหลาบ โดยมี ฯพณฯ จอมพลแปลก พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี เป็นประธานและได้กล่าวมอบกิจการรถไฟให้กับคณะกรรมการรถไฟชุดแรก นายเล้ง ศรีสมวงศ์ ประธานกรรมการรถไฟ เป็นผู้กล่าวรับมอบ

รายนามผู้บริหาร

[]

คณะกรรมการ

[]
  • จิรุตม์ วิศาลจิตร – ประธานกรรมการ
  • ศันสนะ สุริยะโยธิน – กรรมการ
  • วิม รุ่งวัฒนจินดา – กรรมการ
  • อารีศักดิ์ เสถียรภาพอยุทธ์ – กรรมการ
  • อาทิตย์ สุริยาภิวัฒน์ – กรรมการ
  • อภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย– กรรมการ
  • ศุกร์ศิริ บุญญเศรษฐ์ – กรรมการ [14]
  • อนันต์ โพธิ์นิ่มแดง – กรรมการและเลขานุการ

ผู้ว่าการ

[]

ปัจจุบัน อนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นผู้รักษาการในตำแหน่ง ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2568)

เส้นทางเดินรถ

[]

รถไฟทางไกล

[]
การรถไฟแห่งประเทศไทย
สัญลักษณ์
image
เวียงจันทน์ (คำสะหวาด), ลาว
image
ท่านาแล้ง, ลาว
image
สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว
หนองคาย
image
image
อุบลราชธานี
อุดรธานี
image
image
ศรีสะเกษ
เชียงใหม่
image
image
image
ขอนแก่น
ลำพูน
image
image
image
สุรินทร์
อุโมงค์ขุนตาน
image
image
image
บุรีรัมย์
นครลำปาง
image
image
image
บ้านไผ่
ศิลาอาสน์
image
image
image
ชุมทางบัวใหญ่
ชุมทางบัวใหญ่
image
image
image
ชุมทางถนนจิระ
อุตรดิตถ์
image
image
image
จัตุรัส
image
image
image
นครราชสีมา
ชุมทางบ้านดารา
image
image
image
image
สวรรคโลก
image
image
image
image
รถไฟกัมพูชา
พิษณุโลก
image
image
image
อรัญประเทศ
พิจิตร
image
image
image
ปราจีนบุรี
นครสวรรค์
image
image
image
ชุมทางแก่งคอย
ลพบุรี
image
image
image
สระบุรี
ชุมทางบ้านภาชี
image
image
image
สุพรรณบุรี
image
image
image
อยุธยา
นครปฐม
image
image
image
image
image
image
ชุมทางบางซื่อ
image
image
image
image
ชุมทางบางซื่อ
ธนบุรี
image
image
image
image
ชุมทางฉะเชิงเทรา
image
image
image
image
กรุงเทพ (หัวลำโพง)
image
กาญจนบุรี
image
image
image
image
วงเวียนใหญ่
(สายแม่กลอง)
สะพานข้ามแม่น้ำแคว
image
image
image
image
image
มหาชัย
(สายแม่กลอง)
น้ำตก
image
image
image
image
image
นั่งเรือข้าม แม่น้ำท่าจีน
น้ำตกไทรโยคน้อย
image
image
image
image
image
บ้านแหลม
(สายแม่กลอง)
รถไฟเมียนมา
image
image
image
image
แม่กลอง
(สายแม่กลอง)
ราชบุรี
image
image
ชลบุรี
เพชรบุรี
image
image
image
ชุมทางศรีราชา
หัวหิน
image
image
image
ท่าเรือแหลมฉบัง
ประจวบคีรีขันธ์
image
image
บางละมุง
บางสะพานใหญ่
image
image
พัทยา
ชุมพร
image
image
image
ชุมทางเขาชีจรรย์
หลังสวน
image
image
image
ท่าเรือมาบตาพุด
ละแม
image
image
ท่าเรือสัตหีบ
ไชยา
image
คีรีรัฐนิคม
image
image
ชุมทางบ้านทุ่งโพธิ์
สุราษฎร์ธานี
image
ชุมทางทุ่งสง
image
image
ตรัง
image
image
image
ชุมทางเขาชุมทอง
กันตัง
image
image
image
นครศรีธรรมราช
พัทลุง
image
ชุมทางอู่ตะเภา (ปิดทำการ)
image
image
สงขลา
ชุมทางหาดใหญ่
image
ชุมทางหาดใหญ่
image
image
image
image
ปัตตานี
ชายแดน ไทย/มาเลเซีย
image
image
ยะลา
ปาดังเบซาร์, มาเลเซีย
image
image
สุไหงโก-ลก
รถไฟมาเลเซีย
image
image
ชายแดน ไทย/มาเลเซีย (ปิดทำการ)
image วุดแลนด์, สิงคโปร์ 
image
image
รันเตาปันจัง, มาเลเซีย
image เจมัส 
image
image
image
ปาเซมัส, มาเลเซีย
image
image
รถไฟมาเลเซีย
image
image ตุมปัต 

การรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นผู้ให้บริการรถไฟทางไกลทุกสาย โดยปัจจุบันมีสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ) เป็นสถานีปลายทางของขบวนรถด่วนพิเศษ รถด่วน รถเร็ว จำนวน 52 ขบวน และสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เป็นสถานีปลายทางของกลุ่มขบวนรถธรรมดา ขบวนรถชานเมือง และขบวนรถนำเที่ยวจำนวน 62 ขบวน มีสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง ลาดกระบัง เป็นที่ทำการรับส่งสินค้าหลัก ปัจจุบันการรถไฟฯ มีระยะทางที่เปิดการเดินรถแล้ว รวมทั้งสิ้น 4,044 กิโลเมตร แบ่งเป็นเส้นทางรถไฟทางเดี่ยว 2847.1 กิโลเมตร เส้นทางรถไฟทางคู่ 1089.9 กิโลเมตร ได้แก่ ช่วงกรุงเทพ (หัวลําโพง) - ลพบุรี ระยะทาง 133 กิโลเมตร ช่วงชุมทางสถานีตลิ่งชัน - สถานีนครปฐม ระยะทาง 44 กิโลเมตร ช่วงสถานีฉะเชิงเทรา - สถานีสัตหีบ ระยะทาง 69.8 กิโลเมตร และช่วงสถานีชุมทางศรีราชา - สถานีแหลมฉบัง ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร ช่วงจิระ-ขอนแก่น 185 กิโลเมตร และช่วง ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย 106 กิโลเมตร และเส้นทางรถไฟทางสาม 107 กิโลเมตร ได้แก่ ช่วง รังสิต - ชุมทางบ้านภาชี ระยะทาง 60 กิโลเมตรและช่วงสถานีหัวหมาก - ชุมทางฉะเชิงเทรา ระยะทาง 45.82 กิโลเมตร

นอกจากนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทยยังมีโครงการขยายเส้นทางให้เป็นทางคู่เพื่อให้สามารถทำความเร็วได้มากขึ้น ลดเวลาการเดินทาง เพิ่มความจุตู้สินค้าและตู้โดยสาร รวมทั้งลดการใช้พลังงาน เนื่องจากการขนส่งเที่ยวหนึ่ง สามารถจุผู้โดยสารและสินค้าได้มากกว่ารถยนต์ โครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานก่อสร้าง ได้แก่ ลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 118 กิโลเมตร และมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ 132 กิโลเมตร

สายเหนือ

ทางรถไฟสายเหนือ เดินรถคู่ไปกับทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือแล้วแยกกันที่สถานีรถไฟชุมทางบ้านภาชี โดยทางรถไฟสายเหนือผ่านจังหวัดลพบุรี, นครสวรรค์, พิจิตร พิษณุโลก, อำเภอเด่นชัย, ลำปาง, ลำพูน แล้วสุดทางรถไฟที่เชียงใหม่ ระยะทางจากกรุงเทพ 751 กิโลเมตร มีทางรถไฟแยกที่สถานีชุมทางบ้านดารา จังหวัดอุตรดิตถ์ ถึงสถานีสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย ระยะทาง 29 กิโลเมตร

สายตะวันออกเฉียงเหนือ

ทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ เดินรถคู่กับทางรถไฟสายเหนือแล้วแยกกันที่สถานีรถไฟชุมทางบ้านภาชี มุ่งสู่นครราชสีมา แยกเป็นสองสายที่สถานีรถไฟชุมทางถนนจิระ โดยสายหนึ่งผ่านขอนแก่น, อุดรธานี, หนองคาย ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแล้วสุดทางรถไฟที่สถานีรถไฟคำสะหวาด นครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ระยะทางจากกรุงเทพ 635.06 กิโลเมตร อีกสายหนึ่งผ่านบุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ แล้วสุดทางรถไฟที่อุบลราชธานี ระยะทางจากกรุงเทพ 575 กิโลเมตร

ยังมีอีกเส้นทางหนึ่งเริ่มต้นจากสถานีรถไฟชุมทางแก่งคอยที่สระบุรี ผ่านอำเภอชัยบาดาลที่ลพบุรีและอำเภอจัตุรัสที่ชัยภูมิ ก่อนจะวิ่งเข้าสู่สายหลักที่ไปหนองคาย ที่สถานีรถไฟชุมทางบัวใหญ่ นครราชสีมา ระยะทาง 252.4 กิโลเมตร

สายใต้

ทางรถไฟสายใต้ เริ่มต้นจากสถานีกรุงเทพแล้วเมื่อถึงที่สถานีรถไฟชุมทางบางซื่อจะแยกไปทางตะวันตกสู่นครปฐม ก่อนจะแยกเป็นสามทาง โดยทางหนึ่งไปทางกาญจนบุรี (210 กิโลเมตร) ทางหนึ่งไปทางสุพรรณบุรี (157 กิโลเมตร) ทางรถไฟสายใต้หลักวิ่งต่อไป โดยผ่านราชบุรี, เพชรบุรี, หัวหิน, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพรจนถึงสุราษฎร์ธานี มีทางแยกคีรีรัฐนิคม จากนั้นวิ่งต่อไปถึง สถานีรถไฟชุมทางทุ่งสง ที่ นครศรีธรรมราช และยังมีทางแยกไปกันตังที่ตรังและชุมทางเขาชุมทองซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน สายใต้หลักวิ่งต่อไปจนถึงพัทลุง, ชุมทางหาดใหญ่ ที่สงขลามีทางแยกซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับทางรถไฟของ ประเทศมาเลเซีย ที่ปาดังเบซาร์ ส่วนสายใต้หลักจะวิ่งต่อไปผ่านยะลา จนถึงสุไหงโก-ลก นราธิวาส

สายตะวันออก

ทางรถไฟสายตะวันออก ถึง จังหวัดสระแก้ว ( สถานีรถไฟอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ ) ระยะทาง 260 กิโลเมตร, สถานีคลองสิบเก้า-ชุมทางแก่งคอย ระยะทาง 81.4 กิโลเมตร และชุมทางเขาชีจรรย์-มาบตะพุต ระยะทาง 24.07 กิโลเมตร

สายแม่กลอง

ทางรถไฟสายแม่กลอง ช่วง สถานีรถไฟวงเวียนใหญ่ - สถานีรถไฟมหาชัย ระยะทาง 31 กิโลเมตร และช่วง สถานีรถไฟบ้านแหลม - สถานีรถไฟแม่กลอง ระยะทาง 34 กิโลเมตร

หมายเลขขบวนรถไฟ

[]

รถไฟฟ้าชานเมือง

[]

การรถไฟแห่งประเทศไทย ยังเป็นผู้รับผิดชอบเส้นทางรถไฟฟ้าชานเมืองในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • แอร์พอร์ต เรล ลิงก์: เป็นสัมปทานของ บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด แบ่งออกเป็น
    • ช่วงสุวรรณภูมิ - พญาไท ระยะทาง 28.6 กิโลเมตร : เปิดให้บริการ โดยยกเลิกการให้บริการรถไฟด่วนเป็นการชั่วคราวเพื่อทดแทนด้วยรถไฟความเร็วสูง
    • ช่วงพญาไท - ดอนเมือง ระยะทาง 21.8 กิโลเมตร : อยู่ในระหว่างเตรียมการก่อสร้าง
  • รถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง แบ่งออกเป็น
    • สายสีแดงอ่อน
      • กรุงเทพอภิวัฒน์ – ตลิ่งชัน : เปิดให้บริการ พ.ศ. 2564
      • ช่วงศาลายา - ตลิ่งชัน และศิริราช - ตลิ่งชัน : อยู่ในระหว่างเตรียมการก่อสร้าง
      • ช่วงบางซื่อ - พญาไท : อยู่ในระหว่างเตรียมการก่อสร้าง
      • ช่วงพญาไท - หัวหมาก - ฉะเชิงเทรา และศาลายา - นครปฐม : อยู่ในระหว่างการศึกษาเส้นทาง
    • สายสีแดงเข้ม
      • กรุงเทพอภิวัฒน์ – รังสิต : เปิดให้บริการ พ.ศ. 2564
      • ช่วงธรรมศาสตร์รังสิต - รังสิต : อยู่ในระหว่างเตรียมการก่อสร้าง
      • ช่วงบางซื่อ - หัวลำโพง : อยู่ในระหว่างเตรียมการก่อสร้าง
      • ช่วงหัวลำโพง - วงเวียนใหญ่ - มหาชัย กำลังปรับแบบช่วงหัวลำโพง - วงเวียนใหญ่ เป็นอุโมงลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยาและจัดทำรายงาน EIA ฉบับใหม่ [15]
      • มหาชัย - ปากท่อ และช่วงธรรมศาสตร์รังสิต - บ้านภาชี : อยู่ในระหว่างการศึกษาเส้นทาง

รถไฟความเร็วสูง

[]
  • รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ช่วงดอนเมือง - อู่ตะเภา : เป็นสัมปทานของ บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด อยู่ในระหว่างเตรียมการก่อสร้าง
  • รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (สายอีสาน) ช่วงบางซื่อ - หนองคาย : เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย และรัฐบาลจีน อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
  • รถไฟความเร็วสูงไทย-ญี่ปุ่น (สายเหนือ) ช่วงบางซื่อ - เชียงใหม่ : เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย และรัฐบาลญี่ปุ่น อยู่ในระหว่างการออกแบบรายละเอียดโครงการ
  • รถไฟความเร็วสูงสายใต้ ช่วงบางซื่อ - ปาดังเบซาร์ (ไทย) : อยู่ระหว่างการออกแบบรายละเอียดโครงการ

รถจักรและล้อขับเคลื่อน

[]

ประจำการ

[]

รถจักรดีเซล

[]
รุ่น ผู้ผลิต รุ่นเลขที่ ปีผลิต จำนวนสร้าง กำลัง ความเร็วสูงสุด (km/h) ภาพ คำอธิบาย
UM12C[16] (จีอี[17]) image เจเนอรัลอิเล็กทริก 4001-4050[16][17][18] 2507 (4001-4040)[16][18]
2509 (4041-4050)[16][18]
50[16][17][18] 1,320 hp (980 kW)[16]
(660 hp (490 kW)x2)
103[17] image ตกแต่งใหม่ พ.ศ. 2553-2554
เอแอลเอส image อัลสตอม[19] 4101-4154[17][19] 2517–2518[19] 54[19] 2,400 hp (1,800 kW)[19] 90[17][19] image ชุดแรกของรถจักร AD24C ดัดแปลงใหม่ติดตั้งเครื่องยนต์ MTU 16V4000R41R[20] หรือเครื่องดีเซล แคทเธอร์พิลลาร์
AD24C[19] (เอเอชเค[17]) image อัลสตอม,[19]image เฮนเชล[19] และกรุปป์[19] 4201-4230[17][19] 2526[19] 30[19] 2,400 hp (1,800 kW)[19] 100[17][19] image ชุดที่ 2 ของรถจักร AD24C ผลิตร่วมกับบริษัท กรุปป์ และ เฮนเชล ได้ดัดแปลงติดตั้งเครื่องยนต์ MTU 16V4000R41R[20] หรือเครื่องดีเซลแคทเธอร์พิลลาร์
AD24C[19] (ALD[17]) image อัลสตอม[19] 4301-4309[17][19] 2526[19] 9[19] 2,400 hp (1,800 kW) 100[17][19] image ชุดที่ 3 ของ AD24C ได้ดัดแปลงติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล แคทเธอร์พิลลาร์
AD24C[19] (ADD[17]) image อัลสตอม[19] 4401-4420[17][19] 2528[19] 20[19] 2,400 hp (1,800 kW)[19] 100[17][19] image ชุดที่ 4 ชุดสุดท้ายของ AD24C ด้ดัดแปลงติดตั้งเครื่องยนต์ MTU 16V4000R41R[20] หรือเครื่องดีเซลแคทเธอร์พิลลาร์
8FA-36C (เอชไอดี[17]) image ฮิตาชิ 4501-4522[17] 2536 22 2,860 hp (2,130 kW)
(1,430 hp (1,070 kW)x2)
100[17] image ใช้เครื่องยนต์ KTTA-50L ได้ลดสเตจเทอร์โบลง แทนเครื่อง คัมมิ่นส์ KTTA-50L รหัสเครื่องยนต์เป็น KTA-50L
CM22-7i[16] (จีอีเอ[17]) image เจเนอรัลอิเล็กทริก 4523-4560[16][17] 2538–2539[16] 38[16] 2,500 hp (1,900 kW)[16]
(1,250 hp (930 kW)x2)
100[17] image ใช้เครื่องยนต์ คัมมิ่นส์ KTA-50L[16] บางคันติดเครื่องปรับอากาศ
CSR SDA3 image ซีอาร์อาร์ซี ซิชูเยียน 5101-5120[21] 2557–2558[22][23] 20[22] 3,800 hp (2,800 kW)[22] 120 จำกัดที่ 100[22] image 5101-5120 ใช้เฉพาะขบวนขนส่งสินค้า

ใช้เครื่องยนต์ แคทเธอร์พิลลาร์ C175-16 ACERT[22]

CRRC CDA5B1 (คิวเอสวาย) image ซีอาร์อาร์ซี ซิชูเยียน 5201-5250[24] 2565[24] 50[24] 3,218 hp (2,400 kW)[24] 120[24] image ใช้ขบวนด่วนพิเศษ ด่วน เร็ว[24]

รถดีเซลราง

[]
รุ่น ผู้ผลิต รุ่นเลขที่ ปีผลิต จำนวนสร้าง กำลัง ความเร็วสูงสุด (km/h) ภาพ คำอธิบาย
อาร์เอชเอ็น image ฮิตาชิ 1011-1048 (รถกำลัง)
11-48
(รถพ่วง)
2510 38+38 220 hp (160 kW) 90 image ขบวนรถท้องถิ่นในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ บางคันติดตั้งชุดแตร Nathan K3LA บริจาคให้การรถไฟหลวงกัมพูชา
ทีเอชเอ็น image โทกีว, ฮิตาชิ และนิปปอน ชาเรียว 1101–1140 2526 40 235 hp (175 kW) 105 image คล้ายกับเอ็นเคเอฟ บางคันติดตั้งชุดแตร Nathan K3LA
เอ็นเคเอฟ image นิปปอน ชาเรียว, ฮิตาชิ, ฟูจิ เฮฟวี อินดัสตรีส์,คาวาซากิ เฮฟวี อินดัสตรีส์, นีงาตะ เทคโคโช, และคิงกิ ชาเรียว 1201–1264, (รถพ่วง) 2101-2112 2528 64+12 235 hp (175 kW) 105 image คล้ายกับทีเอชเอ็น แต่ใช้เก้าอี้พลาสติก บางคันติดตั้งชุดแตร Nathan K3LA
เอเอสอาร์ (สปรินเตอร์) image บริติช เรล เอนจิเนียริ่ง ลิมิเต็ด, ดาร์บี ลินเชิร์ช เลน เวิร์กส์ 2501–2512, (รถพ่วง) 2113-2120[25] 2534 12+8 285 hp (213 kW) 160 กำหนดสูงสุด 120 image รุ่นรางหนึ่งเมตรของบริติช เรล คลาส 158 แตกต่างที่ทางเชื่อมและขอพ่วง และใช้ประตูแบบสแลมเปิดเข้าด้านในแทนประตูแบบปลั๊ก พ่วง 3 จนถึงปี 2554 ตกแต่งใหม่ด้วยเบาะนั่งใหม่ พื้นไวนิล ประตูแบบปลั๊ก และทำสีใหม่ บางคันติดตั้งชุดแตร Nathan K3LA
APD .20 (แดวู) image แดวู เฮฟวี อินดัสตรีส์ 2513-2524 (รถพ่วง) 2121-2128 2538 12+8 298 hp (222 kW) 120 image แดวูรุ่นที่ 1 มีลำตัวรถแคบ ติดตั้งชุดแตร Nathan K3LA ทั้งหมด
APD .60 (แดวู) image แดวู เฮฟวี อินดัสตรีส์ 2525-2544 2539 20+40 298 hp (222 kW) 120 image แดวูรุ่นที่ 2 มีลำตัวรถกว้าง ติดตั้งชุดแตร Nathan K3LA ทั้งหมด
คิฮะ 183-0 image ฟูจิ เฮฟวี อินดัสตรีส์ 2524/2525 17 220–660 hp (160–490 kW) 110 image บริจาคโดย JR ฮกไกโด ในปี 2564
คิฮะ 40/48 image ฟูจิ เฮฟวี อินดัสตรีส์ และนิอิกาตะ เทคโค 2520-2526 20 217 hp (162 kW) 95 image บริจาคโดย JR ตะวันออก ในปี 2567

รถไฟฟ้า

[]
รุ่น ผู้ผลิต รุ่นเลขที่ ปีผลิต จำนวนสร้าง กำลัง ความเร็วสูงสุด (km/h) ภาพ คำอธิบาย
เอที100 image ฮิตาชิ T01 - T15 2562 130 160 image ใช้ในรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดงเข้ม และสายสีแดงอ่อน 15 ขบวนเป็นชุดพ่วง 6 คัน ในขณะที่ 10 ขบวนเป็นชุดพ่วง 4 คัน

รถจักรไอน้ำ

[]

ใช้สำหรับบริการขบวนพิเศษเท่านั้น

รุ่น ผู้ผลิต รุ่นเลขที่ ปีผลิต จำนวนสร้าง กำลัง ความเร็วสูงสุด (km/h) ภาพ คำอธิบาย
ญี่ปุ่นมิกาโด image มิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสทรีส์, ฮิตาชิ, นิปปอน ชาเรียว, คาวาซากิ เฮฟวี อินดัสตรีส์, กิช่า เซโซะ 351-378, 901-970

(เหลือ 953 ประจำการ)

2479-2494 98 1,280 hp (950 kW) 85 image ขบวนพิเศษนำเที่ยวในวันแม่ วันพ่อ วันปิยมหาราช และวันสถาปนา รฟท.
ญี่ปุ่นแปซิฟิค image มิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสทรีส์, ฮิตาชิ, นิปปอน ชาเรียว, คาวาซากิ เฮฟวี อินดัสตรีส์, กิช่า เซโซะ 283-292, 821-850

(เหลือ 824 และ 850 ประจำการ)

2485-2494 40 1,280 hp (950 kW) 100 image ขบวนพิเศษนำเที่ยวในวันแม่ วันพ่อ วันปิยมหาราช และวันสถาปนา รฟท.
เจเอ็นอาร์ คลาสซี 56 image มิตซูบิชิเฮฟวีอินดัสทรีส์, ฮิตาชิ, นิปปอน ชาเรียว, คาวาซากิ เฮฟวี อินดัสตรีส์, กิช่า เซโซะ 701-746

(เหลือ 713 และ 715 ประจำการ)

2478-2482 46 592 hp (441 kW) 75 image ใช้บนเส้นทางสายน้ำตก (ทางรถไฟสายมรณะ) ในงานสัปดาห์สะพานข้ามแม่น้ำแคว จังหวัดกาญจนบุรี

ปลดประจำการ

[]

รถจักรไอน้ำ

[]

รถจักรรางมาตรฐาน

[]
รุ่น ผู้ผลิต รุ่นเลขที่ ปีผลิต จำนวนสร้าง ภาพ คำอธิบาย
รุ่น B (ดูบส์) image ดูบส์ แอนด์ คอมปานี 1-4 2437 4 รถจักรไอน้ำรุ่นแรกของกรมรถไฟ
รุ่น A (ดูบส์) image ดูบส์ แอนด์ คอมปานี 5-6 2437 4 หมายเลข 3127 และ 3128 ไม่ได้ส่งมอบ
รุ่น A (ฮันสเลท) image ฮันสเลท เอนจิน คอมปานี 7-8 ภายหลัง 21-22 2430/2437 2 ไม่มีภาพถ่ายปรากฏที่แน่ชัด หมายเลข 7 เดิมชื่อ St-y-Nyll และหมายเลข 8 เดิมชื่อ Faringdon
รุ่น A (แพคเก็ท) image แพคเก็ท แอนด์ ซันส์ 9-10 2440 2 เป็นรถรุ่น B1 ในสายการผลิตของบริษัทแพคเก็ท แอนด์ ซันส์
รุ่น B (ฮาโนแมก) image ฮาโนแมก 11-16, 25-30 ภายหลัง 101-124 2441, 2443, 2446-2448, 2451, 2453 24 เป็นรถจักรตระกูล P3 ของการรถไฟแห่งรัฐปรัสเซีย หมายเลข 113-121 ไม่ทราบหมายเลขดั่งเดิม
รุ่น C (เคราส์) image เคราส์ ออฟ มิวนิก 17-24 ภายหลัง 201-209 2441/2443/2445 8
รุ่น C (ฮาโนแมก) image ฮาโนแมก 31-34, 112-118, 220-221 ภายหลัง 209-221 2449-2451, 2453 13 เป็นรถจักรตระกูล G5 ของการรถไฟแห่งรัฐปรัสเซีย ทั้งหมดได้แปลงเป็นรถจักรราง 1 เมตร หมายเลข 218 ได้แปลงไปใช้เครื่องเปลี่ยนอาการแบบ Caprotti
รุ่น A (เฮนเชล) image เฮนเชล แอนด์ ซอนห์ 51-56 2452, 2457 6 เป็นรถจักรตระกูล T3 ของการรถไฟแห่งรัฐปรัสเซีย ทั้งหมดได้แปลงเป็นรถจักรราง 1 เมตร
รุ่น 301 (ฮาโนแมก) image ฮาโนแมก 301-302 ภายหลัง 401-402 2456 2 image ทั้งหมดได้แปลงเป็นรถจักรราง 1 เมตร
รุ่น A (แมนนิ่ง วาเดิล) image แมนนิ่ง วาเดิล 21-22 2462 2 ไม่มีภาพถ่ายปรากฏที่แน่ชัด

รถจักรราง 1 เมตร

[]
รุ่น ผู้ผลิต รุ่นเลขที่ ปีผลิต จำนวนสร้าง ภาพ คำอธิบาย
รุ่น A (เฮนเชล) image เฮนเชล แอนด์ ซอนห์ 51-56 2452, 2457 6 image เป็นรถจักรตระกูล T3 ของการรถไฟแห่งรัฐปรัสเซีย ทั้งหมดได้แปลงเป็นรถจักรราง 1 เมตร
รุ่น A (บรัช) image บรัช อีเลคตริกัล คอมปานี 57-63 2453-2454 7 image
รุ่น D (เคราส์) image เคราส์ ออฟ มิวนิก 1-7 ภายหลัง 125-131 2444-2445, 2455 7
รุ่น C (เคราส์) image เคราส์ ออฟ มิวนิก 1-7 ภายหลัง 125-131 2444-2445, 2455 7
รุ่น C (เคราส์) image เคราส์ ออฟ มิวนิก 11-13 ภายหลัง 151-155 2444, 2455, 2457 5 หมายเลข 154-155 ไม่พบหมายเลขดั่งเดิม
แบกนัล image W. G. Bagnall 20 ภายหลัง 1 1 เดิมเป็นของ การรถไฟสหพันธรัฐมาเล
รุ่น E image นอร์ท บริติช โลโคโมทีฟ คอมปานี 8-19, 35-39 ภายหลัง 156-172, 173-197 2458, 2462 42 image หมายเลข 156, 157, 160, 162, 166 และ 167 ได้แปลงไปใช้เครื่องเปลี่ยนอาการแบบ Caprotti และหมายเลข 163, 169, 184, 185 และ 187 ได้บริจาคให้กับประเทศกัมพูชา
รุ่น E (198) image นาสมิธ วิลสัน แอนด์ คอมปานี 198 2464 1 เดิมเป็นรถจักรรุ่น K ของประเทศพม่า
รุ่น C (ฮาโนแมก) image ฮาโนแมก 209-221 2449-2451, 2453 13 ทั้งหมดได้แปลงมาจากรถจักรรางมาตรฐาน หมายเลข 218 ได้แปลงไปใช้เครื่องเปลี่ยนอาการแบบ Caprotti
บาติโนลส์แปซิฟิก image บาติโนลส์ 222-225 2467 4
บอลด์วินแปซิฟิก image บอลด์วิน โลโคโมทีฟ เวิร์ค 226-251 2468-2569, 2471-2472 26 image เป็นรถจักร 3 ลูกสูบ หมายเลข 226-237 ใช้เครื่องเปลี่ยนอาการแบบเกรซลี่ และหมายเลข 238-251 ใช้เครื่องเปลี่ยนอาการแบบฝักมะขามคู่
ฮาโนแมกแปซิฟิก image ฮาโนแมก 260-282 2471-2472 23 image เป็นรถจักร 3 ลูกสูบ หมายเลข 275-282 มีการเจาะหน้าต่างด้านข้าง และติดกระบังควันซึ่งภายหลังได้นำออก
บอลด์วินมิกาโด image บอลด์วิน โลโคโมทีฟ เวิร์ค 301-306 2466, 2468 6 image หมายเลข 301-302 เป็นรถจักรแบบ 2 ลูกสูบ และหมายเลข 303-306 เป็นรถจักรแบบ 3 ลูกสูบ
นาสมิธมิกาโด image นาสมิธ วิลสัน แอนด์ คอมปานี 311-312 2467 2
บาติโนลส์มิกาโด image บาติโนลส์ 321-326 2467 6
สวิสคอนโซลิเดชั่น image สวิส โลโคโมทีฟ แอนด์ แมชชีน เวิร์ค 331-348 2450, 2452, 2455-2456, 2458 18 image เดิมเป็นรถจักร รุ่น G 4/5 ของ การรถไฟเรเทียน
รุ่น 401 (ฮาโนแมก) image ฮาโนแมก 401-402 2456 2 ทั้งหมดได้แปลงมาจากรถจักรรางมาตรฐาน
การัตต์ image เฮนเชล แอนด์ ซอนห์ 451 - 458 2472, 2479 8 image หมายเลข 451-456 และ 457-458 เป็นคนละรุ่นกัน และเป็นรถจักรไอน้ำที่ใหญ่ที่สุดของกรมรถไฟหลวง
เจเอ็นอาร์ คลาสซี 58 image คาวาซากิเฮฟวีอินดัสทรีส์, กิช่าเซโซะไกรชะ 761-764 2481–2482 4 image เดิมเป็นของ การรถไฟแห่งรัฐบาลญี่ปุ่น หมายเลข C58 52, C58 54, C58 130, C58 136 ทั้งหมดได้แปลงมาจากรถจักรราง 1.067 เมตร
รุ่น P image Kitson and Company, นอร์ท บริติช โลโคโมทีฟ คอมปานี 801-818 2460-2462 18 image เดิมเป็นของ การรถไฟสหพันธรัฐมาเล หมายเลข MR 521.01-521.20

อ้างอิง

[]
  1. . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-08-16. สืบค้นเมื่อ 2022-03-17.
  2. รายงานประจำปี 2565 การรถไฟแห่งประเทศไทย[ลิงก์เสีย]
  3. (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 1951-06-30. สืบค้นเมื่อ 2022-03-17.
  4. ตะลึง! Blueprint ยุครัชกาลที่ 5 โครงการทางรถไฟสยามสู่จีน มีจริงหรือ-ใครอยู่เบื้องหลัง? (1)
  5. . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-05. สืบค้นเมื่อ 2014-05-09.
  6. . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2014-04-14. สืบค้นเมื่อ 2014-05-09.
  7. ตามประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 16 ตอน 24 ลงวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2442 หรือ ร.ศ. 118
  8. ประกาศกระทรวงโยธาธิการ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 16 ตอน 50 ลงวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2442 หรือ ร.ศ. 118
  9. . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-06-28. สืบค้นเมื่อ 2022-04-12.
  10. (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-11-15. สืบค้นเมื่อ 2022-04-12.
  11. (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-11-15. สืบค้นเมื่อ 2022-04-12.
  12. . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-08. สืบค้นเมื่อ 2022-04-08.
  13. . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-08. สืบค้นเมื่อ 2022-04-08.
  14. "ครม.ไฟเขียวบอร์ดรถไฟฯ ชุดใหม่ "จิรุตม์" นั่งประธานฯ". Thai PBS. 2019-10-15. จากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-10-11. สืบค้นเมื่อ 2022-10-11.
  15. "รอหน่อยนะ! คมนาคมยันเดินหน้ารถไฟฟ้าสายสีแดง"หัวลำโพง-มหาชัย"รอปรับแบบช่วงข้ามเจ้าพระยาเป็นอุโมงค์ทางลอด". ประชาชาติธุรกิจ. 2018-11-20.
  16. Phil's Loco Page (July 4, 2015). "GE Export".
  17. "SRT Diesel locomotive". September 6, 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 19, 2016.
  18. Dave Dallner (November 20, 2010). "General Electric UM12C Production Roster".
  19. "Locomotives Diesel standard Alsthom".
  20. . November 26, 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 7, 2015.
  21. Wisarut (16 January 2015), , 2Bangkok, คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 July 2015, สืบค้นเมื่อ 11 July 2015
  22. , www.railwaygazette.com, DVV Media Group, 10 January 2015, คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-04-20, สืบค้นเมื่อ 4 July 2015
  23. , Railway Gazette International, DVV Media Group, 27 January 2013, คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-04-20, สืบค้นเมื่อ 4 July 2015
  24. รีวิวหัวรถจักรใหม่ อุลตร้าแมน จากจีน #รถจักร CRRC (ภาษาอังกฤษ), สืบค้นเมื่อ 2022-01-31
  25. State Railway of Thailand 158s Modern Locomotives Illustrated issue 190 August 2011 pages 78-80
  1. เป็นงบประมาณทั้งหมดของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตั้งแต่หมวด 3 หมวด 4 และหมวด 7 รายละเอียดดูที่ พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569

วิกิพีเดีย, วิกิ, หนังสือ, ห้องสมุด, บทความ, อ่าน, ดาวน์โหลด, ฟรี, ดาวน์โหลดฟรี, มือถือ, โทรศัพท์, แอนดรอยด์, ไอโอเอส, แอปเปิ้ล, สมาร์ทโฟน, พีซี, เว็บ, คอมพิวเตอร์, ข้อมูลเกี่ยวกับ กรมรถไฟหลวง, กรมรถไฟหลวง คืออะไร? กรมรถไฟหลวง หมายความว่าอะไร?

0 ตอบกลับ

ฝากคำตอบ

ต้องการเข้าร่วมการสนทนาหรือไม่?
คุณสามารถร่วมเขียนได้!

เขียนคำตอบ

ช่องที่จำเป็นถูกทำเครื่องหมายด้วยดาว *